ธุรกิจ
ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์
Motor Expo 2025 พร้อม ! เปิดจองพื้นที่ 5 มิย. นี้
ขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธานจัดงาน "มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 42" หรือ The 42nd Thailand International Motor Expo 2025 เปิดเผยว่า จากความสำเร็จของ “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41” ขอขอบ คุณผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ทั้งผู้อุปถัมภ์ ผู้สนับสนุน ค่ายรถยนต์ รถจักรยานยนต์ อุปกรณ์เกี่ยวเนื่อง ธุรกิจเรือ อากาศยาน ตลอดจนหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน รวมถึงผู้เข้าชมงานที่เมืองทองธานี และออนไลน์จำนวนมหาศาล สำหรับยอดจองรถในงาน แบ่งเป็นรถยนต์ 54,513 คัน จักรยานยนต์ 7,982 คัน และจากข้อมูลผู้ร่วมกิจกรรม “ซื้อรถ...ชิงรถ” พบว่า มีผู้ร่วมกิจกรรมมากกว่าปีที่แล้ว โดยเป็นรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ (สันดาป, ไฮบริด และพลัก-อิน ไฮบริด) 58.7 % และรถยนต์ไฟฟ้า 41.3 % รถยนต์ที่ผู้ซื้อเข้าร่วมกิจกรรมสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ Honda (ฮอนดา), BYD (บีวายดี) และ Toyota (โตโยตา) ส่วนรถเครื่องยนต์ที่มียอดจองสูงสุด ได้แก่ Honda, Toyota และ Ford (ฟอร์ด) ด้านรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) ที่มียอดจองสูงสุด ได้แก่ BYD, Aion (ไอออน) และ Geely (จีลี)
นอกจากนี้ ประเภทรถที่ได้รับความสนใจแบ่งเป็นประเภทต่างๆ ได้แก่ รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV) 60.9 % รถเก๋ง 14.2 % รถท้ายลาด 12.0 % รถอเนกประสงค์ 6.9 % รถกระบะ 5.5 % และอื่นๆ 0.5 %
รถจักรยานยนต์ ที่ผู้ซื้อเข้าร่วมกิจกรรม “ซื้อมอเตอร์ไซค์...ชิงบิกไบค์” สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ Zontes (ซอนเทส), EM (อีเอม), Royal Alloy (รอยัล อัลลอย), Yamaha (ยามาฮา) และ Triumph (ทไรอัมฟ์)
ราคาเฉลี่ยของรถยนต์ที่ขายได้ในงาน 1,259,928 บาท รถจักรยานยนต์ ราคาเฉลี่ย 191,063 บาท เงินหมุนเวียนในงานราว 5.5 หมื่นล้านบาท ผู้เข้าชมงาน 1,426,044 คน ยอดดาวน์โหลด Motor Expo Application 30,808 คน และมีผู้ชมงานออนไลน์ 2,476,001 วิว
ด้านอุปกรณ์เกี่ยวเนื่อง และ Join Boat Platform สร้างยอดเงินสะพัด รวมกว่า 30 ล้านบาท ส่วนแพคเกจ Motor Expo Exclusive Visitor ที่อำนวยความสะดวกแก่ผู้ชมงานระดับวีไอพี ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นจากปีก่อน
สำหรับการจัดงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 42” ภายใต้แนวคิด “อลังการงานแสดง-The Magnificent Motor Expo” ขณะนี้ได้จัดสรรพื้นที่ภายในชาลเลนเจอร์ 1-3 รวม 60,000 ตรม. เรียบร้อย พร้อมจะเปิดให้จองพื้นที่งานอย่างเป็นทางการในวันที่ 5 มิถุนายน 2568 โดยช่วงเช้าจะเป็นการแถลงข่าวแก่สื่อมวลชน ช่วงบ่าย เปิดจองพื้นที่สำหรับบริษัทรถยนต์ที่ประกอบในประเทศ และนำเข้า และรถจักรยานยนต์ที่ประกอบในประเทศ และนำเข้าอุปกรณ์เกี่ยวเนื่องรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ในโซนมอเตอร์สปอร์ท
งาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 42” จะจัดขึ้น ณ อาคารชาลเลนเจอร์ IMPACT เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน-10 ธันวาคม 2568 ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ motorexpo.co.th และทุกสื่อในเครือ “IMC สื่อสากล”
.....................................................................................................
