ธุรกิจ
ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์
Toyota เผยยอดขายเดือน พค. เพิ่มขึ้น 4.7 %
เดือนพฤษภาคม 2568 ยอดขายตลาดรวม 52,229 คัน เพิ่มขึ้น 4.7 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ตลาดรถยนต์นั่งมีปริมาณการขาย 21,935 คัน เพิ่มขึ้น 17.4 % ในขณะที่รถยนต์เพื่อการพาณิชย์มีปริมาณการขาย 30,294 คัน ลดลง 2.9 % และรถกระบะขนาด 1 ตัน ยอดขายทั้งหมด 14,333 คัน ลดลง 18.8 %
ศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เผยว่า ตลาดรถยนต์เดือนพฤษภาคม 2568 มียอดขาย 52,229 คัน เพิ่มขึ้น 4.7 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว กลุ่มตลาดรถยนต์นั่งปรับตัวดีขึ้น ด้วยยอดขาย 21,935 คัน เพิ่มขึ้น 17.4 % จากปีที่ผ่านมา ตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ชะลอตัวลงเล็กน้อย ยอดขาย 30,294 คัน ลดลง 2.9 % และตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน ยอดขาย 14,333 คัน ลดลง 18.8 % รถยนต์ HEV มียอดขาย 10,765 คัน ลดลงจากปีที่แล้วเล็กน้อยที่ 2.4 % และมียอดขายสะสม 5 เดือนแรกถึง 55,766 คัน คิดเป็นส่วนแบ่ง 50.7 % ของตลาด XEV ทั้งหมด
สำหรับ Toyota (โตโยตา) ยังคงครองอันดับ 1 ตลาดรถยนต์ ด้วยยอดขายสะสม 5 เดือนแรกถึง 94,784 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งตลาดที่ 37.5 % นำโดย Hilux (ไฮลักซ์) 29,295 คัน Yaris ATIV (ยารีส เอทีฟ) 21,405 คัน และ Yaris Cross (ยารีส ครอสส์) 15,023 คัน
ตลาดรถยนต์เดือนมิถุนายน มีแนวโน้มจะปรับตัวลงจากเดือนพฤษภาคมเล็กน้อย ด้วยยอดขายที่ลดลงตามฤดูกาล และผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจในประเทศ อาจส่งผลให้ผู้บริโภคชะลอการซื้อ
ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนพฤษภาคม 2568
1. ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 52,229 คัน เพิ่มขึ้น 4.7 %
อันดับที่ 1 Toyota 19,201 คัน ลดลง 1.6 % ส่วนแบ่งตลาด 36.8 %
อันดับที่ 2 Isuzu 5,976 คัน ลดลง 24.2 % ส่วนแบ่งตลาด 11.4 %
อันดับที่ 3 Honda 5,481 คัน ลดลง 16 % ส่วนแบ่งตลาด 10.5 %
2. ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 21,935 คัน เพิ่มขึ้น 17.4 %
อันดับที่ 1 Toyota 7,093 คัน เพิ่มขึ้น 23.1 % ส่วนแบ่งตลาด 32.3 %
อันดับที่ 2 Honda 3,646 คัน เพิ่มขึ้น 1 % ส่วนแบ่งตลาด 16.6 %
อันดับที่ 3 BYD 2,657 คัน เพิ่มขึ้น 141.3 % ส่วนแบ่งตลาด 12.1 %
3. ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 30,294 คัน ลดลง 2.9 %
อันดับที่ 1 Toyota 12,108 คัน ลดลง 11.9 % ส่วนแบ่งตลาด 40 %
อันดับที่ 2 Isuzu 5,976 คัน ลดลง 24.2 % ส่วนแบ่งตลาด 19.7 %
อันดับที่ 3 Honda 1,835 คัน ลดลง 37.1 % ส่วนแบ่งตลาด 6.1 %
4. ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน (Pure Pick up และรถกระบะดัดแปลง PPV*)
ปริมาณการขาย 14,333 คัน ลดลง 18.8 %
อันดับที่ 1 Toyota 6,852 คัน ลดลง 12.8 % ส่วนแบ่งตลาด 47.8 %
อันดับที่ 2 Isuzu 5,149 คัน ลดลง 25.1 % ส่วนแบ่งตลาด 35.9 %
อันดับที่ 3 Ford 1,445 คัน ลดลง 14.9 % ส่วนแบ่งตลาด 10.1 %
*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 3,099 คัน
Toyota 1,301 คัน-Isuzu 896 คัน-Ford 697 คัน-Mitsubishi 113 คัน-Nissan 92 คัน
5. ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 11,234 คัน ลดลง 24.3 %
อันดับที่ 1 Toyota 5,551 คัน ลดลง 18.8 % ส่วนแบ่งตลาด 49.4 %
อันดับที่ 2 Isuzu 4,253 คัน ลดลง 28.8 % ส่วนแบ่งตลาด 37.9 %
]อันดับที่ 3 Ford 748 คัน ลดลง 35.3 % ส่วนแบ่งตลาด 6.7 %
สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม-พฤษภาคม 2568
1. ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 252,615 คัน ลดลง 3 %
อันดับที่ 1 Toyota 94,784 คัน ลดลง 3 % ส่วนแบ่งตลาด 37.5 %
อันดับที่ 2 Isuzu 31,881 คัน ลดลง 18.6 % ส่วนแบ่งตลาด 12.6 %
