ธุรกิจ
ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์
GWM แนะนำ ORA Good Cat ในลุคใหม่สุดเท่
GWM Thailand ยกระดับสู่การเป็นแบรนด์รถยนต์ที่มีผลิตภัณฑ์ครอบคลุมทุกประเภทพลังงานที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานทั่วทุกมุมโลก ด้วยแนวคิด “ครอบคลุมทุกการใช้งาน (All Scenarios) ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทุกพลังงาน (All Powertrains) สู่การตอบสนองทุกกลุ่มผู้ใช้งานอย่างแท้จริง (All Users)" ล่าสุด GWM (กเรท วอลล์ มอเตอร์) เดินหน้าขยายไลน์อัพผลิตภัณฑ์รถยนต์พลังงานไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบ เปิดตัว GWM ORA Good Cat (โอรา กูด แคท) ลุคสปอร์ทใหม่ กับรุ่นย่อย “สีขาวหลังคาสีดำ พร้อมชุดแต่ง Black Package” ครั้งแรกในประเทศไทย ที่ยังคงความโดดเด่นของดีไซจ์น Retro Futuristic อันเป็นเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร ผสมผสานกับคู่สีขาว-ดำ มอบความคลาสสิคเหนือกาลเวลาได้อย่างลงตัว สะท้อนบุคลิก และตัวตนของผู้ขับขี่ได้อย่างชัดเจนในทุกมิติ สีสันใหม่ล่าสุดนี้เปิดตัวในระดับโลกครั้งแรกที่ประเทศไทย ไม่เพียงแค่เพิ่มทางเลือกให้แก่ลูกค้า แต่ยังเป็นการตอบรับกับการเติบโตของตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศไทยอีกด้วย
GWM ORA Good Cat รุ่นย่อย สีขาวหลังคาสีดำ มาพร้อมชุดตกแต่งพิเศษ “Black Package” ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่มองหาความแตกต่างอย่างมีสไตล์ ดีไซจ์นภายนอกโดดเด่นด้วยการตกแต่งโทนสีดำในหลายจุด ถ่ายทอดอารมณ์สปอร์ท และพรีเมียมได้อย่างกลมกลืน เสริมลุคเฉียบคมด้วยล้ออัลลอยสีดำขนาด 18 นิ้ว ผสานกับคาลิเพอร์เบรคสีเหลืองที่ตัดกันอย่างลงตัว พร้อมกรอบกันชนหน้าตกแต่งสีดำที่เสริมภาพลักษณ์ให้ตัวรถดูโฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้น ส่วนภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยโทนสีดำเรียบหรู สะท้อนความทันสมัย และเสน่ห์ที่แตกต่าง ตอบสนองผู้ขับขี่ที่มีความมั่นใจ และต้องการแสดงตัวตนผ่านรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่มาพร้อมดีไซจ์นอันเป็นเอกลักษณ์
GWM ORA Good Cat สีขาวหลังคาสีดำ พร้อมชุดตกแต่ง Black Package มาพร้อมกับ 2 รุ่นย่อย ในราคาที่เท่ากับรุ่นปกติทั่วโป โดยไม่มีการบวกราคาเพิ่มเติม ดังนี้
GWM ORA Good Cat สีขาวหลังคาสีดำ พร้อมชุดแต่ง Black Package รุ่น Pro ราคาเพียง 599,000 บาท*
GWM ORA Good Cat สีขาวหลังคาสีดำ พร้อมชุดแต่ง Black Package รุ่น Ultra ราคาเพียง 699,000 บาท*
* ราคานี้เป็นราคาหลังหักส่วนลดเงินสดแล้ว
