สนามแข่ง Le Mans ในประเทศฝรั่งเศส ถือเป็นต้นกำเนิดเทคโนโลยีใหม่ที่นำไปใช้กับรถยนต์ทั่วไป ด้วยการแข่งขันที่ยาวนานถึง 24 ชั่วโมง จึงเป็นเสมือนห้องทดลองเทคโนโลยีใหม่ ที่จะเปลี่ยนโลกตลอดไป
หลักอากาศพลศาสตร์
การแข่งขันที่ Le Mans ในปี 1925 Bentley 3L Le Mans แชมพ์เก่าถูกท้าทาย ด้วยรถแข่ง Chenard & Walcker Tank ที่ออกแบบใหม่ด้วยรูปทรงคูเปท้ายลาด ทำให้แรงต้านลมลดลง หรือมีสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานดีขึ้น จนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแนวทางการออกแบบรถ โดยคำนึงถึงการลดแรงเสียดทานจากอากาศ เพื่อการใช้เชื้อเพลิงอย่างมีประสิทธิภาพ หรือเพิ่มระยะเดินทางให้กับรถไฟฟ้า
เครื่องยนต์ดีเซล
เครื่องยนต์ดีเซลเป็นเครื่องยนต์ที่ใช้การเพิ่มความดันในกระบอกสูบจนเชื้อเพลิงสันดาปเอง ต่างจากเครื่องยนต์เบนซินซึ่งต้องใช้หัวเทียนสำหรับจุดระเบิด ไม่เคยถูกนำมาใช้ในมอเตอร์สปอร์ท จนกระทั่งปี 2006 เมื่อทีม Audi ส่งรถแข่งต้นแบบเครื่องยนต์ดีเซลลงแข่ง Le Mans และคว้าแชมพ์ไปได้ จนเป็นการผลักดันให้เกิดการพัฒนาเครื่องยนต์ดีเซลในปัจจุบัน จนมีระดับไอเสียสะอาดมากกว่าสมัยก่อน รวมถึงเทคโนโลยีระบบกรองไอเสียที่เกิดจากสนามแข่งด้วยเช่นกัน
เบรคจาน (Disc Brakes)
ระบบดิสก์เบรคเกิดขึ้นในอุตสาหกรรมยานยนต์เป็นเวลาถึง 122 ปีแล้ว แต่ถูกนำมาใช้จนประสบความสำเร็จในทศวรรษ 1950 ด้วยการพัฒนาจนได้ระบบเบรคที่มีจานหนาขึ้น, มีน้ำหนักเบา และนำไปใช้ในการแข่งขันเอนดูรานศ์ ด้วย Jaguar XKC 003 ที่เข้าร่วมการแข่งขัน 24 ชั่วโมงที่ LeMans ขับโดยเซอร์ สเตอร์ลิง มอสส์ และผู้ร่วมทีม ดีเรค เบลล์ สามารถคว้าอันดับที่ 2 ในปีนั้น และคว้าแชมพ์ในปีต่อมา ระบบดิสก์เบรคถูกนำมาใช้กับรถยนต์นั่ง โดยมีให้เลือกติดตั้งเพิ่มในรถ Jaguar รุ่นปี 1958
ไฟตัดหมอก
เมื่อปี 1926 Pierre Marchal ชาวฝรั่งเศส หัวหน้าแผนกผลิตชุดไฟรถยนต์ของบริษัทฯ ได้โน้มน้าวบริษัท Lorraine-Dietrich ผู้ผลิตรถยนต์ และอากาศยาน ให้ติดตั้งไฟตัดหมอก บริเวณใต้โคมไฟหน้าในรถแข่ง เพื่อแก้ปัญหาหมอกลงจัดในระหว่างการแข่งขัน Le Mans 24 ชั่วโมง โดยติดตั้งโคมไฟด้านล่าง ทำให้การกระจายแสงน้อยลง และมองเห็นด้านหน้าไกลขึ้น ปีนั้นไฟตัดหมอกสามารถช่วยให้รถแข่งของ Lorraine-Dietrichs คว้าแชมพ์มาได้ และกลายเป็นสินค้าหลังการขาย ที่ได้รับความนิยมสูงเป็นเวลานานหลายปี แม้การใช้ไฟตัดหมอกในการแข่งขันยุคนั้น ถือว่าผิดกติกาการแข่งขัน แต่นักแข่งยังยืนยันว่าจำเป็นต้องใช้จนถูกยอมรับในเวลาต่อมา
ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า
