ทดลองขับ
Zeekr 7X เอสยูวีไฟฟ้าหรู..ชาร์จ 16 นาที 700 กม.
ล่าสุดก่อนเปิดราคาอย่างเป็นทางการ Zeekr นำรถ 7X ครอสโอเวอร์ เอสยูวีหรู 2 รุ่น ที่ใช้แบทเตอรี 100 กิโลวัตต์ ทั้ง Long Range RWD และ Performance AWD มาให้ได้ลองขับ ที่สนาม 8 Speed เขาใหญ่
ดีไซน์ฝากระโปรงแบบฝาหอยช่วยเก็บรอยต่อระหว่างฝากระโปรงและแผงข้าง Zeekr Stargate หน้าจอ LED พาดยาวจรดซ้ายไปขวาขนาดใหญ่ 93 นิ้ว ที่ด้านหน้ารถ ประกอบด้วยไฟ LED ถึง 1,831 ดวง ด้วยการแสดงลวดลายพิเศษเลือกได้ตามเอกลักษณ์ของผู้ขับขี่ (จอนี้จะใช้แสดงผลในขณะรถจอดนิ่งตามเท่านั้น ตามข้อกำหนดด้านกฎหมาย)
การเข้า/ออก Zeekr 7X ด้วย Automatic Doors ระบบประตูเปิด-ปิดอัตโนมัติทั้ง 4 บาน กล้องรอบคันมากถึง 12 ตัวที่สะท้อนความใส่ใจในเรื่องความปลอดภัยขั้นสูง
ล้อ Forged Wheel ขนาด 21 นิ้ว ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีการขึ้นรูปให้ได้น้ำหนักเบาแต่แข็งแกร่ง ไม่เพียงให้ประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่ดีขึ้น แต่ยังช่วยให้การขับขี่นุ่มนวลและควบคุมได้แม่นยำมากขึ้น
ระบบเบรค Zeekr เลือกคาลิเพอร์ Akebono Caliper สีฟ้า สมรรถนะสูง ทำให้มั่นใจได้ในทุกการหยุดรถ แม้ในความเร็วสูงหรือสภาพถนนที่ท้าทาย
มิติตัวรถ ยาว/กว้าง/สูง 4787/1930/1650 มม. ความยาวฐานล้อ 2900 มม.
ภายในห้องโดยสาร Zeekr 7X สะดวกสบาย และการผ่อนคลายหนัง Nappa ที่หรูหรา ในรุ่น AWD หรือ PU พรีเมียม ในรุ่น RWD
เบาะหนัง Nappa ที่นุ่มนวล หรูหรา ระบบนวดและเป่าลมที่เบาะคู่หน้าจะช่วยคลายความเมื่อยล้า มีโหมดนวด 6 โหมด พร้อมระดับความแรง 3 ระดับ
ส่วนเบาะหลังสามารถปรับเอนด้วยระบบไฟฟ้าช่วยให้ผู้โดยสารสามารถปรับองศาการนั่งให้เหมาะกับการพักผ่อน หรือการชมภาพยนตร์ เสมือนห้องนั่งเล่น
เบาะนั่งปรับเลื่อนได้ 116 มม. พร้อมปรับเอนได้สูงสุด 124°
หน้าจอกลาง Mini LED ขนาด 16 นิ้วที่มีความละเอียด 3.5K ให้ภาพที่คมชัดจนสามารถมองเห็นรายละเอียดทุกอย่างได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการดูแผนที่ การรับชมสื่อบันเทิง หรือการใช้แอปพลิเคชันต่างๆ
หน้าจอ AR HUD ขนาด 36.21 นิ้ว จะฉายข้อมูลสำคัญขึ้นมาบนกระจกหน้ารถ ทำให้ผู้ขับขี่สามารถติดตามข้อมูลต่างๆ โดยไม่ต้องละสายตาจากถนน เพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกในการขับขี่
หน้าจอ Cluster ขนาด 13.02 นิ้ว ทำหน้าที่แสดงข้อมูลการขับขี่ทั้งหมดในรูปแบบที่สวยงามและเข้าใจง่าย การทำงานของหน้าจอทั้งหมดนี้ขับเคลื่อนด้วยชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 8295 Processor เทคโนโลยี 5nm Process Technology ที่ให้การประมวลผลรวดเร็วและราบรื่น ทำให้การใช้งานฟังก์ชันต่างๆ บนหน้าจอทำได้อย่างสะดวกสบายไร้รอยต่อ ตอบสนองคำสั่งการได้ทันทีทันใด
ระบบเสียง Zeekr Sound Pro ที่มาพร้อมลำโพงจำนวน 21 จุดรอบคัน สร้างมิติเสียงรอบทิศทางแบบโรงภาพยนตร์ ช่วยสร้างประสบการณ์ความรู้สึกดื่มด่ำในสุนทรียภาพของเสียง
แผงชาร์จไร้สายคู่ 50 วัตต์ในคอนโซลกลาง ช่วยให้ชาร์จอุปกรณ์ได้พร้อมกัน 2 เครื่องอย่างรวดเร็ว ดีไซน์กันลื่นช่วยให้โทรศัพท์ปลอดภัย พร้อมระบบจัดการความร้อนขั้นสูงเพื่อประสิทธิภาพการชาร์จที่เสถียรและมีประสิทธิภาพ