ประกาศแล้ว ! อัตราภาษีน้ำมัน "ดีเซล-เบนซิน" ใหม่
มีผลแล้ว ราชกิจจาฯ ประกาศกฎกระทรวง อัตราภาษีน้ำมันดีเซล-เบนซิน ใหม่
เวบไซท์ราชกิจจานุเบกษา ประกาศอัตราภาษีสรรพสามิต น้ำมันดีเซล-เบนซิน (มีผลบังคับใช้ทันที) โดยมีเหตุผลว่า ปัจจุบันราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกมีแนวโน้มปรับตัวลดลง สมควรเพิ่มอัตราภาษีสรรพสามิตสำหรับสินค้าน้ำมัน และผลิตภัณฑ์น้ำมัน ประเภทน้ำมันเบนซิน และน้ำมันดีเซล เพื่อให้รัฐมีรายได้จากการจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้น สำหรับการนำไปบริหารประเทศต่อไป โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
อัตราภาษีน้ำมันดีเซล-เบนซิน ใหม่
- น้ำมันเบนซิน 95
จากเดิมเก็บภาษีสรรพสามิต 6.50 บาท/ลิตร อัตราใหม่ 7.50 บาท/ลิตร เพิ่มขึ้น 1 บาท - น้ำมันแกสโซฮอล 95 (E10)
จากเดิมเก็บภาษีสรรพสามิต 5.85 บาท/ลิตร อัตราใหม่ 6.75 บาท/ลิตร เพิ่มขึ้น 0.90 บาท/ลิตร - น้ำมันแกสโซฮอล 91 (E10)
จากเดิมเก็บภาษีสรรพสามิต 5.85 บาท/ลิตร อัตราใหม่ 6.75 บาท/ลิตร เพิ่มขึ้น 0.90 บาท/ลิตร - น้ำมันแกสโซฮอล 95 (E20)
จากเดิมเก็บภาษีสรรพสามิต 5.20 บาท/ลิตร อัตราใหม่ 6.00 บาท/ลิตร เพิ่มขึ้น 0.80 บาท/ลิตร - น้ำมันแกสโซฮอล 95 (E20)
จากเดิมเก็บภาษีสรรพสามิต 0.975 บาท/ลิตร อัตราใหม่ 1.125 บาท/ลิตร เพิ่มขึ้น 0.15 บาท/ลิตร - น้ำมันดีเซล
จากเดิมเก็บภาษีสรรพสามิต 5.99 บาท/ลิตร อัตราใหม่ 6.92 บาท/ลิตร เพิ่มขึ้น 0.93 บาท/ลิตร
.....................................................................................................
แก้รถติด ! ใช้เทคโนโลยี “ไฟจราจรอัตโนมัติ” นำร่อง 72 แยกทั่ว กทม.
