ข่าวจากสหรัฐอเมริกา ระบุว่า Mercedes-Benz (เมร์เซเดส-เบนซ์) กำลังอยู่ในระหว่างพัฒนาระบบเบรคแบบใหม่ ซึ่งไม่ได้ติดตั้งที่ดุมล้อเหมือนเดิมแล้ว
ทีมวิศวกรได้แสดงถึงนวัตกรรมล่าสุดเรียกว่า In-Drive Brake ซึ่งเป็นการพัฒนาใหม่โดยย้ายระบบเบรคจากที่ติดตั้งบริเวณดุมล้อ มาอยู่ภายในเรือนมอเตอร์ของรถไฟฟ้า ซึ่งเรียกภายในของบริษัทว่า “ระบบเบรคแห่งอนาคต” โดยขณะนี้ระบบดังกล่าวอยู่ระหว่างการทดสอบ แต่ยังไม่ได้แจ้งว่าจะผลิตหรือไม่ หรือจะเริ่มการผลิตเมื่อไร
ระบบ In-Drive Brake ใช้ระบบห้ามล้อด้วยแรงเสียดทานของจานเบรคโลหะ และผ้าเบรค ควบคุมการทำงานด้วยแรงดัน ระบบเบรคถูกผนึกอยู่ภายในชุดเรือนมอเตอร์ไฟฟ้าโลหะ จึงไม่สามารถใช้การระบายความร้อนด้วยอากาศได้ ต้องระบายความร้อนด้วยของเหลวแทน ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการเลือกชนิดของเหลว และค่าความหนืดที่เหมาะสมในการระบายความร้อน โดยไม่ต้องใช้รังผึ้งระบายความร้อน
จากการทดสอบพบว่า ระบบเบรคแบบนี้มีแรงเบรค 2 % ของทั้งหมด โดยอีก 98 % เป็นแรงเบรคจากระบบเบรคแบบรีเจนเนอเรทีฟ (Regenerative) หรือสร้างกระแสไฟย้อนกลับ
ปัจจุบันรถรุ่น Mercedes-Benz EQS (เมร์เซเดส-เบนซ์ อีคิวเอส) สามารถสร้างกระแสไฟย้อนกลับด้วยระบบเบรครีเจนเนอเรทีฟได้ 290 กิโลวัตต์ ส่วนรถรุ่นใหม่อย่าง CLA พลังไฟฟ้า รุ่นปี 2026 สามารถสร้างกระแสไฟฟ้าย้อนกลับได้ 200 กิโลวัตต์
เบรคแบบใหม่ถูกออกแบบให้มีอายุการใช้งานตลอดอายุการใช้งานของรถ ซึ่งคาดการณ์ไว้ที่ 15 ปี หรือ 300,000 กม. ซึ่งสามารถลดต้นทุนการดำเนินงานได้ ผ้าเบรคของระบบนี้จะมีอายุการใช้งานนานกว่าระบบเบรคที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน โดยการติดตั้งครอบคลุมพื้นที่หน้าจานเบรคทั้งหมด จึงมีหน้าสัมผัสมากกว่า
Mercedes-Benz ยังออกแบบให้ระบบ In-Drive สามารถติดตั้งบริเวณกึ่งกลางของชุดเพลาหน้าของรถไฟฟ้าระบบมอเตอร์เดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลัง โดยไม่ต้องทำหน้าที่ขับเคลื่อน การย้ายระบบเบรคมายังกึ่งกลางตัวรถ จึงเป็นการย้ายมวลใต้สปริงมาที่ตัวรถ ซึ่งทำให้รถมีการควบคุมการขับขี่ดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม ระบบเบรคแบบใหม่ยังมีราคาสูงกว่า บริษัทจึงมีเป้าหมายพยายามลดต้นทุนให้ถูกลงจนเท่ากับระบบเบรคแบบดั้งเดิมให้ได้