ประตูไร้กรอบดีไซน์โฉบเฉี่ยวเปิดได้กว้างถึง 66° ประตูหลังเปิดได้กว้างถึง 90°
ขุมกำลัง Long Range RWD / Performance AWD
ขุมพลังระดับ Performance AWD ของ Zeekr 7X ขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ (Dual Motor: Front AMSM + Rear SiC PMSM) ที่มีกำลังสูงสุด 475 กิโลวัตต์ หรือ 645 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 710 นิวตันเมตร หรือ 72.4 กก.ม.ให้อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.8 วินาที ทำให้การออกตัวหรือการแซงเป็นเรื่องง่าย
ระบบขับเคลื่อน Intelligent AWD Lightning Switch สามารถปรับกำลังขับอัตโนมัติทันทีตามสภาพถนน ช่วงล่างถุงลม (Air Suspension) สามารถปรับระดับตามสภาพถนนเพื่อให้การขับขี่มีความนุ่มนวลมากยิ่งขึ้น ในโหมด Off-Road ยกความสูงตัวรถจาก 173 มม. ได้ถึง 230 มม. เพื่อรองรับทุกเส้นทาง
ขณะที่ รุ่น Long Range RWD มอเตอร์ ไฟฟ้าหลัง (Single Motor: Rear SiC PMSM) ที่มี กำลังสูงสุด 310 กิโลวัตต์ หรือ 421 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 440 นิวตันเมตร หรือ 44.9 กก.ม.ให้อัตรา เร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 6.0 วินาที
Long Range RWD และ Performance AWD ใช้แบทเตอรี NMC 100 KWh
Zeekr 7X สร้างขึ้นบนสถาปัตยกรรมยานยนต์ไฟฟ้า 800V ทั้งระบบซึ่งรองรับการชาร์จเร็วแบบ 4C fast charging ได้ 420 kWh ใช้เวลาในการชาร์จเพียง 16 นาทีจาก 10% - 80% (ขึ้นอยู่กับปริมาณไฟคงเหลือ กำลังไฟของตู้ชาร์จ และรูปแบบการใช้งาน เป็นต้น) ทำให้การเดินทางระยะไกลไม่ใช่ข้อจำกัดอีกต่อไป และด้วยระยะทางวิ่งที่มากกว่า 700 กม. ต่อการชาร์จ (มาตรฐาน NEDC)
สำหรับกิจกรรมทดสอบสมรรถนะ Zeekr 7X ในประเทศไทย ครั้งนี้แบ่งออกเป็น
สถานี On Road มีทั้งหมด 5 ฐาน ดังนี้
ฐานที่ 1 Acceleration เพื่อทดสอบอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม.
รุ่น Performance AWD แค่เพียงนับ 4 ก็ถึงแล้ว ไม่แปลกที่เขาเคลมไว้ 3.8 วินาที
รุ่น Long Range RWD ยังมีจังหวะคิดก่อนออก แต่ก็เพียงพอที่จะทำความเร็วถึง 100 กม./ชม. ในระยะ
พร้อมทดสอบระบบเบรค ความเร็ว 100 กม./ชม. ทั้ง 2 รุ่นสามารถเบรคจนหยุดนิ่งใช้ระยะเบรคน้อยกว่า 40 ม. (34.9 ม.)
ฐานที่2 Dynamic Control ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ช่วยให้เข้าโค้งได้อย่างสบาย
รุ่น Performance AWD ที่มีระบบถุงลม ควบคุมรถได้ง่ายให้ความมั่นใจมากกว่า รุ่น Long Range RWD
ฐานที่3 Wet Grip & Stability Challenge ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถลบนสภาพถนนเปียกลื่น
ดูเหมือนจะไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับ 7X ทั้ง 2 รุ่น ด้วยระบบที่ติดมาให้
ฐานที่ 4 Precision Lane Change ทดสอบการยึดเกาะถนนเมื่อต้องหักหลบสิ่งกีดขวางกะทันหัน
จุดนี้จะเห็นความแตกต่างกันอย่างชัดเจนระหว่าง Performance AWD ที่ขับง่าย สบายมือ และ Long Range RWD ที่มีอาการปัด เมื่อใช้ความเร็วเกิน 50 กม./ชม.