กทม. นำร่องติดตั้งไฟจราจรอัตโนมัติ 72 แยก ปรับสัญญาณไฟตามปริมาณรถ แก้ลดรถติด เพิ่มความคล่องตัว
เปลี่ยนระบบอัตโนมือ เป็นอัตโนมัติ
กรุงเทพฯ และสำนักการจราจรและขนส่ง ลงพื้นที่บริเวณถนนสุขุมวิท 101/1 เพื่อติดตามการทำงานระบบสัญญาณไฟจราจรอัตโนมัติ Adaptive Control หรือการปรับสัญญาณไฟตามปริมาณการจรา จร โดยปัจจุบันสัญญาณไฟจราจรในกรุงเทพฯ ประมาณ 500 แยก เป็นระบบอัตโนมือ คือ ให้ตำรวจเป็นคนกดสัญญาณไฟตามสภาพการจราจร หรือแบบตั้งเวลาไว้ เช่น หากผู้ขับขี่เห็นสัญญาณไฟ เมื่อแดงปุ๊บแล้วมีการนับถอยหลังเลยจะเป็นแบบตั้งเวลาไว้ ไม่ได้ปรับตามสภาพการจราจร ซึ่งแบบนี้บางครั้งรถโล่งแต่ยังเป็นไฟเขียวอยู่ แต่ฝั่งที่เป็นไฟแดงรถติดยาว หรือหากเป็นตำรวจกดเองก็อาจไม่เห็นสภาพการจราจรทั้งหมด
Adaptive Control ปรับสัญญาณตามปริมาณรถจริง
ตอนนี้มีการติดตั้งระบบ Adaptive Control โดยเป็นการใช้กล้องวัดปริมาณจราจร และใช้คอมพิวเตอร์คำนวณว่าจะปล่อยรถอย่างไรให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งขณะนี้ติดตั้งไปแล้ว 72 แยก ตามแนวถนนสุขุมวิท แนวถนนเพชรบุรี แนวถนนพระราม 4 แนวถนนพหลโยธิน และบริเวณย่านสีลม โดยมีแผนจะติดตั้งเพิ่มอีก 200 แยก ในปีหน้า
การจราจรดีขึ้น 15 %
จากการนำร่องทดลองใช้ระบบ Adaptive Control พบว่า ในช่วงที่ไม่ใช่ชั่วโมงเร่งด่วนการจราจรดีขึ้นประมาณ 15 % ส่วนในชั่วโมงเร่งด่วนอยู่ระหว่างเก็บข้อมูลกับทางตำรวจ อาจมีบางแยกที่รถติดหนักมากก็ต้องใช้ตำรวจมากดสัญญาณไฟ ซึ่งต้องดูความเหมาะสมประสานทั้ง 2 ระบบควบคู่กัน
ทางกรุงเทพฯ เผยว่า การปรับสัญญาณไฟตามปริมาณรถ บางครั้งบอกล่วงหน้าไม่ได้เพราะไม่รู้ว่ารถจะหมดเมื่อไร อาจจะเห็นแค่ 5 วินาทีสุดท้าย แต่ไม่เห็นทั้งช่วง แต่สิ่งสำคัญ คือ ระเบียบวินัยจราจร เทคโนโลยีอะไรฉลาดแค่ไหนก็ช่วยไม่ได้ถ้าคนไม่ปฏิบัติตามกฎ ไม่มีวินัยจราจร
.....................................................................................................
เริ่มวันนี้ ! ทางด่วนฟรี มอเตอร์เวย์ M81 บางใหญ่-กาญจนบุรี ช่วงสุดสัปดาห์
กรมทางหลวง (ทล.) เปิดให้ใช้บริการ มอเตอร์เวย์ M81 สายบางใหญ่-กาญจนบุรี ตลอดระยะทาง 96 กม. ฟรีทุกสุดสัปดาห์ ตั้งแต่วันศุกร์เวลา 15.00 น.-วันจันทร์เวลา 09.00 น. ตั้งแต่วันที่ 2 พฤษภา คม 2568 (วันนี้) เป็นต้นไป เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว และเศรษฐกิจในพื้นที่ภาคตะวันตก เฉพาะรถยนต์ 4 ล้อ (รถเล็กเท่านั้น) โดยจำกัดความเร็วไม่เกิน 80 กม./ชม.
ด่านที่เปิดให้บริการ
- ด่านบางใหญ่
- ด่านนครปฐมตะวันตก
- ด่านกาญจนบุรี
เปิดวิ่งฟรี : วันศุกร์ 15.00 น.-วันจันทร์ 09.00 น. (เฉพาะวันหยุดสุดสัปดาห์)
.....................................................................................................