ยังมาพร้อมกับโปรโมชันอีกมากมาย อาทิ ฟรี ! ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 นาน 1 ปีเต็ม ฟรี ! ฟีล์มกรองแสง Lamina รุ่น CM One และค่าจดทะเบียน ฟรี ! บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน (Roadside Assistance) ตลอด 24 ชม. ระยะเวลา 5 ปี ฟรี ! บริการระบบตรวจสอบ และสั่งการรถผ่านอินเตอร์เนท* (Telematic Service) พร้อมแพคเกจอินเตอร์เนทภายในรถ (Internet in Vehicle) ระยะเวลา 3 ปี และอื่นๆ อีกมากมาย รวมมูลค่าข้อเสนอสุดพิเศษ สูงสุดกว่า 304,900 บาท ด้านการรับประกัน GWM มอบการรับประกันคุณภาพรถใหม่ ครอบคลุมระยะเวลา 5 ปี หรือระยะทาง 150,000 กม.** (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และการรับประกันแบทเตอรี EV เป็นระยะเวลา 8 ปี หรือ 180,000 กม.** (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) มอบความอุ่นใจให้ผู้ขับขี่ตลอดระยะเวลาการใช้งานได้อย่างครอบคลุม
* เนื่องจากสถานการณ์ดอกเบี้ยลอยตัวในปัจจุบัน บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ให้อัตราดอกเบี้ยพิเศษ เฉพาะเมื่อจอง และส่งเอกสารทำสัญญาตามเงื่อนไขที่บริษัทฯ กำหนดเท่านั้น หลังจากช่วงเวลาดังกล่าว อัตราดอกเบี้ยพิเศษจะเป็นไปตามที่บริษัทฯ และสถาบันการเงินที่ร่วมรายการกำหนด
** เงื่อนไขการให้บริการเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด
.........................................................................................................................
อวดโฉมรถระดับตำนาน หลายยุคสมัย งานประกวดรถโบราณ ครั้งที่ 47
มายลโฉม และสัมผัสมนต์เสน่ห์ของยานยนต์ระดับตำนานกว่าร้อยคัน ที่ทุกคนจะได้มาหวนคืน พร้อมสะท้อนความหวังยุคหลังสงคราม ในงาน “ประกวดรถโบราณ ครั้งที่ 47”
กลับมาอีกครั้งกับงานประกวดรถโบราณ ครั้งที่ 47 ภายใต้แนวคิด “ความหวังยุคหลังสงคราม-The Post-War Hope” โดยครั้งนี้มีรถโบราณ และรถคลาสสิคเข้าประกวด พร้อมจัดแสดงให้คนทั่วไปเข้าชมแบบจัดเต็มกว่า 100 คัน เรียกได้ว่าจัดยิ่งใหญ่ เอาใจทุกเจเนอเรชัน
การประกวดแบ่งออกเป็น 7 รุ่น
1. รถรุ่นบรรพบุรุษ
2. รถรุ่นผ่านศึก
3. รถโบราณ
4. รถรุ่นก่อนสงคราม
5. รถรุ่นหลังสงคราม
6. รถคลาสสิค
7. รถคลาสสิคร่วมสมัย
รถดาวเด่น
Mercedes-Benz 300 Cabriolet D ปี 1953
รถเปิดประทุนคันงาม ซึ่งเป็นแบบในโพสเตอร์งานปีนี้ เปิดตัวครั้งแรกในปี 1951 ตัวอักษร “D” ในชื่อรุ่น หมายถึง 4 ประตู (4 ที่นั่ง) เป็นรถยนต์หรูขนาดใหญ่ พิเศษในเรื่องของหลังคาผ้าด้านหลังที่สามารถเปิดประทุนได้อย่างโดดเด่น มีสมรรถนะดีเยี่ยม ห้องโดยสารตกแต่งด้วยวัสดุพรีเมียมทั้งหนังแท้ และไม้ขัดเงา ถือเป็นหนึ่งในรถยนต์ที่หรูหรา สะดวกสบาย ที่สุดในยุคนั้น และมักได้รับความนิยมในหมู่บุคคลชั้นสูง และราชวงศ์ รวมถึงเป็นตัวเลือกลำดับต้นๆ ของผู้นำประเทศต่างๆ
Mercedes-Benz 170V Cabriolet ปี 1938
สุดยอดรถคลาสสิคเปิดประทุนรุ่นเก๋า ในรูปแบบ 2 ประตู เปิดประทุน 4 ที่นั่ง
Lancia Artena ปี 1931
รถสัญชาติอิตาเลียน ที่ตั้งชื่อตามเมืองโบราณของชาว Volsci ยุคก่อนโรมัน และได้รับความนิยมในหมู่ชนชั้นปกครองของอิตาลี
Overland Model 40 Roer ปี 1910
ผลิตที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ปรับรูปทรงจากเกวียน ติดเครื่องยนต์กลางลำตัวใต้พื้นรถ ขับขี่ในตำแหน่งสูงเช่นเดียวกับรถม้า
กิจกรรมที่น่าสนใจ
