ธุรกิจ
ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์
Toyota แนะนำ New Innova Zenix
บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด แนะนำยนตรกรรมอเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง ระดับพรีเมียม New Innova Zenix (อินโนวา เซนิกซ์) ใหม่ ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ไฮบริด 2.0 ลิตร ซึ่งทำงานคู่กับระบบส่งกำลังอัตโนมัติ E-CVT ให้กำลังแรงสูงสุด 186 แรงม้า มอบอัตราการใช้เชื้อเพลิงที่ 20.8 กม./ลิตร* (*อ้างอิงจาก Eco Sticker) มาตรฐานการควบคุมไอเสียยูโร 6 ทั้งนี้ ยังเพิ่มชุดตกแต่งด้านนอก และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน มาพร้อมทางเลือกรุ่น HEV Premium (เอชอีวี พรีเมียม) และ HEV Smart (เอชอีวี สมาร์ท) เติมเต็มประสบการณ์อันน่าประทับใจ ภายใต้แนวคิด We Time Begins
New Innova Zenix พร้อมพาทุกคนในครอบครัวร่วมเดินทาง เพื่อแบ่งปันพื้นที่แห่งช่วงเวลาที่มีคุณค่า โดยมีการปรับแต่งดีไซจ์นภายนอกให้ดูพรีเมียมยิ่งขึ้น ด้วยการเพิ่มชุดตกแต่งด้านหน้า, ด้านข้าง และด้านหลัง, พร้อมปลายท่อไอเสียสเตนเลสส์ ภายในห้องโดยสารสีดำ มีการปรับเพิ่มอุปกรณ์อำนวยความสะดวก เช่น อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger) และกล้องวีดีโอบันทึกภาพติดรถยนต์ (DVR) ด้านหน้า และด้านหลัง กับฟังค์ชันระดับพรีเมียม เช่น เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง เบาะผู้โดยสารแถว 2 ปรับไฟฟ้าแบบ Captain Seat ปรับไฟฟ้า 2 ที่นั่ง พร้อมเบาะรองน่องปรับไฟฟ้า Ottoman และโต๊ะส่วนตัวแบบพับได้ เบาะนั่งแถว 3 พับเรียบ และประตูท้ายเปิด-ปิดอัตโนมัติด้วยระบบไฟฟ้า พร้อม Kick Activated ทั้งยังมั่นใจได้สูงสุดกับระบบความปลอดภัยมาตรฐานโลก Toyota Safety Sense ตลอดจนเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยอื่นๆ ครบครัน ยิ่งไปกว่านั้น ยังคงสิทธิพิเศษ ที่คุ้มค่าตลอดอายุการใช้งาน เช่นเดียวกับรถยนต์ Toyota (โตโยตา) ทุกรุ่น อาทิ บริการสินเชื่อ Connected Auto Loan (CAL), ประกันภัย PHYD, โปรแกรมสะสมคะแนน Toyota Alive X, โปรแกรม TCFR+ สิทธิประโยชน์ตามการเชคระยะต่อเนื่อง เลือกเป็นเจ้าของได้ 2 รุ่น ได้แก่ HEV Smart ราคา 1,379,000 บาท และรุ่น HEV Premium ราคา 1,489,000 บาท
มาพร้อม 3 สีภายนอก จับคู่กับภายในสีดำ สีขาว Platinum White Pearl* เพิ่ม 10,000 บาท สีดำ Attitude Black Mica และสีเงิน Silver Metallic เพิ่มเติมอุปกรณ์ตกแต่งแท้ Toyota รับประกันสูงสุด 3 ปี หรือ 100,000 กม.*
ข้อเสนอสุดพิเศษ ! [1-30 กันยายน 2568]
ทางเลือกที่ 1 : ดอกเบี้ยพิเศษ 1.79 %*
ทางเลือกที่ 2 : ประกันภัยชั้น 1 Toyota Care PHYD**
สำหรับกลุ่มอาชีพพิเศษ***
ดาวน์เริ่มต้น 0 % ไม่ต้องมีผู้ค้ำประกัน ส่วนลดดอกเบี้ยพิเศษ สูงสุด 0.5 %
*อัตราดอกเบี้ยคำนวณที่ดาวน์ 25 % ขึ้นไป นาน 48 เดือน สำหรับผู้ซื้อที่ผ่านการอนุมัติ Toyota Leasing, ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน), ธนาคารทหารไทยธนชาต, ธนาคารทิสโก้ และลิสซิ่งกสิกรไทย
หมายเหตุ : .*.***เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด
รับประกันอายุการใช้งานแบทเตอรีไฮบริด 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริด 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง เมื่อเข้าเชคระยะตามกำหนด และพบความคุ้มค่าตลอดอายุการใช้งานจากโปรแกรม TCFR Plus+
ขยายระยะเวลารับประกันคุณภาพรถยนต์สูงสุด 5 ปี หรือ 150,000 กม. (แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน) และ 8 ปี หรือ 225,000 กม. (แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน) สำหรับเครื่องยนต์ และระบบส่งกำลัง
ส่วนลดค่าอะไหล่ และเคมีภัณฑ์งานเชคระยะสูงสุด 15 %
คะแนนสะสม Alive-X เมื่อมีค่าใช้จ่ายที่ศูนย์บริการ Toyota 2.5 เท่า
Kinto ทางเลือกในการเป็นเจ้าของรูปแบบใหม่
มีรถใช้ แบบไม่ต้องซื้อ บริการให้เช่ารถยนต์ระยะยาวจาก Toyota ที่ออกแบบมาเพื่อให้ชีวิตการขับขี่สะดวกสบาย และง่ายดายยิ่งขึ้น จ่ายราคาเดียวเท่ากันทุกเดือน ในราคาเริ่มต้นเพียง 25,900 บาท/เดือน ในรุ่น HEV Smart พร้อมบริการครบวงจร ประกันภัยชั้น 1 การบำรุงรักษา ต่อ พรบ. ภาษี ให้ตลอดอายุสัญญา
.....................................................................................................................