อันดับที่ 3 Honda 30,206 คัน ลดลง 19.2 % ส่วนแบ่งตลาด 12 %
2. ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 98,086 คัน ลดลง 3.4 %
อันดับที่ 1 Toyota 33,069 คัน เพิ่มขึ้น 18.6 % ส่วนแบ่งตลาด 33.7 %
อันดับที่ 2 Honda 16,542 คัน ลดลง 22.2 % ส่วนแบ่งตลาด 16.9 %
อันดับที่ 3 BYD 9,622 คัน ลดลง 1.4 % ส่วนแบ่งตลาด 9.8 %
3. ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 154,529 คัน ลดลง 2.7 %
อันดับที่ 1 Toyota 61,715 คัน ลดลง 11.6 % ส่วนแบ่งตลาด 39.9 %
อันดับที่ 2 Isuzu 31,881 คัน ลดลง 18.6 % ส่วนแบ่งตลาด 20.6 %
อันดับที่ 3 Honda 13,664 คัน ลดลง 15.3 % ส่วนแบ่งตลาด 8.8 %
4. ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน (Pure Pick up และรถกระบะดัดแปลง PPV*)
ปริมาณการขาย 78,091 คัน ลดลง 14.9 %
อันดับที่ 1 Toyota 35,331 คัน ลดลง 15.4 % ส่วนแบ่งตลาด 45.2 %
อันดับที่ 2 Isuzu 28,048 คัน ลดลง 18.6 % ส่วนแบ่งตลาด 35.9 %
อันดับที่ 3 Ford 8,001 คัน ลดลง 17 % ส่วนแบ่งตลาด 10.2 %
*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 15,365 คัน
Toyota 6,036 คัน-Isuzu 5,195 คัน-Ford 3,139 คัน-Mitsubishi 759 คัน-Nissan 236 คัน
5. ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 62,726 คัน ลดลง 16.9 %
อันดับที่ 1 Toyota 29,295 คัน ลดลง 18.1 % ส่วนแบ่งตลาด 46.7 %
อันดับที่ 2 Isuzu 22,853 คัน ลดลง 22.1 % ส่วนแบ่งตลาด 36.4 %
อันดับที่ 3 Ford 4,862 คัน ลดลง 18.3 % ส่วนแบ่งตลาด 7.8 %
.......................................................................................................................
BMW เปิดตัว BMW IX1 ฐานล้อยาว และ BMW 2 Series Gran Coupe ใหม่
เรเน แกร์ฮาร์ด ประธาน และซีอีโอ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เปิดเผยว่า BMW IX1 L (บีเอมดับเบิลยู ไอเอกซ์ 1 แอล) และ BMW 2 Series Gran Coupe (บีเอมดับเบิลยู ซีรีส์ 2 กรัน คูเป) ใหม่ ยกระดับวิสัยทัศน์ของ BMW สู่การขับเคลื่อนในเมืองที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร
การเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ 2 รุ่น ที่พร้อมตอบสนองจังหวะชีวิตที่หลากหลาย ได้แก่ BMW IX1 EDrive20L M Sport ยกระดับการขับขี่สู่ระบบไฟฟ้าล้วน ด้วยดีไซจ์นที่ได้รับการปรับแต่งต่างจาก BMW X1 ในรุ่นมาตรฐาน และยังเพิ่มพื้นที่ภายในตัวรถให้กว้างขวางยิ่งขึ้น ด้วยตัวรถที่ยาวขึ้นเป็น 4,616 มม. และฐานล้อยาว 2,800 มม. หรือเท่ากับตัวรถยาวกว่า X1 รุ่นมาตรฐาน 116 มม. และฐานล้อยาวขึ้น 110 มม. ขนาดตัวรถที่เพิ่มขึ้นนี้ ผสมผสานกับบุคลิกที่บึกบึน และแข็งแกร่งในแบบของ SAV ได้อย่างลงตัว
BMW 220 Gran Coupe M Sport Pro รุ่นล่าสุดของตระกูลซีรีส์ 2 เปี่ยมด้วยคาแรคเตอร์เฉพาะตัวในสไตล์สปอร์ท พร้อมยกระดับทั้งสมรรถนะ และเทคโนโลยีแบบรอบคัน
"ประสบการณ์การขับขี่ในเมืองยังคงเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ตามทั้งจังหวะชีวิตของผู้คน การพัฒนา และเติบโตของตัวเมือง และเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยขึ้น แน่นอนว่า BMW ยังคงพัฒนายานยนต์ของเราให้ก้าวล้ำนำหน้าความคาดหวังของลูกค้าในทุกโอกาส เราพร้อมที่จะต่อยอดความสำเร็จของ BMW 2 Series Gran Coupe ในประเทศไทย ด้วยรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง 220 Gran Coupe M Sport Pro ที่เหนือกว่า ทั้งประสิทธิภาพ และความสะดวกสบาย ส่วน iX1 รุ่นฐานล้อยาว จะสร้างมาตรฐานใหม่ด้วยความนุ่มสบายที่เหนือกว่า และพื้นที่สำหรับผู้โดยสารตอนหลังที่มากกว่า ควบคู่ไปกับการขับขี่ในระบบไฟฟ้า เพิ่มทางเลือกใหม่ในเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้ากว่า 13 รุ่น ทั้ง BMW, MINI (มีนี) และ BMW Motorrad (บีเอมดับเบิลยู มอเตอร์ราด)”
.......................................................................................................................