นอกจากนี้ ยังมีการประกวดรถจำลอง รถดัดแปลง รถประดิษฐ์พิเศษ รถ Jaguar รถ MINI รถ Volkswagen รถอเมริกัน และรถ Fiat พร้อมรถคลาสสิคร่วมสมัย อายุ 30 ปี ที่นำมาแสดงเป็นพิเศษร่วมฉลองครบรอบ 30 ปี ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค และสเปลล์ พร้อมกิจกรรมอื่นๆ ที่น่าสนใจ เช่น เสวนาเกี่ยวกับรถโบราณ การประกวดราชินีแห่งความสง่างาม มีนีคอนเสิร์ทจากสมาคมดนตรีแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ จำหน่ายสินค้าวินเทจ เช่น รถโบราณจำลอง หนังสือ นิตยสาร ฯลฯ
ความหวังยุคหลังสงคราม (The Post-War Hope)
งานประกวดรถโบราณ โดยสมาคมรถโบราณแห่งประเทศไทย เป็นงานระดับประเทศที่จัดต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 47 แนวคิดของงานปีนี้ คือ “ความหวังยุคหลังสงคราม The Post-War Hope” ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากประวัติศาสตร์ ช่วงหลังสงครามโลก ครั้งที่ 2 สิ้นสุด ผู้คนต่างตั้งความหวังถึงอนาคตที่สดใส จากบรรดาสิ่งใหม่ๆ ซึ่งเกิดขึ้นในห้วงเวลานั้น ทั้งประชากรเจเนอเรชันใหม่ สถาปัตยกรรมเมืองใหม่ แฟชันสไตล์ใหม่ ภาพยนตร์ ดนตรีแนวใหม่ รวมถึงรถยนต์รุ่นใหม่ ที่สะท้อนความหวังยุคหลังสงคราม ผ่านความหรูหรา สะดวกสบาย และเทคโนโลยีระดับสูง
จัดวันไหน
งานประกวดรถโบราณครั้งนี้ ผู้ชมจะได้ตื่นตาตื่นใจกับรถโบราณระดับตำนานที่หาชมได้ยากกว่า 100 คัน บนพื้นที่กว่า 4,000 ตรม. ทั่วบริเวณศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค และสเปลล์ ตั้งแต่วันนี้-22 มิถุนายน 2568
.........................................................................................................................
Geely เดินเกมรุกขยายเครือข่ายทั่วประเทศไทย
บริษัท ธนบุรีนอยสเติร์น จำกัด ผู้นำเข้า และผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ แบรนด์ Geely (จีลี) อย่างเป็นทางการในประเทศไทย เดินเกมรุกพร้อมเดินหน้าขยายเครือข่ายผู้แทนจำหน่าย และศูนย์บริการทั่วประเทศอย่างเต็มกำลัง เพื่อรองรับความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าของลูกค้าชาวไทยที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และสอดรับกับแผนกลยุทธ์ระยะยาวในการเข้าถึงลูกค้าทุกกลุ่มทั่วประเทศ โดยยึดหลัก Customer Centric เป็นหัวใจสำคัญในการเลือกทำเลของโชว์รูม และศูนย์บริการ พร้อมตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าไทยที่ให้ความสำคัญทั้งคุณภาพ และประสบการณ์การใช้งาน ตลอดจนบริการหลังการขายตลอดอายุใช้งาน
ณรงค์ สีตลายน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ธนบุรีนอยสเติร์น จำกัด กล่าวว่า จากกระแสตอบรับที่ดีในงาน บางกอก อินเตอร์เนชันแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 ที่ผ่านมา สะท้อนความเชื่อมั่นของลูกค้าชาวไทยที่มีต่อแบรนด์ Geely ทั้งในแง่ของเทคโนโลยี นวัตกรรม และความคุ้มค่า ในขณะเดียวกัน อีกสิ่งที่เรามองไปไกลกว่านั้น คือ การสร้างความเชื่อมั่นในบริการหลังการขาย