ฐานที่ 5 Slalom ทดสอบเรื่องการควบคุมพวงมาลัย ความคล่องตัว การทรงตัวของรถเวลาเจอทางโค้งต่อเนื่อง
รุ่น Performance AWD ทำได้ง่ายตามจังหวะหมุนของพวงมาลัยได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า รุ่น Long Range RWD
สถานี Off Road ทาง Zeekr เลือก 7X Performance AWD ที่มีโหมด Off Road เพื่อใช้ถุงลมยกตัวรถได้ทำให้มีระยะห่างจากพื้นถึง 230 มม. มีทั้งหมด 6 ฐาน ดังนี้
ฐานที่ 1 Twist Terrain Traverse การขับขี่ในพื้นที่เนินสลับ โดยต้องเปิดโหมด Off Road บนหน้าจอ
ถึงจะมีเพียงแค่ 1- 2 ล้อที่ติดพื้น ระบบก็จัดส่งกำลังขับเคลื่อนไปได้
ฐานที่ 2 Uphill Torque Travere การขับขี่ขึ้นเนิน เพื่อทดสอบระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน โดยต้องเปิดโหมด Hill Start Assist หรือ HSA บนหน้าจอ
ฐานที่ 3 Descent Brake Mastery การขับขี่ลงเนิน เพื่อทดสอบระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน และระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรกฉุกเฉิน
ฐานที่ 4 Rough Terrain Endurance ทดสอบการเดินทางในสภาพเส้นทางขรุขระ เพื่อทดสอบประสิทธิภาพของช่วงล่างถุงลมและ CCD Damping ระบบป้องกันการสั่นสะเทือนเข้าสู่ห้องโดยสาร
ฐานที่ 5 Water Wading Capability ทดสอบการวิ่งผ่านพื้นที่น้ำขังสูง เพื่อทดสอบการป้องกันน้ำและฝุ่นเข้าสู่แบทเตอรีใต้ท้องรถ โดย ZEEKR 7X ได้รับมาตรฐานการป้องกันน้ำและฝุ่น IP67
ฐานที่ 6 Suspension Street Test การทดสอบขับขี่ผ่านพื้นที่หลุมสลับ เพื่อทดสอบประสิทธิภาพ ช่วงล่างในการเดินทางผ่านสภาพถนนเป็นหลุมบ่อ
สบายมากสำหรับ Zeekr 7X Performance AWD บนเส้นทางที่ใช้ทดสอบเอสยูวี และพิคอัพขับเคลื่อน 4 ล้อ เพียงแค่อย่างใช้ความเร็วเกิน 50 กม./ชม. เพราะโหมด Off Road จะตัดการทำงานอัตโนมัติ ความสูงลด..ใต้ท้องติด
นอกจากสมรรถนะ และความสามารถในการลุย ที่ได้ลองสัมผัสแล้ว Zeekr 7X ถูกพัฒนาขึ้นบนแพลตฟอร์ม SEA (Sustainable Experience Architecture) ที่ออกแบบมาเพื่อความปลอดภัยและได้รับการรับรองด้วยมาตรฐาน Euro NCAP 5 ดาว โดยได้คะแนน 91% สำหรับการปกป้องผู้โดยสารผู้ใหญ่ และ 90% สำหรับการปกป้องผู้โดยสารเด็ก ซึ่งสะท้อนถึงความใส่ใจในความปลอดภัยของทุกคนในครอบครัว (Active Safety) ระบบช่วยขับขี่ Zeekr AD ที่ทำงานร่วมกับ Dual Mobileye Chips เพิ่มความแม่นยำและปลอดภัย (Passive Safety) โดยโครงสร้างตัวรถแบบ Dome-Shaped และโครงสร้างตัวถังหลัง Single Piece Die-Cast แบบชิ้นเดียวไร้รอยต่อ โดยจะช่วยลดแรงกระแทกเมื่อเกิดอุบัติเหตุอันไม่คาดคิดจากด้านหลังมายังห้องโดยสาร สะท้อนความใส่ใจในด้านความปลอดภัย ต่อผู้ขับขี่
หลังจากได้ทดลองขับแล้ว บางคนชอบขับหลัง RWD ด้วยฟิล พวงมาลัยที่คุ้นเคย กับกำลังกว่า 300 กิโลวัตต์ ก็เพียงพอต่อการใช้ งานประจำวันแล้ว
แต่ราคาต่างกันไม่ AWD ก็น่าสนใจ เพราะได้ออพชันหรูเพิ่ม ทั้งช่วงล่าง ถุงลม ประตูเปิด/ปิดไฟฟ้า ม่าน ประตูหลังไฟฟ้า และไฟหน้าแบบ Stargate ที่มีแถบไฟขนาดใหญ่ ซึ่ง ยังมีเรื่องเสถียรภาพตัว รถ โดย เฉพาะในสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่จะ รู้สึกว่าอุ่น ใจกว่า ในการควบคุม ทั้ง บนถนนเปียก การออกโค้ง และการ เปลี่ยนเลนกระทันหัน
Zeekr 7X นำเสนอรุ่นย่อยทั้งหมด 2 รุ่น คือ RWD Long Range และ AWD Performance ราคาคาดการณ์ไม่เกิน 1.7 ล้านบาท และ 1.9 ล้านบาทตามลำดับ มีให้เลือก 4 สี ได้แก่ ขาว Crystal White, ดำ Onyx Black, เทา Tech Grey และเขียว Forest Green
ขาว Crystal White
ดำ Onyx Black
สีขาว สีดำ ภายในสีดำ
เทาTech Grey
เขียวForest Green
สีเทา สีเขียว ภายในขาว
Zeekr 7X เปิดตัวอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 15 สิงหาคม 2568 นี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ZEEKR Call Centre โทร 02-086-9999