Neta เปิดศูนย์กระจายอะไหล่แห่งใหม่
บริษัท เนต้า ออโต้ (ประเทศไทย) จำกัด เดินหน้าปฏิรูป และปรับโครงสร้างองค์กร โดยมุ่งเน้นการยกระดับบริการหลังการขายมากขึ้น เพื่อสอดรับกับความต้องการของลูกค้าในยุคปัจจุบัน และสร้างประสบการณ์ด้านบริการที่ดีให้แก่ลูกค้า Neta (เนทา) เป็นอีกก้าวสำคัญที่บริษัทฯ ดำเนินงานภายใต้กลยุทธ์ Customer-Centric ที่มุ่งเน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับศักยภาพด้านการให้บริการหลังการขายอย่างครอบคลุม พร้อมสร้างความพึงพอใจสูงสุดในทุกมิติให้แก่ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า Neta
ซูน เปาหลง ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบัน Neta มีลูกค้ากว่า 25,000 รายทั่วประเทศ การเปิดคลังอะไหล่แห่งใหม่ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของเราที่จะยกระดับคุณภาพบริการหลังการขาย ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าเติบโตอย่างรวดเร็ว เราให้ความสำคัญกับความพึงพอใจของลูกค้าเป็นหลัก เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีในด้านบริการหลังการขาย อีกทั้งยังเป็นการสานต่อจากความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ Hong Kong Solar Technology Co., Ltd. ซึ่งมีการลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) เมื่อวันที่ 20 มีนาคม ที่ผ่านมา โดยมีมูลค่าการลงทุนกว่า 500 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งของแบรนด์ Neta ในประเทศไทย และภูมิ ภาค Asean ข้อตกลงดังกล่าวจะช่วยให้ Neta สามารถจัดหาอะไหล่คุณภาพสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์)ฯ ยกระดับด้านบริการหลังการขาย พร้อมเปิดศูนย์กระจายอะไหล่ (Spare Parts Distribution Center) แห่งใหม่อย่างเป็นทางการ บนถนนเพชรเกษม ด้วยพื้นที่กว่า 4,000 ตรม. เพื่อรองรับการจัดเก็บ และกระจายอะไหล่รถยนต์ไฟฟ้า Neta ไปยังผู้แทนจำหน่ายทั่วประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ และรวดเร็ว
ศูนย์กระจายอะไหล่แห่งนี้จะเริ่มเปิดให้บริการเต็มรูปแบบในกลางเดือนพฤษภาคม 2568 โดยบริษัทฯ ได้แต่งตั้ง บริษัท นครชัยศรี ออโตโมบิล จำกัด เป็นผู้ดูแลการบริหารจัดการศูนย์แห่งนี้อย่างเป็นทางการ โดยศูนย์ดังกล่าวสามารถรองรับการจัดเก็บอะไหล่มากกว่า 120,000 ชิ้น และสามารถกระจายการจัดส่งไปยังผู้จำหน่ายทั่วประเทศได้อย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ เพื่อรองรับจำนวนลูกค้าปัจ จุบัน และในอนาคตที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ซูน เปาหลง กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากศูนย์กระจายอะไหล่แล้ว Neta ยังมีแผนจัดตั้งศูนย์ฝึกอบรม (Training Center) และศูนย์บริการทางเทคนิค (Technical Service Center) เพื่อเป็นศูนย์พัฒนาบุคลากรอบรมกระบวนการเรียนรู้ให้แก่เจ้าหน้าที่ฝ่ายบริการหลังการขายของผู้จำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า Neta ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งความตั้งใจของ Neta ในการสร้างมาตรฐานใหม่ของบริการหลังการขายในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อสร้างระบบบริการหลังการขายแบบครบวงจร การเปิดศูนย์กระจายอะไหล่ในครั้งนี้ ถือเป็นการตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของ Neta ในการยกระดับบริการหลังการขาย โดยเน้นการให้บริการที่รวดเร็ว ทันสมัย และตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ อันสะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของบริษัทในการเติบโตอย่างยั่งยืนในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของประเทศ ไทย
.....................................................................................................