ซึ่งเราเข้าใจดีว่าผู้บริโภคไม่ได้มองหาแค่รถที่ดีเท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญกับประสบการณ์การเป็นเจ้าของรถตั้งแต่วันแรกที่ออกรถจนถึงตลอดอายุใช้งาน เราเชื่อว่าการบริการหลังการขายที่เข้มแข็ง และจริงใจ คือ หัวใจสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นระยะยาว เราจึงพัฒนาเครือข่ายโชว์รูม และศูนย์บริการภายใต้แนวคิด Customer Centric ที่ยึดลูกค้าเป็นหลักสำคัญ เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจว่าจะได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ระดับพรีเมียมจาก Geely และรับบริการที่ดีที่สุดพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน โดยมีทีมงานผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลประสบการณ์หลังการขายในทุกขั้นตอน
“เราพร้อมเปิดตัวโชว์รูม และศูนย์บริการ Geely อย่างเป็นทางการจำนวน 6 แห่งที่จังหวัดนครสวรรค์ พระนครศรีอยุธยา เชียงใหม่ อุดรธานี ขอนแก่น และระยอง ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นก้าวแรกของการขยายเครือข่ายทั่วประเทศ โดยพื้นที่ดังกล่าวถือเป็นจุดยุทธศาสตร์ (Strategic Node) ที่เป็นศูนย์กลางการเดินทางของภูมิภาค ซึ่งสอดคล้องกับพฤติกรรมการใช้งานรถ EV ที่กำลังเติบโตในหัวเมืองต่างจังหวัด ขณะเดียวกัน เรายังเตรียมพร้อมเปิดตัวโชว์รูม และศูนย์บริการเพิ่มเติมอีกรวม 15 แห่งทั่วประเทศภายในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น และส่งเสริมความสะดวกในการเข้าถึงบริการระดับมาตรฐานของ Geely ในทุกภูมิภาค”
โชว์รูม และศูนย์บริการของ Geely ได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิดที่สะท้อนภาพลักษณ์ของแบรนด์ยุคใหม่ ทั้งในแง่เทคโนโลยี และดีไซจ์นล้ำสมัย ประกอบไปด้วยโซนให้คำปรึกษาด้านรถ EV แบบครบวงจร บริการหลังการขายที่ครอบคลุมทั้งการซ่อมบำรุง และบริการตรวจเชครถตามระยะทางโดยทีมช่างผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการอบรมจาก Geely โดยตรง พร้อมเครื่องมือที่ทันสมัย และอะไหล่แท้ตามมาตรฐานโรงงาน นอกจากนี้ ยังมีบริการทดลองขับรถยนต์ไฟฟ้า Geely ก่อนการตัดสินใจซื้อ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่เป็นมิตร และเสริมความมั่นใจในนวัตกรรมแห่งอนาคตตั้งแต่ก้าวแรก
โดย Geely ตั้งเป้าขยายเครือข่ายโชว์รูม และศูนย์บริการครบ 30 แห่งในทำเลที่มีศักยภาพทั่วประเทศภายในปี 2568 โดยในระยะเริ่มต้นจะมีโชว์รูม และศูนย์บริการจำนวน 15 แห่งที่พร้อมเปิดให้บริการภายในไตรมาสที่ 2 ของปี 2568 ควบคู่ไปกับการพัฒนาโครงสร้างบริการหลังการขาย ศูนย์ฝึกอบรม (Training Center) และประสบการณ์ลูกค้าในทุกจุดบริการ พร้อมมุ่งสู่การสร้างมาตรฐานใหม่ให้แก่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าไทย ด้วยการผสานนวัตกรรม ความคุ้มค่า และความเชื่อมั่นในบริการหลังการขาย เพื่อขับเคลื่อนสังคมสู่อนาคตพลังงานสะอาดอย่างยั่งยืน
.........................................................................................................................