Ford ฉลอง 29 ปี
Ford ประเทศไทย ฉลองครบรอบ 29 ปีของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ภายใต้แนวคิด "Ford 29 ปี ก้าวไปด้วยกัน" (Growing Together) เพื่อแสดงถึงความมุ่งมั่นในการสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยอย่างยั่งยืน พร้อมเดินหน้าสร้างนวัตกรรม ต่อยอดการลงทุน และยกระดับการบริการที่ตอบโจทย์ยุคใหม่ด้วยกลยุทธ์ "สะดวก มั่นใจ ประทับใจ"
รัฐการ จูตะเสน กรรมการผู้จัดการ Ford ประเทศไทย กล่าวว่า ท่ามกลางการแข่งขันอันดุเดือดในอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ Ford (ฟอร์ด) ยังครองอันดับ 3 ในตลาดรถพิคอัพ และรถยนต์อเนกประสงค์ได้อย่างแข็งแกร่ง โดย Ford Ranger (ฟอร์ด เรนเจอร์) และ Ford Everset (ฟอร์ด เอเวอเรสต์) มียอดขายรวมทั้ง 2 รุ่น อยู่ที่ 9,401 คัน สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีต่อแบรนด์ Ford อย่างต่อเนื่อง
สำหรับปี 2568 Ford ปรับกลยุทธ์การตลาดให้สอดรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายครอบคลุมทุกความต้องการ ตั้งแต่ Ford Ranger Raptor (ฟอร์ด เรนเจอร์ แรพเตอร์) สุดยอดรถกระบะสมรรถนะสูง ไปจนถึงรุ่นราคาต่ำกว่าหนึ่งล้านบาทอย่าง Ford Ranger XLS (ฟอร์ด เรนเจอร์ เอกซ์แอลเอส) และ Ford Everest ที่มีให้เลือกตั้งแต่รุ่นพรีเมียมอย่าง Ford Everest Platinum (ฟอร์ด เอเวอเรสต์ พแลทินัม) พร้อมเครื่องยนต์ V6 จนถึง Ford Everest Trend (ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ทเรนด์) ที่คุ้มค่า ฟังค์ชันครบครัน นอกจากนี้ Ford ยังสร้างความผูกพันกับลูกค้าผ่านโปรโมชันโดนใจ และกิจกรรมสร้างประสบการณ์พิเศษ อาทิ Raptor Track Experience ที่เปิดโอกาสให้ลูกค้าสัมผัสความเร้าใจ แกร่งจริงทุกคัน ดุดันทุกสถานการณ์ในสนามแข่งจริง ซึ่งไม่เพียงสร้างความประทับใจแต่ยังเสริมความภาคภูมิใจในการเป็นเจ้าของรถ Ford พร้อมสร้างชุมชนแฟนพันธุ์แท้ที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง
"29 ปีที่ผ่านมา Ford ยึดมั่นในพันธกิจการส่งมอบรถยนต์คุณภาพสูง เปี่ยมด้วยสมรรถนะที่ดีเยี่ยม และประสบการณ์การเป็นเจ้าของรถ Ford ที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าชาวไทย ด้วยเม็ดเงินลงทุนสะสมกว่า 133,500 ล้านบาท Ford นับเป็นหนึ่งในผู้ลงทุนรายใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ในโอกาสครบรอบนี้ Ford ขอมอบแคมเปญพิเศษ ฉลอง 29 ปี "ก้าวไปด้วยกัน" พร้อมสิทธิประโยชน์สุดคุ้มมากมายเพื่อตอบแทนลูกค้าปัจจุบัน และลูกค้าใหม่ทุกท่านที่ไว้วางใจและสนับสนุน Ford อย่างดีเสมอมา"
เมธัส ลิขิตสัจจากุล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด Ford ประเทศไทย กล่วาวว่า ในโอกาสฉลองครบรอบ 29 ปี Ford ประกาศความร่วมมือกับ CP All ผู้นำด้านค้าปลีกในประเทศไทย เพื่อมอบสิทธิประโยชน์พิเศษให้แก่ลูกค้าภายใต้แคมเปญ "Ford 29 ปี ก้าวไปด้วยกัน" โดยความร่วมมือนี้จะช่วยเพิ่มการเข้าถึงลูกค้าในทุกพื้นที่ทั่วประเทศได้อย่างครอบคลุม พร้อมส่งเสริมการรับรู้แบรนด์ และดึงดูดกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ผ่านช่องทางการตลาดที่หลากหลาย โดยรายละเอียดโปรโมชันมีดังนี้
สำหรับลูกค้าที่เป็นเจ้าของรถ Ford จะได้รับสิทธิพิเศษ
รับฟรี ! เครื่องดื่มเย็น All Cafe ขนาดกลาง ที่ 7-11 สาขาที่ร่วมรายการ จำนวน 10,000 สิทธิ์ โดยรับคูปองผ่าน Ford Rewards Club บน Line Ford Thailand Official Account (@FordThailand)
ส่วนลดพิเศษสำหรับอุปกรณ์ตกแต่งแท้ Ford อาทิ ส่วนลดสูงสุด 9,929 บาท เมื่อซื้อฝาปิดกระบะท้าย และส่วนลดกระจังหน้า Ford แท้ 1,000 บาท จำนวนจำกัดตามรายการ
ส่วนลดพิเศษเมื่อซื้อโปรแกรมขยายเวลารับประกันคุณภาพรถยนต์ Ford Care Gold หรือ Driveline แพคเกจใดก็ได้ มูลค่า 2,290 บาท จำนวน 500 สิทธิ์
