ข่าวจากสหรัฐอเมริกา ระบุว่า ยุคของรถพลังไฮโดรเจนมาถึงแล้ว โดยเฉพาะการใช้เครื่องยนต์เชื้อเพลิงไฮโดรเจนกับรถเพื่อการพาณิชย์ทางฝั่งยุโรป ทั้งยังมีบริษัทผู้ผลิตรถหลายรายทั่วโลกได้จดสิทธิบัตรเครื่องยนต์ไฮโดรเจน เพื่อการใช้งานด้านการขนส่ง หรือใช้ในรถสมรรถนะสูง
การทำงานของเครื่องยนต์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน มีหลักการเหมือนกับเครื่องยนต์เบนซิน และดีเซล ด้วยการผสมอากาศกับเชื้อเพลิงไฮโดรเจน แล้วจุดระเบิดจนได้กำลังขับเคลื่อน ขณะนี้บริษัท Cummins ได้ผลิตระบบเทอร์โบชาร์จพิเศษเพื่อรองรับเครื่องยนต์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน โดยเรียกว่า CCS H2 ICE
Cummins พัฒนาเทอร์โบแบบแปรผัน เพื่อสามารถตอบสนองการทำงานของเครื่องยนต์ไฮโดรเจน มีการออกแบบระบบเทอร์โบ ด้วยหลักการอากาศพลศาสตร์เพื่อสามารถลำเลียงเชื้อเพลิงไฮโดรเจนได้ดีที่สุด ซึ่งไฮโดรเจนมีความหนาแน่นต่ำกว่าเชื้อเพลิงเบนซิน และดีเซล ส่วนผลที่ได้การเผาไหม้เชื้อเพลิงไฮโดรเจน คือ “น้ำ” ซึ่งเทอร์ไบน์ฝั่งไอเสียต้องเผชิญกับละอองน้ำจากท่อไอเสีย ซึ่งต้องออกแบบเทอร์โบที่มีทั้งประสิทธิภาพ และอายุการใช้งานที่ยาวนาน
ในยุโรป เครื่องยนต์สันดาปภายในเชื้อเพลิงไฮโดรเจนมีสถานะมลพิษเท่ากันศูนย์ จึงสอดคล้องกับมาตรฐานไอเสีย ยูโร 7 เครื่องยนต์ที่ติดตั้งเทอร์โบของ Cummins จึงไม่ขัดกับข้อกำหนด และสามารถใช้งานบนทางหลวงได้
ระบบเทอร์โบสำหรับเครื่องยนต์เชื้อเพลิงไฮโดรเจนในส่วนใหญ่ ถูกออกแบบสำหรับรถเพื่อการพาณิชย์โดยเฉพาะรถบรรทุก แต่บริษัทรถยนต์นั่งอย่าง Ferrari (แฟร์รารี) ได้จดสิทธิบัตรการออกแบบเครื่องยนต์เชื้อเพลิงไฮโดรเจนแล้ว แต่คงต้องรออีกระยะเวลาหนึ่ง แล้วจะได้เห็นซูเพอร์คาร์พลังไฮโดรเจนที่มาพร้อมกับเทอร์โบประสิทธิภาพสูง
ปัญหาใหญ่ของการใช้งานรถพลังเชื้อเพลิงไฮโดรเจนอยู่ที่โครงสร้างพื้นฐาน รวมไปถึงกระบวนการขนส่ง และการจัดเก็บเชื้อเพลิงไฮโดรเจน ซึ่งมีความยากกว่าเชื้อเพลิงฟอสซิล ทั้งต้องใช้ถังเชื้อเพลิง และท่อส่งแกสที่สามารถทนแรงดันสูง รวมถึงกระบวนการเติมแกสด้วยวิธีเฉพาะ
สำหรับเทอร์โบที่ผลิตโดย Cummins ขณะนี้ยังไม่ประกาศกำหนดการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