Zeekr เปิดโชว์รูมพร้อมศูนย์บริการแห่งใหม่
Zeekr ประเทศไทย เปิดโชว์รูมพร้อมศูนย์บริการครบวงจรย่านเจริญนคร ภายใต้แนวคิด Customer-Centric Channel Development พร้อมมอบประสบการณ์สุดพิเศษ และตรงใจลูกค้าตั้งแต่การเลือกสรรยนตรกรรม ไปจนถึงบริการหลังการขายมาตรฐานโลก มอบความอุ่นใจ และความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้า
อเลกซ์ เป่า กรรมการผู้จัดการภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า Zeekr (ซีเคอร์) กำลังเติมจิกซอว์ทางการตลาดแบรนด์ Zeekr ทุกมิติให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น พร้อมมุ่งมั่นให้การสนับสนุนผู้จัดจำหน่ายให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืน และเหมาะสมกับสถานการณ์ตลาดในปัจจุบัน เพื่อให้ผู้จำหน่ายเชื่อมั่นในแบรนด์ Zeekr ที่พร้อมเดินหน้าไปพร้อมกันทุกพื้นที่ ทั้งนี้เรายังให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการอะไหล่ที่รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ (Efficient Parts Management) จึงเพิ่มขีดความสามารถในการบริหารจัดการคลังอะไหล่ ด้วยการสำรองสตอคอะไหล่ที่จำเป็น และอะไหล่ที่ใช้บ่อยอย่างเพียงพอพร้อมใช้ที่ศูนย์บริการ และผ่านศูนย์กระจายอะไหล่ส่วนกลาง เพื่อให้มั่นใจได้ว่าการซ่อมบำรุงจะเป็นไปอย่างรวดเร็ว ลดระยะเวลาการรอคอย สำหรับศูนย์บริการครบวงจรแห่งนี้เป็นมากกว่าแค่การขยายเครือข่าย แต่เป็นการแสดงความมุ่งมั่นอันแรงกล้าของ Zeekr ในการยกระดับคุณภาพโชว์รูมยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทย และสร้างความไว้วางใจให้แก่ผู้บริโภค โดยในอนาคตเตรียมเปิดศูนย์ Training Center เพื่อสร้างองค์ความรู้ทั้งในภาคทฤษฎี และภาคปฏิบัติแก่ช่างเทคนิคเพื่อมุ่งเน้นงานวินิจฉัย และซ่อมแซมยานยนต์อีวีอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
สำหรับโชว์รูมพร้อมศูนย์บริการแห่งใหม่ เจริญนครบริเวณแยกบุคคโล เป็นการขยับตัวเข้าหาลูกค้าให้ใกล้ขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวก และส่งมอบการบริการแบบวีไอพี โดยศูนย์บริการแห่งนี้มีตัวอาคารที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ และพื้นที่ใช้สอยรวมกว่า 1,200 ตรม. ออกแบบภายใต้แนวคิด Experience-Driven Design ที่ชูความเรียบโก้ ผสานนวัตกรรมสุดล้ำ ผนวกกับแรงบันดาลใจจากงานศิลป์ชั้นเลิศในอาร์ทแกลเลอรี ทั้งนี้ภายในมีการแบ่งสัดส่วนการจัดวางโครงสร้างเฟอร์นิเจอร์ รวมถึงอุปกรณ์จัดแสดงต่างๆ ได้อย่างลงตัว ขณะที่แสงธรรมชาติสามารถส่องผ่านกระจกหน้าโชว์รูมสู่ภายในตัวอาคารเพื่อช่วยประหยัดการใช้พลังงาน และมีพื้นที่ในการชมรายละเอียดของรถได้อย่างชัดเจนจากการเว้นระยะห่างของการแสดงรถที่เหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งมุมมองเกี่ยวกับสีตัวถังหรือวัสดุต่างๆ ในห้องโดยสารที่ตรงตามจริงที่สุด
