ครูว์-Bentley Motors ประกาศการต่อยอดกลยุทธ์ทางธุรกิจ Beyond100 สู่ Beyond100+ ซึ่งเป็นการปูเส้นทางของแบรนด์จากปี 2573 สู่ปี 2578 นอกจากนี้ Bentley Motors ยังได้ยืนยันถึงการเปิดตัวอัครยนตรกรรมแบบอเนกประสงค์พลังงานไฟฟ้า 100 % รุ่นแรกในปี 2569 ซึ่งจะถือเป็นการเจาะกลุ่มตลาดใหม่ในฐานะ Luxury Urban SUV รุ่นแรกของโลกที่ได้รับการออกแบบ พัฒนา และผลิตขึ้น ณ โรงงาน Bentley Motors เมืองครูว์ ประเทศอังกฤษ และถือเป็นรุ่นแรกในบรรดาโมเดล PHEV หรือ BEV รุ่นใหม่ที่จะเปิดตัวในแต่ละปีในช่วงทศวรรษหน้า พร้อมกับการลงทุนด้านการผลิตที่จะยังคงเดินหน้าต่อสู่การเป็นผู้ผลิตอัครยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้าแบบเต็มรูปแบบในปี 2578
Bentley Motors ในฐานะผู้นำด้านการผลิตรถยนต์แบบเครื่องยนต์ไฮบริดระดับหรูจะเสริมความแข็งแกร่งให้แก่ตำแหน่งนี้ด้วยการขยายการผลิตรถยนต์แบบเครื่องยนต์ไฮบริด (PHEV) ออกไปจากปี 2573-2578 โดยในปัจจุบัน เครื่องยนต์ V8 Hybrid แบบพลัก-อิน ไฮบริด (Ultra Performance Hybrid) จะมีเฉพาะในรุ่น Continental GT (คอนทิเนนทัล จีที), Continental GT Convertible (คอนทิเนนทัล จีที คอนเวอร์ทิเบิล) และ Flying Spur (ฟลายอิง สเปอร์) เท่านั้น หลังจากการยุติการผลิตขุมพลังในตำนานรุ่น W12 ที่ได้สร้างผลงานอันโดดเด่นมากว่า 20 ปี
Frank-Steffen Walliser ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Bentley Motors กล่าวว่า ผ่านไปเกือบ 4 ปีนับตั้งแต่ที่ Bentley ได้กำหนดกลยุทธ์ Beyond100 ขึ้นเป็นครั้งแรก เราปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจ ตลาด และกฎต่างๆ ในปัจจุบันเพื่อเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่สำหรับอนาคต Beyond100+ จึงกลายมาเป็นแสงสว่างนำทางของเราในขณะที่เราได้ปูทางออกไปจากปี 2573 ขณะเดียวกันก็ยังคงรักษาเป้าหมายของเราสำหรับอนาคตที่จะปราศจากคาร์บอน ซึ่งรวมถึงการเป็นผู้ผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100 % ตั้งแต่ปี 2578 พร้อมเพิ่มความน่าเชื่อถือในฐานะผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำของอังกฤษที่มีมานานกว่าศตวรรษสู่อนาคตข้างหน้า
สำหรับ กลยุทธ์ Beyond100+ ยังได้รวมถึงแผนการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานด้านการผลิตของโรงงานที่จะช่วยสร้างหลักประกันให้แก่อนาคตของแบรนด์สำหรับผลิตภัณฑ์ และบุคลากรในองค์กร
Bentley Motors ได้ก้าวหน้าอย่างมากในการปรับปรุงไซท์โรงงานในเมืองครูว์ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน โดยได้รับการรับรองด้านความเป็นกลางทางคาร์บอนสำหรับผู้ผลิตรถยนต์ และยังได้มุ่งเน้นไปที่การสร้าง "Dream Factory" สำหรับอนาคตของอัครยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้า
โครงการลงทุนด้วยเม็ดเงินลงทุนมหาศาล และสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ 105 ปีของแบรนด์ยังคงดำเนินต่อไปด้วยการสร้างศูนย์การออกแบบ โรงงานทำสี และตัวถัง และสายการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ทันสมัยแห่งใหม่ เปลี่ยนผ่านจากโรงงานที่มีอายุกว่า 85 ปี สู่ยุคใหม่ของการใช้พลังงานไฟฟ้า พร้อมกับมาตรฐานใหม่ด้านกระบวนการผลิตที่ทันสมัย พร้อมด้วยนวัตกรรม และเทคโนโลยีดิจิทอลแห่งยุคที่จะสร้างมูลค่าให้แก่การผลิตในอนาคต