ธุรกิจ
Porsche เปิดตัว 911 Cup ใหม่
ชตุทท์การ์ท-Porsche (โพร์เช) เปิดตัวรถแข่งรุ่นใหม่ในตระกูล 911 สำหรับรายการ One Make Cup และซีรีส์ต่างๆ อย่างเป็นทางการ ภายใต้ชื่อ 911 Cup (911 คัพ) การตั้งชื่อนี้เป็นส่วนหนึ่งของการปรับมาตรฐานการตั้งชื่อรถแข่งลูกค้าของ Porsche ให้ชัดเจน และเป็นหนึ่งเดียว โดยต่อไปรถแข่งที่จะใช้ในรายการแข่งขันแบบเปิดยี่ห้อ หรือในเซกเมนท์เฉพาะ จะใช้ชื่อตามท้ายด้วย “GT” ตามด้วยหมายเลข เหมือนเช่น 911 GT3 R 911 (จีที 3 อาร์) รุ่นใหม่ ที่เปิดตัวพร้อมกันในวันนี้ โดย 911 คัพ รุ่นใหม่นี้พัฒนามาจากรถสปอร์ท 911 GT (911 จีที) รุ่นที่สามารถวิ่งบนถนนได้จริง และผลิตพร้อมกับรถรุ่นมาตรฐานที่โรงงานหลักของ Porsche ในเมืองซุฟเฟนเฮาเซน ซึ่งแนวทางนี้พิสูจน์แล้วว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก ตั้งแต่เริ่มสายการผลิตปลายปี 2020 จนถึงปัจจุบัน Porsche Motorsport ผลิต 911 GT3 Cup (911 จีที 3 คัพ) รุ่นปัจจุบันไปแล้ว 1,130 คัน และหากนับรวมทั้งหมด Porsche ได้ผลิตรถแข่ง 911 สำหรับการแข่งขัน One Make Race มาแล้วถึง 5,381 คัน
Thomas Laudenbach รองประธานฝ่ายมอเตอร์สปอร์ท กล่าวว่า เช่นเดียวกับรุ่นที่ประสบความสำเร็จในอดีต 911 Cup ใหม่ ยังคงก้าวข้ามขีดจำกัด ด้วยการผสานชิ้นส่วนจากรถสปอร์ท GT รุ่นใช้บนถนนเข้ากับเทคโนโลยีมอเตอร์สปอร์ทอย่างแท้จริง จนกลายเป็นรถแข่งที่มีสมรรถนะสูง และมีคอนเซพท์ที่ลงตัว การขับ 911 Cup ถือเป็นความท้าทายเสมอ และเราต้องการให้เป็นเช่นนั้นต่อไป เพราะมันยังเป็นเวทีฝึกฝนฝีมือให้แก่นักแข่งเยาวชน Porsche Junior อีกด้วย ความสำเร็จของแนวคิดนี้พิสูจน์ได้จากชัยชนะนับไม่ถ้วนทั้งในระดับสนาม และแชมเพียนชิพมากมาย
Michael Dreiser ผู้อำนวยการฝ่ายขาย Porsche Motorsport กล่าวเสริมว่า รถแข่งคัพที่พัฒนาจาก 911 คือ หนึ่งในรถแข่งที่ขายดีที่สุดในโลก ร่วมกับ 718 GT4 RS Clubsport (718 จีที 4 อาร์เอส คลับสปอร์ท) มันคือ รากฐานสำคัญของลำดับขั้นในมอเตอร์สปอร์ทของเรา และถูกใช้ทั่วโลกใน One Make Cup Series ความสำเร็จของรุ่นนี้ยังไปไกลกว่านั้นมาก เคล็ดลับอยู่ที่ "สมรรถนะที่รอบด้าน" รถ Cup สามารถทำผลงานโดดเด่นได้อย่างสม่ำเสมอ ทั้งในการแข่ง Endurance Races รายการ GT แบบเปิด และการแข่งขันอีกนับไม่ถ้วน