ในด้านรูปแบบการให้บริการได้สะท้อนความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก มีพื้นที่จัดแสดงรถยนต์ที่ครบครัน โดยลูกค้าจะได้สัมผัส และทดลองขับรถยนต์ไฟฟ้า Zeekr รุ่นยอดนิยม อาทิ Zeekr 009 รุ่น 6 ที่นั่ง, Zeekr 009 รุ่น 7 ที่นั่ง และ Zeekr X ได้อย่างเต็มที่ โดยมีพื้นที่จัดแสดงรถยนต์ไฟฟ้าประมาณ 10 คัน ในพื้นที่กว้างขวาง และสะดวกสบาย
Smart Test Drive ช่วยให้ตัดสินใจเลือกซื้อรถที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น ด้วยการสัมผัส และทดลองใช้งานจริงในบรรยากาศที่เหมาะสม
โซนให้คำปรึกษาเฉพาะบุคคล (Personalized Consultation) มีทีมผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์ของ Zeekr พร้อมให้คำแนะนำอย่างละเอียดเกี่ยวกับคุณสมบัติ ฟังค์ชันการใช้งาน และเทคโนโลยีของรถยนต์ไฟฟ้าแต่ละรุ่น รวมถึงตอบทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับการเปลี่ยนผ่านสู่การใช้รถยนต์ไฟฟ้า ช่วยให้การตัดสินใจซื้อเป็นไปอย่างราบรื่น และมั่นใจ
การบริการลูกค้าที่เป็นเลิศ และสิ่งอำนวยความสะดวก ที่จะมอบประสบการณ์การบริการระดับพรีเมียม ด้วยมุมรับรองลูกค้าที่สะดวกสบาย พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เพื่อความสะดวกสบายสูงสุดของลูกค้า
Extremely Impressive Atmosphere ที่สุดแห่งความประทับใจตลอดการเยี่ยมชม และมั่นใจได้ว่ารถยนต์ใหม่ของคุณจะได้รับการส่งมอบในสภาพพร้อมใช้งานที่สุด
Care Center พร้อมดูแลทันที ยกระดับมาตรฐานโชว์รูมยานยนต์ไฟฟ้าด้วยความใส่ใจขั้นสุดจากทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการอบรมอย่างเข้มข้น มีความรู้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า Zeekr ทุกรุ่น พร้อมให้คำปรึกษา และแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ
บริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน (Zeekr Roadside Assistance) : มอบความอุ่นใจสูงสุดด้วยบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนนในพื้นที่ที่ครอบคลุมการให้บริการ
ศูนย์ซ่อมตัวถัง และสีได้มาตรฐาน เพียบพร้อมด้วยบริการอะไหล่ในพาร์ทต่างๆ พร้อมจัดส่งถึงมือลูกค้าทั่วประเทศ สำหรับคุณภาพงานซ่อม รับประกันโดยช่างผู้ชำนาญการ ด้วยเครื่องมือครบครัน และเทคโนโลยีที่ทันสมัยตามมาตรฐาน Zeekr
.........................................................................................................................