ก่อนปี 1927 รถยนต์ส่วนใหญ่ใช้รูปแบบเครื่องยนต์วางหน้า ขับเคลื่อนล้อหลัง แต่ในปีนั้นมีนักธุรกิจชื่อ Fenaille ได้ลงทุนสนับสนุนให้ Gregoire ซึ่งเป็นนักแข่ง/วิศวกร ทำโครงการสร้างรถแข่ง Tracta ซึ่งใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า และเมื่อลงแข่งสามารถจบการแข่งขันที่อันดับที่ 7 ปีต่อมาสมาคมยานยนต์ Automobile Club de L’Ouest (ACO) ได้เสนอให้บริษัท Citroen ใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า โดยการผลิตรถ "Citroen Traction" ในเวลาต่อมา จนในปัจจุบันรูปแบบเครื่องยนต์วางหน้าขับเคลื่อนล้อหน้าถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลาย
ระบบหัวฉีดเชื้อเพลิง
การแข่งขัน LeMans ในปี 2001 Audi R8 คว้าชัยชนะจากการแข่งขัน ด้วยเทคโนโลยีระบบหัวฉีดตรง (Direct Injection Technology) โดยใช้ในเครื่องยนต์วี 8 สูบ เทอร์โบคู่ โดยการฉีดเชื้อเพลิงเข้าไปในห้องเผาไหม้ ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงกว่าการฉีดเชื้อเพลิงผ่านท่อร่วมไอดี นักแข่ง Frank Biela กล่าวว่า ก่อนหน้านี้การควบคุมคันเร่งต้องแม่นยำ เพื่อควบคุมรถตามต้องการ จนกระทั่งมีเทคโนโลยี FSI (Fuel Stratified Injection) ทำให้การควบคุมรถง่ายขึ้น และการตอบสนองการควบคุมของ Audi R8 ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งมีความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงน้อยลง และการสตาร์ทติดเครื่องยนต์ง่ายขึ้น เสียเวลาในการเข้าพิทน้อยลง
ระบบไฮบริด
เทคโนโลยีไฮบริด เริ่มจาก Toyota Prius ซึ่งทำให้โตโยตาถูกล้อเลียนมากในสมัยนั้น แต่ในที่สุดผู้ผลิตรถไฮบริดกลับเป็นผู้หัวเราะภายหลัง ปัจจุบันทีมแข่ง Toyota Gazoo Racing (TGR) คว้าแชมพ์การแข่งขันติดต่อกันเป็นครั้งที่ 5 จากการแข่งขันเอนดูรานศ์ระดับโลก ด้วยรถแข่ง GR010 Hybrid การค้นคิดทั้งหมดได้ถูกนำมาใช้ในการปรับปรุง ระบบระบายความร้อน, การติดตั้งระบบอินเวอร์เตอร์กับมอเตอร์ไฟฟ้า และการนำวัตถุดิบต่างชนิดมาใช้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์แรงดันกระแสไฟฟ้าสูง ซึ่งทั้งหมดนี้ถูกนำมาใช้กับรถยนต์นั่งทั่วไป
โคมไฟหน้า
ตลอดช่วงเวลา 100 ปีที่ผ่านมา เรื่องสำคัญของการแข่งขันที่ LeMans คือ แสงสว่าง โดยระยะแรกยังไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องน้ำหนัก ตลอดช่วงเวลา 24 ชั่วโมงของการแข่งขัน จะมีการเปลี่ยนแปลงของระดับแสงตลอดเวลา ผู้ผลิตต้องติดตั้งระบบไฟส่องสว่าง ที่สามารถตอบสนองการใช้งานได้ตลอดการแข่งขัน ทั้งไม่ทำให้รถมีน้ำหนักเพิ่ม หลากหลายเทคโนโลยีด้านแสงส่องสว่างทุกชนิดถูกนำมาใช้ ทั้งฮาโลเจน, ซีนอน และแอลอีดีในปัจจุบัน ถูกทดสอบในการแข่งขัน ทั้งความทนทาน และประสิทธิภาพ จากเคยมีทัศนวิสัยดีที่ระยะ 100 เมตร เพิ่มเป็น 1,000 เมตรในศตวรรษนี้
ผิวถนน
สนามแข่งรถ LeMans เริ่มต้นประวัติด้วยทางวิ่งดินในปี 1923 แล้วจึงราดยางมะตอยบนหินกรวด แล้วทับผิวหน้าด้วยการราดยาง โดยเริ่มต้นจากช่วงทางตรง Mulsanne ใช้เวลาทำทั้งหมด 3 ปี จนเสร็จสมบูรณ์ในปี 1926 การเทผิวถนนแบบนี้ถูกนำมาใช้กับถนนสาธารณะด้วยเช่นกัน