คะแนนสะสมพิเศษ 929 แต้ม บน Ford Rewards Club เมื่อนำรถเข้ารับบริการเชคระยะ ซ่อมบำรุง หรือซื้อแพคเกจที่ศูนย์ Ford มียอดใช้จ่ายขั้นต่ำ 3,500 บาท จำนวน 10,000 สิทธิ์
สำหรับลูกค้าใหม่ที่ซื้อรถ Ford จะได้รับสิทธิประโยชน์ ดังนี้ :
โปรแกรมช่วยผ่อนค่างวด 29 งวด งวดละ 2,000 บาท รวมมูลค่า 58,000 บาท เมื่อจอง และรับรถ Ford ที่โชว์รูม Ford ทั่วประเทศ สำหรับรถในสตอคผู้จำหน่ายเฉพาะรุ่น และสีที่ร่วมรายการ จำนวน 100 สิทธิ์
รับฟรี ชุดแต่ง Standard Package มูลค่าสูงสุด 4,000 บาท เมื่อซื้อรถ Ford ทุกรุ่น พร้อมรับส่วนลดเมื่อซื้ออุปกรณ์ตกแต่งแท้ Ford ราคาพิเศษ
ลุ้นรับคะแนน All Member รวม 129,000,000 คะแนน โดยแบ่งเป็น 29 ล้านคะแนน จำนวน 1 รางวัล และ 1 ล้านคะแนน จำนวน 100 รางวัล เมื่อจองรถ Ford ที่โชว์รูม Ford ทั่วประเทศ
สิทธิพิเศษสำหรับสมาชิก All Member รับส่วนลดสูงสุด 200,000 บาท จำนวน 29 สิทธิ์ เมื่อจองในช่วงระยะเวลาแคมเปญ และรับรถภายใน 30 กันยายน 2568
ระยะเวลาแคมเปญฉลองครบรอบ 29 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฏาคม-31 สิงหาคม 2568
สุรวัฒน์ จึงสมประสงค์ ผู้อำนวยการฝ่ายบริการลูกค้า Ford ประเทศไทย กล่าวเสริมว่า Ford ยังคงเดินหน้าส่งมอบการบริการลูกค้าที่เหนือระดับภายใต้กลยุทธ์ "สะดวก มั่นใจ ประทับใจ" โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา บริการต่างๆ ของ Ford ทั้งการนัดหมายบริการผ่านช่องทางออนไลน์ หน่วยบริการเคลื่อนที่ บริการรับ-ส่งรถถึงบ้าน และบริการเร่งด่วน 60 นาที ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นว่าบริการของ Ford ช่วยให้ลูกค้าได้รับความสะดวกสบาย และประหยัดเวลาได้จริง
Ford ยังได้ประกาศเปิดตัวโปรแกรมสิทธิประโยชน์สำหรับลูกค้า "Ford Rewards Club" ผ่าน Line Official Account ของ Ford ประเทศไทย เพื่อตอบแทนลูกค้า และสร้างความผูกพันกับแบรนด์ Ford โดยลูกค้าสามารถสะสมคะแนนเมื่อเข้ารับบริการที่ศูนย์บริการ Ford ทั่วประเทศ โดยทุกๆ 10 บาท ของการใช้จ่ายในการเข้ารับบริการที่ศูนย์ Ford จะได้รับ 1 คะแนน โดยสามารถนำคะแนนสะสมไปแลกสิทธิประโยชน์ได้ที่ร้านค้า ร้านอาหาร และร้านเครื่องดื่มชื่อดังกว่า 60 แบรนด์ชั้นนำ
“Ford พร้อมเดินหน้าสู่ทศวรรษที่ 3 อย่างมั่นคง ภายใต้แนวคิด "Ford 29 ปี ก้าวไปด้วยกัน" ด้วยความมุ่งมั่นที่จะเดินเคียงข้างลูกค้า และอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ด้วยการส่งมอบรถยนต์คุณภาพและบริการหลังการขายที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง”
.......................................................................................................................
Volvo เปิดตัว EX30 Cross Country
วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย)ฯ เปิดตัวรถไฟฟ้าเต็มรูปแบบรุ่นใหม่ล่าสุด Volvo EX30 Cross Country ยนตกรรมที่ออกแบบมาเพื่อให้ชีวิตคนเมืองเต็มไปด้วยพลังและสีสัน พร้อมตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่พร้อมก้าวไปข้างหน้า ด้วยดีไซจ์นที่ผสานความคล่องตัว และเทคโนโลยีอัจฉริยะรุ่นใหม่เข้าด้วยกันได้อย่างลงตัว พร้อมเติมเต็มทุกประสบการณ์การค้นหาจุดหมายปลายทางใหม่ๆ หลีกหนีความวุ่นวายในเมืองหลวงสู่การผจญภัยนอกเมืองอย่างมีสไตล์
Volvo EX30 Cross Country รถไฟฟ้าเต็มรูปแบบ SUV ขนาดเล็ก ต่อยอดจากความสำเร็จของรุ่นมาตรฐานอย่าง EX30 สู่การออกแบบที่ลุย และมีพลังมากขึ้น ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนเมืองที่พร้อมจะหลุดกรอบความจำเจ ออกเดินทางค้นพบประสบการณ์ใหม่ๆ ไม่ว่าจะเจอสภาพอากาศฝนตก หรือแดดออก พร้อมให้จองแล้ววันนี้บนเวบไซท์ Volvo Car