Ford แนะนำการขับขี่แบบปลอดภัยบนถนนลื่น
ช่วงฤดูฝนถือเป็นช่วงเวลาที่ผู้ขับขี่ต้องเผชิญกับความท้าทายหลากหลายประการ โดยเฉพาะสภาพถนนที่เปียก และลื่น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ Ford (ฟอร์ด) ตระหนักถึงความปลอดภัยของผู้ขับขี่ และผู้ใช้ถนนทุกคน ขอแนะนำแนวทางการเตรียมความพร้อม และวิธีรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นในช่วงฤดูฝน เพื่อให้ทุกการเดินทางเป็นไปอย่างปลอดภัย มั่นใจ และไร้กังวล ไม่ว่าสภาพอากาศจะเปลี่ยนแปลงเพียงใดก็ตาม
ปลอดภัยไว้ก่อน
วิธีที่ดีที่สุด คือ การป้องกันไม่ให้อุบัติเหตุเกิดขึ้นตั้งแต่แรก การเตรียมความพร้อมทั้งรถ และคนขับจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนที่บนท้องถนนอาจมีความเสี่ยงสูงขึ้นกว่าปกติ
สิ่งสำคัญอันดับแรก คือ การตรวจสอบสภาพรถก่อนออกเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นใบปัดน้ำฝนที่ควรทำงานได้ดี ยางรถยนต์ที่มีดอกยางในสภาพพร้อม และลมยางที่เหมาะสม รวมถึงระบบไฟส่องสว่างที่พร้อมใช้งาน เพื่อให้มองเห็นทางข้างหน้าได้ชัดเจน แม้จะมีฝนตกเพียงเล็กน้อยก็ควรเปิดไฟหน้าเสมอ
เมื่อขับรถในขณะฝนตก ควรลดความเร็วลง 10-20 % เพิ่มระยะห่างจากรถคันหน้า เนื่องจากพื้นถนนเปียกทำให้ระยะเบรคยาวขึ้น การเบรค หรือเร่งเครื่องกะทันหันอาจทำให้รถเสียการควบคุมได้ กรณีที่จำเป็นต้องขับผ่านพื้นที่น้ำท่วมขัง ควรใช้เกียร์ต่ำ ขับด้วยความเร็วคงที่ และหลีกเลี่ยงการหยุดหรือเร่งเครื่องในขณะขับรถในพื้นที่น้ำท่วมขัง
อย่าลืมเปิดใช้งานโหมดถนนลื่น
รถยนต์ Ford มีโหมดการขับขี่โหมดถนนลื่น (Slippery) โดยโหมดควบคุมการขับขี่นี้เหมาะกับสภาพถนนที่มีความลื่นสูงขณะ หรือหลังฝนตก รวมถึงถนนที่มีคราบน้ำมัน โดยระบบจะควบคุมการหมุนของล้อเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนน พร้อมระบบป้องกันล้อหมุนฟรีที่ตอบสนองรวดเร็ว โดยสามารถเปลี่ยนโหมดการขับขี่ได้โดยการหมุนแป้นควบคุมที่อยู่บริเวณคอนโซลกลาง
อีกสิ่งที่สำคัญสำหรับการขับขี่ขณะฝนตก คือ ควรหลีกเลี่ยงการทำให้เกิดสิ่งรบกวนระหว่างขับรถ เช่น การใช้โทรศัพท์ หรือเปิดเพลงเสียงดัง เพราะผู้ขับขี่ต้องใช้สมาธิสูงระหว่างการขับขี่รถยนต์ หากปฏิบัติตามแนวทางเหล่านี้ จะช่วยลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุ และเดินทางได้อย่างมั่นใจ และปลอดภัยตลอดฤดูฝนนี้
ทำอย่างไรหากมีสถานการณ์ฉุกเฉินบนถนนลื่นขณะขับขี่
-มีสติ และสมาธิ เพื่อป้องกันการตัดสินใจผิดพลาด
-สังเกตสัญญาณ หรือสภาพถนนที่อาจลื่น เช่น น้ำมัน หรือน้ำขัง รวมถึงสังเกตป้ายเตือนจราจรต่างๆ
-กดคันเร่งอย่างนุ่มนวล เพื่อลดความเร็วโดยไม่ทำให้รถเสียการควบคุม
-หลีกเลี่ยงการเบรคกะทันหัน เพื่อป้องกันรถลื่นไถล
-ขับรถโดยการบังคับพวงมาลัยอย่างนุ่มนวล ไม่หักเลี้ยวแรง
-รักษาความเร็วให้เหมาะสมกับสภาพถนน และสภาพอากาศขณะฝนตก
-เว้นระยะห่างจากรถคันหน้าให้มากขึ้น เพื่อเพิ่มเวลาตอบสนอง