โครงสร้างตัวถัง : ดีไซจ์นใหม่ ปรับอากาศพลศาสตร์ให้ดียิ่งขึ้น
911 Cup รุ่นใหม่นี้โดดเด่นจากรุ่นก่อนทันทีที่มองเห็น โดยเฉพาะด้านหน้าที่สะท้อนเส้นสายของ 911 GT3 เจเนอเรชัน 992.2 ได้อย่างชัดเจน สปอยเลอร์หน้าถูกออกแบบเป็น 3 ชิ้นแยก ทำให้เมื่อเกิดการกระแทกสามารถเปลี่ยนเฉพาะส่วนที่เสียหายได้ ลดทั้งค่าบรรจุภัณฑ์ และค่าขนส่งของชิ้นส่วนอะไหล่ การตัดไฟเดย์ไทม์รันนิงไลท์ออกก็เพื่อเหตุผลเดียวกัน ลดความเสี่ยงต่อการทำให้หม้อน้ำด้านหลังเสียหายเมื่อเกิดการชน และไม่ต้องเสียเวลาเปลี่ยน
ซุ้มล้อถูกออกแบบให้มีช่องระบายอากาศแบบบานเกล็ด เพื่อช่วยไหลเวียนลมผ่านซุ้มล้อ และสร้างแรงกดอากาศเพิ่มที่เพลาหน้า ร่วมกับแผงใต้ท้องรถที่ปรับให้ลู่ลมยิ่งขึ้น (เหมือนในรุ่นมาตรฐานที่ใช้ขับขี่บนถนน) เพื่อเสริมเสถียรภาพในการขับขี่ นอกจากนี้ยังมีแผงบังคับทิศทางลม (Turning Vanes) หลังซุ้มล้อหน้าเพื่อจัดการการไหลของอากาศให้ดียิ่งขึ้น ทั้งหมดนี้ช่วยให้เพลาหน้าตอบสนองแม่นยำ โดยเฉพาะในความเร็วสูง ทำให้ผู้ขับสามารถเล็งมุมเข้าโค้งได้คมกว่าเดิม
ด้านหลังของ 911 Cup ถูกออกแบบใหม่หมดให้ดุดันกว่าเดิม ปีกหลังแบบ Swan-Neck ปรับการเชื่อมกับขาตั้งใหม่ ทำให้ปรับตำแหน่ง และจัดการได้ง่ายขึ้น ฝาครอบห้องเครื่องก็ถูกออกแบบใหม่ทั้งหมด เช่นเดียวกับชิ้นส่วนตัวถังเกือบทั้งหมด (รวมถึงประตู) ที่ทำจากผ้าคาร์บอนรีไซเคิลผสมเรซินชีวภาพ ตัวผ้าคาร์บอนนี้ได้มาจากกระบวนการผลิตอื่น นอกจากช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังช่วยควบคุมราคาชิ้นส่วนอะไหล่ให้นิ่งขึ้นด้วย
เครื่องยนต์ : ขุมพลังแข่งที่พัฒนาจนใกล้เคียงกับ 911 GT3 มากขึ้น
911 Cup ยังคงใช้เครื่องยนต์บอกเซอร์ 6 สูบ ระบายความร้อนด้วยน้ำ สามารถทำความเร็วรอบได้สูง และไร้ระบบอัดอากาศ (NA) ความจุ 4.0 ลิตร ให้เสียงที่ทรงพลัง ดุดันเร้าใจ พัฒนามาจากเครื่องของ Porsche 911 GT3 รุ่นที่ใช้บนท้องถนน สำหรับรุ่นแข่งใหม่นี้มีกำลัง 382 กิโลวัตต์ (520 แรงม้า) พร้อมอัพเกรดชิ้นส่วนจากเครื่องรุ่นผลิตบนท้องถนน เช่น ลิ้นปีกผีเสื้อแยกแต่ละสูบที่ปรับการไหลของอากาศให้ดียิ่งขึ้น และเพลาลูกเบี้ยวที่ขยายระยะเวลาเปิดวาล์ว ทำให้ไม่ต้องใช้ลิ้นปีกผีเสื้อตรงกลางอีกต่อไป และสามารถติดตั้งตัวจำกัดอากาศ (Air Restrictor) เพื่อเข้าร่วมแข่งในรายการมอเตอร์สปอร์ทอื่นได้ แม้กำลังเพิ่มขึ้น 10 แรงม้า แต่ยังคงทนทาน ใช้งานได้ถึง 100 ชม. ในสนามก่อนรับการซ่อมบำรุงใหญ่ และมีชุดท่อไอเสียให้เลือก 3 แบบ เพื่อให้สอดคล้องกับกฎควบคุมเสียงที่แตกต่างกันตามสนามและประเทศ