คริส เวลส์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า Volvo เป็นผู้นำที่บุกเบิกยนตรกรรม Cross Country มากว่า 25 ปี และแนวคิดเรื่องสมรรถนะที่มาพร้อมความสะดวกสบาย ยังคงเป็นหัวใจหลักของเรามาตลอด ด้วยชีวิตของคนเมืองในกรุงเทพฯ ที่เต็มไปด้วยวิถีชีวิตที่เร่งรีบ และไม่เคยหยุดนิ่ง เราเข้าใจดีว่าผู้คนต้องการรถที่สามารถตอบรับกับไลฟ์สไตล์คนเมืองได้อย่างลงตัว และยังต้องตอบโจทย์ชีวิตอิสระให้พวกเขาได้ออกไปทริพสั้นๆ ในวันหยุด นั่นคือ เหตุผลที่เราออกแบบ EX30 Cross Country ให้เป็นมากกว่ายานพาหนะ เพราะนี่คือ รถที่จะมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เชื่อมโยงกับทุกจังหวะชีวิต ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม
EX30 Cross Country เป็นรถ SUV ขนาดเล็ก ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% ที่สามารถขับขี่ได้ไกลสูงสุดถึง 490 กม.1 มาพร้อมระบบการชาร์จไวจาก 10-80 % ภายในเวลาเพียง 28 นาที2 ปลดปล่อยแกสคาร์บอนเป็นศูนย์ สิ่งที่ทำให้รถคันนี้พิเศษยิ่งกว่า คือ ประสบการณ์การขับขี่ที่พร้อมพาคุณหลุดจากความวุ่นวายในเมือง สู่เส้นทางธรรมชาติที่เต็มไปด้วยความสงบ และความสดชื่น ให้ทุกที่ที่คุณไป กลายเป็นพื้นที่ของ Cross Country อย่างแท้จริง
ยกระดับดีไซจ์นให้มีมิติ และทรงพลังยิ่งขึ้น ด้วยการเพิ่มความสูงจากรุ่นมาตรฐานอย่าง EX30 เพื่อให้สามารถขับเคลื่อนผ่านหลากหลายสภาพถนนได้อย่างนุ่มนวล และมั่นคง ล้ออัลลอยด์ดีไซจ์นใหม่ขนาด 19” นิ้ว แบบ 5 ก้าน มาพร้อมสีเทากราไฟท์ด้าน และดำด้าน ที่จะช่วยเพื่ออารมณ์ของการผจญภัยให้ทุกเส้นทางน่าจดจำยิ่งกว่าเดิม
EX30 Cross Country มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ (All-Wheel Drive) ที่รองรับทุกเส้นทางการเดินทาง ไม่ว่าจะเจอสภาพถนนเปียกลื่นจากฝน หรือพื้นผิวที่ไม่แน่นอนเมื่อต้องออกนอกเมือง ก็พร้อมมอบสมรรถนะที่มั่นใจ และทรงพลังในทุกการขับขี่ ดีไซจ์นฝากระโปรงหน้า และท้ายที่ถูกตกแต่งด้วยสีดำเฉพาะตัว เสริมบุคลิกให้รถดูโฉบเฉี่ยว และมีมิติยิ่งขึ้น กระจังหน้ามาพร้อมดีไซจ์นใหม่ที่ถูกแต่งเติมลวดลายกราฟิค ได้รับแรงบันดาลใจจากภูมิประเทศของเทือกเขา Kebnekaise ในเขตอาร์คติคของสวีเดน ถ่ายทอดสุนทรียภาพของธรรมชาติสู่รายละเอียดที่เปี่ยมไปด้วยด้วยเอกลักษณ์ โครงกันกระแทกด้านหน้า-ด้านหลัง และขอบล้อแบบเสริมดีไซจ์นพิเศษ ถ่ายทอดความพร้อมในการเดินทางอย่างมีระดับ เติมเต็มเสน่ห์ให้ EX30 Cross Country กลายเป็นพาหนะคู่ใจที่พร้อมเปิดทุกประสบการณ์ใหม่อย่างมีสไตล์
ภายในห้องโดยสาร EX30 Cross Country เรายังคงถ่ายทอดเทคโนโลยีอัจฉริยะจากรุ่นมาตรฐาน ทั้งการมอบทุกฟังค์ชันการใช้งานที่อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย, พื้นที่จัดเก็บสัมภาระ, ดีไซจ์นเรียบหรู และหนึ่งในดีไซจ์นที่น่าสนใจคือการย้ายลำโพงจากบริเวณแผงประตูมาติดตั้งรวมไว้บนซาวน์ดบาร์บริเวณคอนโซลหน้า เพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บของขนาดใหญ่ตรงประตูให้สามารถใส่สัมภาระชิ้นใหญ่ได้มากขึ้น เหล่านี้คือ การผสมผสานระหว่างดีไซจ์น และความสะดวกสบายที่ลงตัว
พื้นที่เก็บของส่วนกลางระหว่างผู้ขับ และผู้โดยสารได้รับการออกแบบให้ใช้งานได้หลากหลาย ที่วางแก้วสามารถเลื่อนพับเก็บได้เมื่อไม่ใช้งาน เพิ่มพื้นที่ใช้สอยส่วนกลางได้มากขึ้น พร้อมช่องเก็บของขนาดใหญ่ส่วนล่างระหว่างเบาะหน้าผู้ขับ และผู้โดยสาร และช่องเก็บของหน้ารถ (Glove Compartment) ถูกย้ายมาไว้ใต้คอนโซลกลาง เพื่อให้สามารถเปิดใช้งานได้สะดวกยิ่งขึ้น
บริเวณช่องใส่สัมภาระตรงกลางมีช่องเก็บของสำหรับผู้โดยสารด้านหลังที่สามารถถอดออกมาทำความสะอาดได้ อีกทั้งบริเวณพื้นที่ใส่สัมภาระท้ายรถยังมีรายละเอียดที่แสดงถึงความใส่ใจอย่างแผ่นป้าย “Will it fit?” ที่แสดงขนาดการจุสัมภาระ ให้ผู้ใช้รถได้กะขนาดสัมภาระที่ต้องการใส่ได้อย่างแม่นยำ