Alpinestars เปิดตัวหมวกกันนอค
บริษัท เพซแม็กซ์ มอเตอร์สปอร์ต จำกัด ผู้นำเข้า และตัวแทนจัดจำหน่ายอุปกรณ์ขับขี่ เครื่องแต่งกาย Alpinestars สัญชาติอิตาลี เปิดตัวสุดยอดหมวกกันนอคทางเรียบรุ่น “Supertech R10” อย่างเป็นทางการครั้งแรกในเอเชีย หมวกระดับพรีเมียมเทคโนโลยีที่ดีที่สุดจากสนามแข่ง MotoGP
Supertech R10 หมวกที่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องยาวนานกว่า 10 ปี ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัย และสมรรถนะแบบเต็มรูปแบบ โดยการออกแบบร่วมกับนักแข่ง MotoGP ชั้นนำของโลก ได้แก่ Andrea Dovizioso, Jorge Martin และ Jack Miller เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของนักแข่งในสนาม และผู้ขับขี่สไตล์สปอร์ทอย่างแท้จริง พร้อมให้คุณสัมผัสได้แล้ววันนี้ที่ตัวแทนจำ หน่าย Alpinestars ทั่วประเทศ
Supertech R10 โดดเด่นด้วย
• Aerodynamic ดีไซจ์น ช่วยลดแรงต้าน เพิ่มความมั่นคง
• ปกป้องจากแรงกระแทก และความปลอดภัย (Multi-Layer Construction) ที่ผสานวัสดุขั้นสูง อาทิ คาร์บอนไฟเบอร์แบบ 3K, UD Carbon, Aramid Fiber และ Fiberglass กระจายแรงกระแทกได้อย่างยอดเยี่ยม
• สวมใส่กระชับด้วยระบบฟิทติง A-Head Fitment System สามารถปรับระดับการสวมใส่ให้เข้ากับศีรษะของแต่ละบุคคล มอบความสบายในทุกการขับขี่ พร้อมการันตีด้วยสิทธิบัตรเฉพาะจาก Alpinestars โดยเฉพาะ
• สัมผัสความเย็นสบายเหนือระดับ ด้วยช่องระบายอากาศได้ถึง 11 ช่อง
• น้ำหนักเบาเพียง 1,540 กรัม (ไซซ์ M)
• วิสัยทัศน์ดีขึ้นด้วยกระจกหน้ากว้าง 220° แนวนอน 57° แนวตั้ง
• ระบบ Emergency Release System (ERS) ตัวช่วยถอดนวมรองแก้มออกอย่างปลอดภัยในกรณีฉุกเฉิน
• ปลอดภัยด้วยมาตรฐานระดับโลกทั้ง ECE 22.06, DOT และ FIM “Supertech R10” ปกป้องเหนือกว่าด้วยผลทดสอบ แรงกระแทกเชิงเส้น 90 % สูงกว่ามาตรฐาน ECE 22.06 เฉลี่ยถึง 37 % และแรงกระแทกแบบเฉียง สูงกว่ามาตรฐานถึง 65 % ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บของสมอง คอ และกระดูกสันหลังอย่างมีนัยสำคัญ
วางจำหน่ายแล้ววันนี้ ! ที่ตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ
• Supertech R10 Solid สีขาว และสีดำคาร์บอน ราคาจำหน่าย 34,900 บาท
• Supertech R10 Graphics ลายกราฟิค พร้อมสปอยเลอร์ Racing ราคาจำหน่าย 41,900 บาท