ระบบส่งกำลังอัพเกรดเป็นคลัทช์แข่งโลหะ 4 แผ่น ที่แข็งแรงกว่าเดิม รับหน้าที่ส่งกำลังไปยังเกียร์ 6 จังหวะ การอัพเกรดนี้ทำให้เพิ่มรอบเครื่องขณะออกตัวจากเดิมที่จำกัดไว้ 6,500 รตน. ทำให้เสียงเครื่องตอนสตาร์ทเร้าใจยิ่งกว่าเดิม นอกจากนี้ ยังมีฟังค์ชันสตาร์ทเครื่องอัตโนมัติ ซึ่งจะทำงานทันทีเมื่อผู้ขับเหยียบคลัตช์หลังจากรถดับโดยไม่ได้ตั้งใจ และเพิ่มระบบไฟเบรกกระพริบ (Stroboscope) เพื่อเตือนรถคันหลังในช่วงออกสตาร์ท แทนการใช้ไฟฉุกเฉินแบบเดิม
ระบบเบรค : ประสิทธิภาพสูงขึ้น ใช้ทนนานกว่าเดิม
ระบบเบรคของ 911 Cup ถูกปรับปรุงครั้งใหญ่ ด้านหน้าใช้จานเบรคขนาด 380 มม. หนาขึ้นจาก 32 เป็น 35 มม. ทำให้มีช่องระบายอากาศภายในที่ใหญ่ขึ้น ระบายความร้อนได้ดีขึ้น การปรับนี้เกิดจากการย้ายหม้อน้ำหลักไปไว้ด้านหลัง ทำให้สามารถนำลมเย็นเข้าสู่ระบบเบรกจากด้านหน้ากลางของตัวรถได้โดยตรง นอกจากนี้ ยังลดขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของส่วนยึดจานเบรค (Brake Disc Hat) เพื่อเพิ่มพื้นที่สัมผัสระหว่างจานเบรคกับผ้าเบรค ส่งผลให้หยุดรถได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยผ้าเบรคที่กว้างขึ้น คงความทนทานในการแข่งระยะไกล และยืดอายุการใช้งานของชิ้นส่วนแต่ละชิ้นได้อย่างชัดเจน
ระบบ ABS สำหรับแข่ง Bosch M5 จะติดตั้งมาให้จากโรงงานทุกรุ่น 911 Cup มาพร้อมการประมวลผลข้อมูลที่แม่นยำขึ้น รับสัญญาณจากเซนเซอร์ตรวจจับอัตราเร่งรุ่นใหม่ที่สามารถอ่านข้อมูลได้ละเอียดกว่าเดิม ซอฟท์แวร์ยังสามารถแจ้งเตือนเมื่อมีการรั่วในระบบเบรกทั้งสองวงจร อีกทั้งถังน้ำมันเบรคถูกขยายขนาดเพื่อรองรับการแข่งระยะไกล
จุดหยุดของพวงมาลัยก็ได้รับการปรับให้หมุนได้มุมกว้างขึ้น ทำให้เลี้ยวในโค้งแคบ หรือถนนในเมืองได้ง่ายขึ้น และยังช่วยให้ผู้ขับควบคุมรถขณะโอเวอร์สเตียร์ได้ดีขึ้นอีกด้วย
ห้องโดยสาร : ควบคุมง่ายขึ้นทั้งในสนามและขณะเข้าพิต
พวงมาลัยมัลทิฟังค์ชันรุ่นใหม่ของ 911 Cup ถูกออกแบบให้ดูหรูขึ้น และใช้งานง่ายขึ้น ปุ่มปรับแบบหมุนตรงกลางใช้สำหรับตั้งค่าระดับการทำงานของ ABS และระบบควบคุมการลื่นไถล (Traction Control) ปุ่มควบคุมที่มีไฟสีส่องสว่างถูกออกแบบใหม่เพื่อให้มองเห็นป้ายกำกับได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