Google Built-in ที่ติดตั้งภายในรถ ไม่ว่าจะมุ่งหน้าออกไปสัมผัสธรรมชาติ หรือแวะร้านอาหารรูฟทอพสุดเก๋ใจกลางเมือง EX30 Cross Country ก็สามารถพาคุณไปถึงจุดหมายได้อย่างแม่นยำ และราบรื่นผ่าน Google Maps ที่พร้อมใช้งานทันทีเพียงปลายนิ้วสัมผัส ไม่ว่าจะเพลิดเพลินกับการขับรถชมแสงไฟยามค่ำคืน หรือมีเปลี่ยนแผนกะทันหัน รถคันนี้ก็พร้อมตอบรับทุกไลฟ์สไตล์ ด้วยความคล่องตัวที่ผสานกับเทคโนโลยีล้ำสมัยอย่างลงตัว
EX30 Cross Country มาพร้อมมาตรฐานความปลอดภัยระดับสูงที่ออกแบบมาเพื่อดูแลทั้งคุณ และคนที่คุณรัก ไม่เพียงแค่ให้การปกป้องเมื่อเกิดเหตุไม่คาดคิด แต่ยังช่วยลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุผ่านเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ทั้งระบบเบรค และการควบคุมพวงมาลัยได้รับการออกแบบให้สามารถช่วยหลีกเลี่ยงการชนจากด้านหน้า, รถที่สวนทาง, ผู้ใช้ถนน หรือจักรยาน รวมถึงระบบเซนเซอร์ตรวจจับความพร้อมของผู้ขับขี่ ที่สามารถแจ้งเตือนเมื่อระบบพบสัญญาณของความเหนื่อยล้า หรือภาวะขาดสมาธิ เพราะทุกองค์ประกอบด้านความปลอดภัยที่เราใส่ใจออกแบบมา คือ ความตั้งใจของ Vilvi ที่อยากให้ทุกการเดินทางของคุณ เริ่มต้น และสิ้นสุดอย่างมั่นใจและอุ่นใจในทุกเส้นทาง ด้วยราคาเริ่มต้นที่ 1,890,000 บาท
พร้อมกันนี้ยังเตรียมเปิดตัว Volvo Go แคมเปญไลฟ์สไตล์รูปแบบใหม่ ที่จะจุดประกายให้การใช้ชีวิตเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ และความตื่นเต้นยิ่งกว่าที่เคย ผ่านกิจกรรมที่ชวนให้ออกไปใช้ชีวิตอย่างปลอดภัย ให้คุณกล้าที่จะก้าวออกจากกรอบเดิมๆ ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ในแบบที่เป็นตัวคุณ
.......................................................................................................................
Toyota ฉลองยอดผลิต Commuter 1 แสนคัน
บริษัท โตโยต้า ออโต้ เวิคส จำกัด ฉลองยอดการผลิต Toyota Commuter (โตโยตา คอมมิวเตอร์) รถตู้ยอดนิยมของ Toyoya ในประเทศไทยครบ 100,000 คัน ตอกย้ำความเป็นเบอร์ 1 ในตลาดรถตู้ สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่น และไว้วางใจจากลูกค้า ในมาตรฐานการผลิตในระดับสากลของ Toyota
ซุซุมุ คะจิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า ออโต้ เวิคส จำกัด กล่าวว่า ในการเดินทางมาถึง 100,000 คัน นับเป็นความสำเร็จของบริษัทฯ ที่ได้ให้ความสำคัญในด้านความปลอดภัย และคุณภาพของรถยนต์เป็นอันดับแรก และสะท้อนถึงการเป็นองค์กรที่มีการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องในทุกๆ วัน สำหรับรถตู้รุ่น Commuter ที่ผลิตโดยบริษัท โตโยต้า ออโต้ เวิคส จำกัด ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างพื้นฐานในการเดินทางสำหรับผู้คนจำนวนมากในประเทศไทยในฐานะรถโดยสารสาธารณะ ซึ่งได้มีส่วนสำคัญในการสนับสนุนสังคม และเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ทั้งนี้ในอนาคต เรายังคงมุ่งมั่นพัฒนาเพื่อให้บริษัทเป็นฐานการผลิตรถยนต์เชิงพาณิชย์สำหรับส่งออกไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชีย
วิเชียร ฉันทศิริพันธุ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า ออโต้ เวิคส จำกัด กล่าวว่า ยอดการผลิตรถตู้ Toyota Commuter ครบ 100,000 คันในครั้งนี้ ถือเป็นสัญลักษณ์ของความไว้วางใจจากลูกค้า, ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของกลุ่มบริษัทในเครือโตโยต้าและผู้ผลิตชิ้นส่วน และความพิถีพิถันในทุกกระบวนการผลิตของบริษัทฯ ซึ่งล้วนเป็นสิ่งที่บริษัทฯ ยึดมั่นมาโดยตลอด และเราจะมุ่งมั่นพัฒนาเพื่อสร้างรถยนต์ที่มีคุณภาพที่ดียิ่งขึ้น
.......................................................................................................................
