ข่าวจากสหรัฐอเมริกา ระบุว่า Lotus (โลทัส) ปรับแผนการผลิตของบริษัทใหม่ จากเป้าหมายเดิมจะเป็นผู้ผลิตรถไฟฟ้าทุกรุ่นต้องเปลี่ยนแผนใหม่ โดยหันมาผลิตรถระบบพลัก-อิน ไฮบริด
Feng Qingfeng ซีอีโอ Lotus ได้ยืนยันการปรับแผนการผลิตรถในอนาคตที่งานแสดงรถที่กวางโจว ประเทศจีน โดยเลือกระบบไฮบริดแบบขยายระยะทาง (Range-Extender) ที่เรียกว่า “Super Hybrid” โดยเป็นระบบส่งกำลังที่ผสมผสานเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบกับแบทเตอรี แบบ Ultra-Rapid Charging โดยตั้งเป้าหมายระยะเดินทางได้ถึง 680 ไมล์ (1,100 กม.)
เขายังไม่ได้ชี้ชัดว่าระบบพลัก-อิน ไฮบริด แบบขยายระยะทาง จะถูกนำมาใช้กับรถใด แต่คาดว่า Eletre น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดี เพราะถูกวางตำแหน่งระดับเดียวกับ Porsche Macan EV (โพร์เช มาคัน อีวี) ส่วนเครื่องยนต์ต้นกำลังผลิตกระแสไฟป้อนแบทเตอรีนั้น ยังไม่ระบุว่าเป็นเครื่องยนต์ของค่ายใด แม้ว่ารถสปอร์ท Emira (เอเมียร์อา) ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ เทอร์โบ จาก Mercedes-AMG (เมร์เซเดส-เอเอมจี) และมีแนวโน้มว่าในอนาคตขุมพลังจะเปลี่ยนเป็นแบรนด์อื่น
ขุมพลังไฮบริดขยายระยะทางของ Lotus จะต้องเป็นเครื่องยนต์สันดาปภายในที่ชาร์จแบทเตอรีได้เร็วกว่าผู้ผลิตรายอื่น ทั้งยังใช้สถาปัตยกรรมกระแสไฟ 900 โวลท์ ที่รับการชาร์จแบบ “Flash Charge” ซึ่งใช้เวลาชาร์จน้อยกว่า วิธีสลับ (Swapping) แบทเตอรีของค่าย Nio (นีโอ) เสียอีก
การปรับเปลี่ยนนี้ถูกเลือกในขณะสถานการณ์ยอดขายรถไฟฟ้าตก โดยเฉพาะในกลุ่มของรถหรู ซึ่งเป็นกลุ่มของ Lotus ในขณะที่ยอดขายรถเครื่องยนต์ไฮบริดแบบขยายระยะทางในประเทศจีนกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น
นอกจากนั้น Lotus ยังชะลอการส่งรถไฟฟ้ารุ่นใหม่ อย่าง Eletre (เอเลตเรอ) และ Emeya (เอมียา) ไปยังตลาดสหรัฐอเมริกาตามแผนเดิม