-หลังผ่านจุดถนนลื่น ให้เหยียบเบรคเบาๆ เพื่อช่วยให้ผ้าเบรคแห้ง และทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
อุ่นใจแม้ต้องพบสถานการณ์ไม่คาดฝัน
สำหรับเจ้าของรถ Ford มีบริการครบวงจรที่ช่วยให้คุณสามารถตรวจเชคสถานะความสมบูรณ์ของรถยนต์ได้ทุกเวลาเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนการเดินทาง ด้วยแอพพลิเคชัน Ford Pass ที่สามารถตรวจเชคแรงดันลมยาง (ถ้าติดตั้งระบบติดตามแรงดันลมยาง) ระดับน้ำล้างกระจก อายุของน้ำมันเครื่อง รวมถึงแจ้งความจำเป็นที่จะต้องนำรถเข้ารับบริการเพื่อการบำรุงรักษาทั่วโป
Ford พร้อมมอบความอุ่นใจให้ลูกค้าในทุกการเดินทาง ด้วยฟีเจอร์การขับขี่ และบริการที่ออกแบบมาเพื่อรองรับสถานการณ์ฉุกเฉิน และสามารถเข้าช่วยเหลือได้อย่างรวดเร็ว และมั่นใจ ได้แก่
บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชม. (Ford Roadside Assistance)1 บริการให้คำปรึกษาทางเทคนิคตลอด 24 ชม. ในกรณีเกิดอุบัติเหตุ หรือรถเสีย รวมถึงบริการยก/ลากรถไม่จำกัดจำนวนครั้งไปยังศูนย์บริการที่ใกล้ที่สุด ช่วยเหลือกรณีลืมกุญแจ หรือลอครถโดยไม่ได้ตั้งใจ เติมน้ำมันฉุกเฉินปีละ 1 ครั้ง และประสานจัดหารถทดแทน (ลูกค้าออกค่าใช้จ่ายเอง) หากต้องการความช่วยเหลือ สามารถโทรติดต่อศูนย์บริการพร้อมแจ้งข้อมูลรถ และปัญหาที่พบได้ตลอดเวลา สำหรับลูกค้าเจ้าของ Ford Ranger (ฟอร์ด เรนเจอร์) และ Ford Everest (ฟอร์ด เอเวอเรสต์) รายใหม่ รับบริการฟรี 5 ปี2
ระบบช่วยเหลือฉุกเฉินผ่าน SYNC 3 ช่วยแจ้งเหตุฉุกเฉินอัตโนมัติผ่านโทรศัพท์มือถือที่เชื่อมต่อ ผ่านบลูทูธ เพื่อโทรออกเมื่อเกิดอุบัติเหตุที่มีความรุนแรง โดยระบบจะโทรออกไปยังหมายเลขฉุกเฉิน ให้สื่อสารกับเจ้าหน้าที่ และส่งข้อมูลรถยนต์ไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ระบบจะทำงานได้อย่างถูกต้องเมื่อมีการตั้งค่าเปิดใช้งานล่วงหน้า และโทรศัพท์มีสัญญาณ เครือข่าย และแบทเตอรีเพียงพอ
*หมายเหตุ
โปรแกรมไม่ครอบคลุมกรณีอุบัติเหตุ ภัยธรรมชาติ หรือการใช้งานที่ผิดเงื่อนไข
เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.ford.co.th/owner/road-assistance
ไม่ควรพึ่งพาระบบเพียงอย่างเดียวหากสามารถโทรขอความช่วยเหลือด้วยตนเองได้
.........................................................................................................................
เรเว่ ออโตโมทีฟฯ เผยยอด BYD และ Denza พุ่งสู่อันดับ 3 เป็นครั้งแรก
แบรนด์ |
รุ่น/เดือน** |
ยอดจดทะเบียนรถยนต์ |
||
เมย. 68 |
พค. 68 |
รวม |
||
BYD |
BYD Atto 3 |
352 |
746 |
1,098 |
BYD Dolphin |
616 |
1,681 |
2,297 |
|
BYD M6 |
215 |
254 |
469 |
|
BYD Seal |
118 |
164 |
282 |
|
BYD Sealion 6 |
2,640 |
1,562 |
4,202 |
|
BYD Sealion 7 |
831 |
1,380 |
2,211 |
|
BYD E6 |
1 |
- |
1 |
|
Denza |
Denza D9 |
149 |
551 |
700 |
รวมทั้งสิ้น |
4,922 |
6,338 |
11,260 |