Ford ฉลอง 15 ปี FTM
โรงงานฟอร์ด ไทยแลนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง (FTM) หนึ่งในฐานการผลิตรถยนต์สำคัญของ Ford Motor Company (ฟอร์ด มอเตอร์ คัมพานี) ฉลองครบรอบ 15 ปี สะท้อนพลังศักยภาพคนไทยที่ร่วมกันสร้างสรรค์ยนตรกรรมคุณภาพระดับโลก และยืนหนึ่งในบทบาทการเป็นศูนย์กลางการผลิต Ford Ranger (ฟอร์ด เรนเจอร์) และ Ford Ranger Raptor (ฟอร์ด เรนเจอร์ แรพเตอร์) ที่ทั่วโลกยอมรับ
วินโค ซาริค ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิรูปด้านการดำเนินงาน ประจำประเทศไทย กล่าวว่าตลอด 15 ปีที่ผ่านมา FTM เติบโตอย่างมั่นคงในฐานโรงงานผลิตที่รองรับทั้งตลาดในประเทศ และส่งออกไปทั่วโลก พร้อมได้รับความไว้วางใจจาก Ford Motor Company ให้เป็นโรงงานแรกของโลก หรือ Lead Plant ในการเริ่มสายการผลิตรถกระบะ Ford Ranger รุ่นปัจจุบัน โดยมีบทบาทสำคัญในการถ่ายทอดองค์ความรู้ และกระบวนการผลิตให้แก่โรงงาน Ford อีก 4 แห่งทั่วโลก ที่สำคัญ FTM ยังเป็นฐานการผลิตหลักระดับโลกของ Ford Ranger Raptor รถกระบะสมรรถนะสูงระดับตำนาน ที่เปิดตัวครั้งแรกในโลกที่ประเทศไทยเมื่อปี 2561 และยังคงเป็นโรงงานที่ผลิต Ford Ranger Raptor สำหรับตลาดนานาชาติส่วนใหญ่ แม้ว่า Ford จะเริ่มต้นการผลิต Ford Ranger Raptor สำหรับตลาดอเมริกาเหนือที่สหรัฐอเมริกาในปี 2566 FTM ยังคงมีบทบาทสำคัญในฐานะฐานการผลิตหลักของรถรุ่นนี้ที่ส่งออกไปจำหน่ายในหลากหลายภูมิภาคทั่วโลก
“การฉลองครบ 15 ปี ของ FTM ไม่ใช่แค่การย้อนรำลึกถึงเส้นทางการเติบโตของเรา แต่คือ การตอกย้ำถึงความภาคภูมิใจของ Ford Motor Company ที่ได้เห็นคนไทยมีบทบาทสำคัญในการสร้างสรรค์ ยกระดับคุณภาพ และผลักดัน Ford Ranger และ Ford Ranger Raptor สู่เวทีระดับโลก ด้วยกลยุทธ์ที่แข็งแกร่ง และพลังของทีมงานทุกคน"
คุณภาพที่เริ่มตั้งแต่ครั้งแรก : First Run Capability (FRC)
หัวใจของความสำเร็จของ FTM คือ การยึดหลัก First Run Capability (FRC) หรือผลิตได้ถูกต้องตั้งแต่ครั้งแรก โดยไม่มีข้อผิดพลาด (Zero Defects) ผ่านการควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวดในทุกขั้นตอน แม้แต่รายละเอียดเล็กน้อย ตั้งแต่แรงบิดของนอทที่แม่นยำทุกตัว จนถึงกระบวนการทำงานที่ต่อเนื่องไม่มีสะดุด หากพบปัญหาก็จะได้รับการวิเคราะห์ และแก้ไขทันที เพื่อให้มั่นใจได้ว่ารถยนต์ทุกคันมีคุณภาพดีที่สุดเสมอ นับเป็นผลลัพธ์จากการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง และความทุ่มเทของพนักงานในทุกระดับ
“การผลิตได้ถูกต้องตั้งแต่ครั้งแรก คือ หัวใจของมาตรฐานคุณภาพที่ยึดถือในสายงานผลิต ไม่เพียงแค่วัดผลด้านคุณภาพ แต่คือ การสร้างระบบการทำงานที่มั่นใจได้ เราจะส่งมอบรถยนต์ Ford คุณภาพสูงสุดในทุกคัน”
ขับเคลื่อนประสิทธิภาพด้วยพลังใจของพนักงาน
นอกจากการส่งมอบรถยนต์คุณภาพสูงสู่มือลูกค้าแล้ว FTM ยังให้ความสำคัญกับการสร้างประสิทธิภาพในการทำงาน ผ่านแนวคิด ขับเคลื่อนประสิทธิภาพด้วยจิตสำนึกของพนักงาน (Driving Efficiency Through Employee Ownership) ซึ่งเป็นวัฒนธรรมองค์กรที่ส่งเสริมให้พนักงานทุกคนมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการต้นทุน และรู้สึกถึงความเป็นเจ้าของในผลงานของตนเอง นำไปสู่ผลลัพธ์ดำเนินงานที่คุ้มค่า และยั่งยืนในระยะยาว
FTM DNA : พลังบุคลากร และเอกลักษณ์แห่งความเป็น FTM
แม้จะดำเนินการภายใต้มาตรฐานระดับโลกของ Ford แต่สิ่งที่ทำให้ FTM โดดเด่น คือ "FTM DNA" เอกลักษณ์องค์กรที่พนักงานร่วมกันสร้างขึ้น ประกอบด้วย "Family-Teamwork-Motivated" ที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมองค์กรที่เข้มแข็ง พนักงานทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเสมือนครอบครัวเดียวกัน มีการสนับสนุนซึ่งกันและกัน และขับเคลื่อนด้วยแรงจูงใจร่วมกันในการส่งมอบรถยนต์คุณภาพระดับโลกอย่างต่อเนื่อง
พนักงานของ FTM จากทุกระดับสามารถแสดงศักยภาพ และร่วมคิดนวัตกรรมใหม่เพื่อต่อยอด และยกระดับกระบวนการผลิตอย่างสม่ำเสมอ เช่น
แอพพลิเคชัน DTC Smart Repair : ใช้ช่วยวิเคราะห์ปัญหาของรถยนต์ได้รวดเร็ว แม่นยำ ลดเวลา และต้นทุน นอกจากนี้ ยังสนับสนุนทีมบริการลูกค้าที่ศูนย์บริการในการวินิจฉัย และแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แอพพลิเคชัน IQ Dashboard : ที่แสดงข้อมูลคุณภาพชิ้นส่วนจากซัพพลายเออร์แบบเรียลไทม์ ช่วยให้ทีมงานตรวจจับ และแก้ไขปัญหาเรื่องซัพพลายเชน ก่อนส่งผลกระทบต่อสายการผลิต และช่วยในเรื่องการติดตามผลการวิเคราะห์ เพื่อการปรับปรุงต่อไป
นวัตกรรมเหล่านี้เป็นเครื่องสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของพนักงานเอฟทีเอมในการยกระดับคุณภาพ ลดของเสีย และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอย่างเป็นรูปธรรม
15 ปีแห่งการเดินทางของโรงงานฟอร์ด ไทยแลนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง หรือ FTM เป็นมากกว่าการผลิตรถยนต์ แต่เป็นการส่งต่อความภาคภูมิใจของคนไทยสู่ถนนทั่วโลก พร้อมเดินหน้าด้วยหัวใจแห่งนวัตกรรม และความมุ่งมั่น เพื่อยกระดับยนตรกรรมไทยสู่มาตรฐานโลกที่ไม่มีวันหยุดยั้ง
.......................................................................................................................
