ธุรกิจ
Omoda & Jaecoo ประกาศแผนขยายธุรกิจในไทย
![](https://autoinfo.co.th/uploads/2024042121525456.jpg)
Omoda & Jaecoo (โอมาดา แอนด์ เจคู) ภายใต้บริษัท Chery Automobile (เชอรี ออโทโมบิล) ผู้นำเทคโนโลยียานยนต์ชั้นนำระดับโลก เผยความสำเร็จอันน่าประทับใจของปีที่ผ่านมา และแผนการเติบโตในอนาคต พร้อมตอกย้ำวิสัยทัศน์ "One Vision, One Drive, Inspiring the E-Future"
ฉี เจี๋ย ประธาน บริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในปี 2567 Chery Group ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Omoda & Jaecoo ได้แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งด้วยยอดขายที่เติบโตขึ้นถึง 38 % หรือยอดส่งมอบ 2.6 ล้านคัน คิดเป็นยอดรายได้ที่เติบโตขึ้นกว่า 50 % นอกจากนี้ ยังรักษาตำแหน่งผู้ส่งออกรถยนต์อันดับ 1 ของประเทศจีนมายาวนานถึง 22 ปี ในขณะที่ Omoda & Jaecoo ซึ่งเป็นแบรนด์น้องใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา แต่มีการเปิดตัวทั่วโลกถึง 33 ประเทศ ไม่ว่าจะเป็น คาซัคสถาน, ชิลี, เมกซิโก, สเปน, เวียดนาม, แอฟริกาใต้, นิวซีแลนด์, เนเธอร์แลนด์ รวมถึงประเทศไทย จนได้รับการยอมรับในฐานะแบรนด์รถยนต์ที่เติบโตเร็วที่สุดในระดับโลก (The Fastest International Growth Car Brand) ซึ่งในปีที่ผ่านมา Omoda & Jaecoo ได้สร้างปรากฏการณ์การเติบโตแบบก้าวกระโดดด้วยยอดขายที่เพิ่มขึ้นถึง 54 % ทั่วโลก
"ความสำเร็จของ Omoda & Jaecoo ในปี 2567 เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการเดินทางสู่อนาคตแห่งการขับเคลื่อนที่ยั่งยืน ผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมานี้ไม่เพียงแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของลูกค้าที่มีต่อรถ และเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยของเรา แต่ยังเป็นแรงผลักดันให้เราก้าวต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง โดยในปีนี้ Omoda & Jaecoo ได้เตรียมแผนรุกตลาดในประเทศไทยอย่างเต็มกำลัง ทั้งการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ ตั้งฐานการผลิตในไทย ขยายศูนย์บริการให้ครอบคลุม พร้อมเพิ่มบริการแบบครบวงจร"
เตรียมเปิดตัวรถรุ่นใหม่ พร้อมวางฐานการผลิตในประเทศไทย
Omoda & Jaecoo เตรียมเปิดตัวรถรุ่นใหม่ที่ตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคในหลากหลายกลุ่ม โดยในปีนี้เน้นการนำเสนอเทคโนโลยี SHS (Super Hybrid System) ที่ Omoda & Jaecoo ได้รับการพัฒนาต่อยอดมาจากเทคโนโลยีไฮบริดเจเนอเรชันที่ 3 ของ Chery Automobile เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการในตลาดยานยนต์โลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง มีส่วนประกอบหลัก 3 ส่วน ได้แก่ เครื่องยนต์ 1.5TDGI เจเนอเรชันที่ 5 ระบบซูเพอร์อีเลคทริคไฮบริด DHT (Super Electric Hybrid DHT System) และแบทเตอรีประสิทธิภาพสูง ที่เน้นเรื่องการใช้พลังงานจากน้ำมันเชื้อเพลิงเข้ากับประสบการณ์การขับขี่ของรถยนต์ไฟฟ้าล้วน ที่ทำให้การวิ่งได้ระยะยาวขึ้น แต่ยังโดดเด่นด้วยประสิทธิภาพเชิงความร้อน (Thermal Efficiency) ที่ดีเยี่ยม ระยะทางในการขับขี่ที่ยาวไกล การปล่อยคาร์บอนเพียงน้อยนิด และระบบแบทเตอรีที่มีความปลอดภัยสูงเป็นพิเศษอย่างที่แบรนด์อื่นๆ ไม่มี นับเป็นโซลูชันเทคโนโลยีไฮบริดที่ผสานประสิทธภาพสูง การประหยัดพลังงาน การปกป้องสิ่งแวดล้อม และความปลอดภัยเข้าไว้ด้วยกัน
