คนรักรถ ที่หลงใหลในรถยนต์ มักใส่ใจดูแลรถคันรักให้อยู่กับเราไปนานๆ โดยเฉพาะเรื่องระบบเกียร์ ต้องรู้จักวิธีใช้เพื่อถนอมเกียร์ แน่นอนว่า การยืดอายุเกียร์อัตโนมัติ ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ตั้งแต่วิธีการขับขี่ การบำรุงรักษา และคุณภาพน้ำมันที่ใช้ เราไปดูวิธีดูแลรักษาเกียร์อัตโนมัติแบบง่ายๆ กัน
น้ำมันเกียร์อัตโนมัติ ต้องมีคุณภาพ
เกียร์อัตโนมัติที่อยู่ในรถยนต์ของเรานั้น มีหลายรูปแบบ ตั้งแต่เกียร์อัตโนมัติแบบทั่วไปอย่าง Torque Converter เกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง CVT หรือเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ Dual Clutch น้ำมันเกียร์ที่ใช้ต้องได้มาตรฐาน และเป็นที่ยอมรับของคนทั่วโลก อย่างน้ำมันเกียร์จาก AISIN น้ำมันเกรดพรีเมียมสูตรสังเคราะห์แท้ 100 % ที่ช่วยปกป้องชิ้นส่วนในชุดเกียร์ ลดการสึกหรอ โดยมีสูตรพรีเมียมให้เลือกมากมาย ครอบคลุมการใช้งานสำหรับรถเกียร์อัตโนมัติทุกประเภท
เลือกใช้น้ำมันเกียร์ ให้ตรงกับชนิดเกียร์
เนื่องจากเกียร์อัตโนมัติแต่ละประเภท ไม่สามารถใช้น้ำมันเกียร์ร่วมกันได้ ต้องเลือกใช้ให้ตรงกับชนิดของเกียร์ เช่น เกียร์ CVT ที่ใช้สายพานเหล็กกล้าเป็นตัวถ่ายทอดกำลังจากพูลเลย์ 2 ชุด โดยจะถูกสั่งให้กว้างสุด และแคบสุดต่อเนื่องกันตลอดเวลาขณะใช้งาน สายพานเหล็กเหล่านี้จึงรับภาระหนัก จำเป็นต้องพึ่งพาน้ำมันหล่อลื่นสูตรพิเศษที่เรียกว่า ซีวีที-เอฟ (CVT-F) ที่ต้องสร้าง “ความฝืด” ระหว่างผิวโลหะได้ดี มิฉะนั้นสายพานจะลื่น จนครูดกับผนังพูลเลย์
ส่วนน้ำมันเกียร์อัตโนมัติทั่วไปแบบ Torque Converter ที่เรียกว่า Automatic Transmission Fluid (ATF) มีหน้าที่ “หล่อลื่น” ผิวโลหะ ที่ส่งผ่านกำลังใน Torque Converter และต้องไม่ทำให้เกิดฟอง เวลาถูก “ปั่น” ด้วยความเร็วสูง รวมถึงต้องรักษาความหนืด หรือความข้นให้คงที่ โดยต้องมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ไม่เสื่อมสภาพง่ายเพราะถูกออกซิเจน
ดังนั้นน้ำมันเกียร์ทั้ง 2 ชนิด จึงมีคุณสมบัติที่ต่างกันอย่างชัดเจน น้ำมันเกียร์อัตโนมัติทั่วไปต้องทำให้ลื่น ส่วนน้ำมันเกียร์ CVT ต้องทำให้ฝืด ถ้าเอาน้ำมัน ATF ไม่ว่าจะ Dexron II หรือ Dexron III มาใส่กับเกียร์ CVT รับรองว่าพังแน่นอน
4 วิธียืดอายุเกียร์อัตโนมัติ
1. ปล่อยเบรคล่วงหน้าก่อนออกรถ
ก่อนออกรถ ปล่อยเท้าจากแป้นเบรคประมาณ 1 วินาที จากนั้นจึงเริ่มกดน้ำหนักที่แป้นคันเร่ง
2. ค่อยๆ กดคันเร่งทีละน้อย
เมื่อต้องการเร่งความเร็ว ให้ค่อยๆ กดน้ำหนักเพิ่มทีละน้อย อย่ากดคันเร่งเพิ่มหนักทันที
3. รักษาความเร็วให้คงที่
เมื่อถึงความเร็วที่ต้องการ ควรรักษาความเร็วให้คงที่ โดยควบคุมคันเร่งให้สม่ำเสมอ
4. ประเมินสถานการณ์ล่วงหน้า
วางแผนการขับเฉพาะหน้าตลอดเวลา หากรู้ตัวว่าต้องเบรค ให้ถอนเท้าออกจากคันเร่งก่อนแต่เนิ่นๆ เพื่อให้รถไหลด้วยแรงเฉื่อยก่อน แล้วค่อยเบรค ในขณะปล่อยเท้าออกจากเบรค น้ำมันเชื้อเพลิงจะถูกตัดทันที และจะฉีดน้ำมันอีกครั้งที่รอบต่ำกว่า 1,000 รตน. เพื่อเลี้ยงรอบเดินเบา