Honda สานต่อพันธกิจคาร์บอนต่ำภายในปี 2050
ไทยฮอนด้าฯ ผู้ผลิต และจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ และเครื่องยนต์อเนกประสงค์ Honda (ฮอนดา) ในประเทศไทย เดินหน้าขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ด้านความยั่งยืน ด้วยพันธกิจสำคัญในการมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2050 เพื่อมีส่วนร่วมในการสร้างสังคมคาร์บอนต่ำอย่างเป็นรูปธรรม ผ่านการพัฒนายานยนต์พลังงานสะอาดในทุกเซกเมนท์ ให้เหมาะสมกับลักษณะการใช้งานในแต่ละภูมิภาคทั่วโลก
ในกลุ่มรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ไทยฮอนด้าฯ เริ่มดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมตั้งแต่ปี 2020 ด้วยการนำเข้ารถจักรยานยนต์ไฟฟ้า Honda BENLY e: เพื่อให้บริการในพื้นที่เฉพาะ เช่น มหาวิทยาลัย ภายในองค์กรธุรกิจ และผู้ให้บริการขนส่ง โดยมีเป้าหมายเพื่อศึกษาพฤติกรรมการใช้งานในของผู้บริโภคในประเทศไทย รวมถึงทดสอบความพร้อมของสภาพแวดล้อมจริงบนท้องถนน ก่อนจะต่อยอดสู่การพัฒนารถจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในวงกว้าง
ภายใต้แผนการพัฒนารถจักรยานยนต์พลังงานไฟฟ้าหลากหลายรูปแบบ ไทยฮอนด้าฯ เผยโฉมรถจักรยานยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าถึงเทคโนโลยี EV ผ่าน New Honda CUV e: ซึ่งเป็นรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า 100 % รุ่นใหม่ ภายใต้แนวคิด "Smart Ride, Future Ready" โดยรุ่นนี้เป็นผลลัพธ์จากประสบการณ์กว่า 30 ปี ในการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าของ Honda นับตั้งแต่การเปิดตัวต้นแบบรุ่น CUV ES ในประเทศญี่ปุ่นเมื่อปี 1994
New Honda CUV e: มีฟังค์ชันที่ผู้ขับขี่สามารถสัมผัสนวัตกรรมล้ำสมัย และขับขี่ได้ง่าย ทั้งด้านสมรรถนะที่วิ่งได้ไกลมากกว่า 70 กม./การชาร์จ 1 ครั้ง การควบคุมผ่านหน้าจอ TFT และเทคโนโลยีการเชื่อมต่อที่กำลังพัฒนาภายใต้ระบบ Honda RoadSync Duo ซึ่งจะเป็นหนึ่งในแกนหลักของการขับขี่ในยุคดิจิทอลในอนาคต
New Honda CUV e: เปิดให้เช่าใช้งานได้แล้ววันนี้ ในราคาที่เข้าถึงง่าย ค่าเช่าเริ่มต้นเพียง 3,500 บาท/เดือน พร้อมระบบสับเปลี่ยนแบทเตอรี (Swap Battery) ที่ใช้งานสะดวกภายใน 1 นาที ผ่านสถานี Honda e:Swap Station ซึ่งเปิดให้บริการตลอด 24 ชม. ครอบคลุมแล้วกว่า 44 ตู้ทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยสามารถค้นหาเส้นทางไปยังสถานีใกล้ที่สุดผ่านแอพพลิเคชัน Honda e:Swap Thailand
ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ไทยฮอนด้าฯ ได้ทยอยส่งมอบรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าให้แก่ผู้เช่าใช้รวมแล้วกว่า 800 คัน ทั้งรุ่น PCX Electric, BENLY e: และล่าสุด คือ CUV e: โดยไม่เพียงมุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีในตัวรถเท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานควบคู่กัน ทั้งสถานีสับเปลี่ยนแบทเตอรี แอพพลิเคชันนำทาง และระบบเชื่อมต่อระหว่างยานพาหนะกับสมาร์ทโฟน เพื่อสร้างระบบ EV Ecosystem ที่ใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน
ไทยฮอนด้าฯ ยืนพันธกิจในการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านการวิจัย การออกแบบ การผลิต และการบริการหลังการขาย รวมถึงเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าได้สะดวก และมั่นใจขึ้น อีกทั้งตอบโจทย์วิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างยั่งยืนโดยมีเป้าหมายสูงสุด คือ การมีส่วนร่วมในการสร้างสังคมคาร์บอนต่ำอย่างแท้จริง ภายใต้กรอบวิสัยทัศน์ระดับโลกของ Honda ในปี 2050