ปีนี้ Omoda & Jaecoo พร้อมนำเสนอยนตรกรรมพลังงานใหม่เพื่อเป็นทางเลือกที่หลากหลาย ครอบคลุมทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ทั้ง BEV, PHEV และอื่นๆ และเตรียมจัดเต็มกองทัพผลิตภัณฑ์ทุกโมเดลในงาน Bangkok International Motor Show ที่จะถึงนี้ พร้อมเตรียมเปิดฐานการผลิตที่โรงงานในจังหวัดระยอง คาดว่าพร้อมเริ่มเดินสายการผลิตในไตรมาสที่ 2 ของปี
ขยายโชว์รูมเป็นกว่า 50 แห่งทั่วประเทศ พร้อมยกระดับบริการหลังการขายเต็มรูปแบบ
อีกหนึ่งเป้าหมายของ Omoda & Jaecoo คือ การขยายเครือข่ายโชว์รูม โดยตั้งเป้าเพิ่มจำนวนโชว์รูมจากเดิม 23 แห่ง เป็นกว่า 50 แห่งทั่วประเทศในปีนี้ ควบคู่ไปกับการยกระดับบริการหลังการขาย โดยได้ร่วมมือกับ DHL Express ผู้นำระดับโลกด้านการขนส่งด่วนระหว่างประเทศในการดำเนินการจัดส่งอะไหล่ระหว่างประเทศภายใน 3 วัน พร้อมขยายคลังอะไหล่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการ และลดระยะเวลาการสั่งซื้ออะไหล่เร่งด่วนจากโรงงานผู้ผลิตในประเทศจีนจาก 30 วัน เหลือเพียง 15 วัน เพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการให้บริการ และในปีนี้มีแผนในการเพิ่มบริการดูแลตัวถัง และสีที่ได้รับการรับรองมาตรฐานให้ครบทุกโชว์รูม พร้อมเตรียมเปิดศูนย์ฝึกอบรมแบบเต็มรูปแบบ (Training Center) แห่งใหม่ในเดือนกุมภาพันธ์ เพื่อให้ทุกการบริการเป็นไปตามมาตรฐาน และมีประสิทธิภาพสูงสุด
อัพเกรด CRM มีรถให้ยืมใช้ หากซ่อมเกิน 3 วัน
Omoda & Jaecoo เตรียมแผนเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ลูกค้าด้วยการพัฒนาระบบ CRM โดยพัฒนาระบบการจองออนไลน์ เพื่อให้ลูกค้ามาใช้บริการได้รับความรวดเร็ว และยังมีบริการรถยนต์ทดแทนในกรณีที่รถของลูกค้าต้องใช้ระยะเวลาในการซ่อมเกิน 3 วัน
นอกจากนี้ ยังมีบริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมงทั่วประเทศไทย (โทร. 0-2020-8888 กด 1) ฟรี 5 ปี ไม่จำกัดจำนวนครั้ง
พร้อมวางแผนจัดกิจกรรมทางการตลาดอัดแน่นตลอดทั้งปี ทั้งกิจกรรมในกลุ่มลูกค้าปัจจุบัน กลุ่มผู้บริโภคเป้าหมาย และกิจกรรมกับผู้จำหน่ายทั่วประเทศ ทั้งการสร้างประสบการณ์การขับขี่ การเป็นสปอนเซอร์ให้แก่กิจกรรมต่างๆ ที่เป็นที่สนใจของกลุ่มเป้าหมาย และการจัดโรดโชว์ทั่วประเทศ
"ปี 2568 นี้ เรายึดมั่นในวิสัยทัศน์ "One Vision, One Drive, Inspiring the E-Future" สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราในการนำเสนอนวัตกรรมยานยนต์ที่ล้ำสมัยผ่านการยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าในทุกมิติ ทั้งด้านผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ การบริการที่ครอบคลุม การดูแลหลังการขายที่เหนือระดับ และการลงทุนในโรงงานผลิตในประเทศไทย ซึ่งไม่เพียงแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นระยะยาวของ Omoda & Jaecoo ในการเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย แต่ยังเป็นก้าวสำคัญในการร่วมขับเคลื่อนอนาคตแห่งการขับขี่ที่ยั่งยืนไปด้วยกัน เรามุ่งหวังที่จะเป็นมากกว่าแค่ผู้ผลิตรถยนต์แต่พร้อมที่จะเป็นผู้ร่วมสร้างประสบการณ์การเดินทางที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์อย่างแท้จริง"