แผงควบคุมหลักข้างเบาะคนขับยังคงอยู่ในตำแหน่งที่เอื้อมถึงง่าย แม้ขณะกำลังแข่ง จากเดิม 10 ปุ่มเหลือเพียง 8 ปุ่ม ปุ่มขวาล่างใช้เปิดหน้าเมนูเสริมบนจอแสดงผล เพื่อปรับการตั้งค่ารายละเอียดต่างๆ ได้จากในรถ เช่น ความเร็วในเลนพิต (Pit Lane Speed), การจูนเสียงไอเสีย (Exhaust Mapping) และการรีเซทองศาพวงมาลัย โดยไม่ต้องเสียเวลาต่อคอมพิวเตอร์ ทำให้ทีมงานทำงานได้ง่ายขึ้น ภายในคานประตูยังเพิ่มแผ่นโฟมเสริมเพื่อปกป้องแขน ขา และเท้าของผู้ขับมากขึ้น
Matthias Scholz ผู้อำนวยการฝ่ายรถแข่ง GT กล่าวว่า “911 Cup ใหม่ มีความโดดเด่นเพราะเราลงรายละเอียดในทุกจุด มันแข็งแกร่งขึ้น เร็วขึ้น แต่ก็ใช้งานจริงได้ง่ายขึ้น อายุการใช้งานชิ้นส่วนยังคงเดิม หรือบางชิ้นก็ทนขึ้นแม้สมรรถนะสูงขึ้น วัสดุบางส่วนถูกแทนที่ด้วยชิ้นงานที่มีองค์ประกอบของวัสดุรีไซเคิล ห้องโดยสารถูกปรับให้ใช้งานง่ายขึ้น พร้อมระบบอีเลคทรอนิคส์เพิ่มเติมที่รองรับการแข่งขันหลายรูปแบบ”
ระบบอีเลคทรอนิคส์ : ฟังค์ชันเสริมที่ใช้งานได้จริง
ระบบอีเลคทรอนิคส์ที่อัพเกรดใหม่ใน 911 Cup ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่ได้ดีขึ้น ระบบตรวจสอบแรงดันลมยาง (TPMS) แสดงอุณหภูมิของลมยางบนหน้าปัดกลางได้ทันที เสาอากาศ GPS ที่ทรงพลังขึ้นมากเข้ามาแทนที่ระบบอินฟราเรดเดิม เพื่อใช้เก็บข้อมูลรอบเวลา และตำแหน่งรถได้แม่นยำยิ่งขึ้น ฟีเจอร์ยอดนิยมจากรุ่นพี่ 911 GT3 R ถูกนำมาใช้ เช่น การวัดรอบเวลาขณะวิ่งผ่านเลนพิท และฟังค์ชัน “Pre-Kill” ที่ช่วยปิดเครื่องยนต์อัตโนมัติเมื่อรถหยุดนิ่งในช่วงพักเข้าพิท นอกจากนี้ ยังมีระบบอีเลคทรอนิคส์ใหม่ คอยตรวจสอบระดับพลังงานของแบทเตอรี 9 โวลท์ ที่ใช้ในชุดปล่อยสารดับเพลิงด้วย
ในการพัฒนา 911 Cup ทาง Porsche Motorsport ร่วมมือกับ Michelin เพื่อสร้างยางรุ่นใหม่สำหรับรถแข่ง One Make Cup โดยทดสอบจริงในสนามระดับโลก ได้แก่ สนาม Italian Grand Prix ที่มอนซา สนามเลาซิทซ์ริงที่เยอรมนี และสนามทดสอบภายในของ Porsche ที่ศูนย์พัฒนาไวส์ซาค โดยมีอดีตนักแข่ง Porsche Junior 3 คน คือ บาสเตียน บุส, ลอริน ไฮน์ริช และเคลาส์ บัคเลอร์ ร่วมกับนักแข่งมืออาชีพมากประสบการณ์ มาร์โก ซีฟรีด ขับทดสอบ