Nissan รวมสายการผลิตใหม่
Nissan ประเทศไทย ฉลองความสำเร็จครั้งสำคัญในวันนี้ ด้วยการดำเนินโครงการรวมสายการผลิตที่โรงงานจังหวัดสมุทรปราการเสร็จสมบูรณ์ โครงการดังกล่าวเริ่มต้นในเดือนมิถุนายน 2568 โดยเป็นส่วนหนึ่งของแผน Re:Nissan ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อยกระดับประสิทธิภาพ และความสามารถในการแข่งขัน รวมทั้งเตรียมความพร้อมสำหรับการผลิตรถยนต์รุ่นใหม่ในอนาคต
โทชิฮิโระ ฟูจิคิ ประธาน Nissan ประเทศไทย และ Nissan อาเซียน เปิดเผยว่า ด้วยความมุ่งมั่นที่จะสร้างการเติบโต และดำเนินการผลิตในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง Nissan (นิสสัน) ได้ดำเนินโครงการรวมสายการผลิตจนเสร็จสมบูรณ์ได้ตามกำหนด การยกระดับสายการผลิตในครั้งนี้จะช่วยให้เราสามารถปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของตลาด รวมทั้งเพิ่มความสามารถในการแข่งขันเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตอย่างมั่นคง และยั่งยืนต่อไปทั้งในประเทศไทย และภูมิภาคอาเซียน
ความสำเร็จในการดำเนินโครงการเชิงกลยุทธ์นี้ เป็นเครื่องยืนยันถึงความเชื่อมั่นของบริษัทที่มีต่อศักยภาพ และความเชี่ยวชาญของพนักงานในประเทศไทย จึงได้จัดพิธีฉลองที่โรงงาน โดยมีผู้บริหาร และพนักงานมาร่วมในพิธี และยังได้รับเกียรติจากผู้บริหารของกลุ่มสยาม มอเตอร์ ซึ่งเป็นพันธมิตรของ Nissan มานาน มาร่วมงาน นำโดย ดร. พรเทพ พรประภา ประธานกรรมการ กลุ่มสยาม มอเตอร์ และประกาสิทธิ์ พรประภา กรรมการผู้จัดการ
“การที่ Nissan ประสบความสำเร็จครั้งสำคัญในประเทศไทยนี้ ต้องขอขอบคุณความร่วมมือร่วมใจจากพันธมิตร และความทุ่มเทของพนักงานในโรงงานผลิตของเราทุกคน ความมุ่งมั่นของพนักงานที่พร้อมจะปรับตัวเสมอ จะเป็นแรงบันดาลใจให้ Nissan เดินหน้าสร้างการเติบโตไปพร้อมกับสังคมไทย สร้างคุณค่าให้แก่ลูกค้า พนักงาน พันธมิตร และสังคมอย่างต่อเนื่องต่อไป”
การรวมสายการผลิตเป็นการดำเนินการเชิงกลยุทธ์ที่จะทำให้ Nissan มีสายการผลิตที่มีประสิทธิภาพ มีความคล่องตัวมากขึ้น ทำให้โรงงานแห่งนี้มีความพร้อม และศักยภาพที่จะรองรับการผลิตรถยนต์รุ่นหลักๆ ได้แก่ Almera (อัลเมรา) Kicks E-Power (คิคส์ อี-เพาเวอร์) Navara (นาวารา) และ Terra (แตร์รา) ตลอดจนรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ในอนาคต รวมถึงรุ่นที่ใช้เทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า นอกจากจะผลิตรถยนต์เพื่อป้อนตลาดในประเทศแล้ว โรงงานแห่งนี้จะผลิตรถยนต์เพื่อส่งออกไปยังตลาดทั่วโลกกว่า 100 แห่ง สำหรับในประเทศไทย Nissan จำหน่ายรถยนต์หลายรุ่น ได้แก่ Almera Kicks E-Power Navara และ Terra และรุ่นที่นำเข้ามาได้แก่ Nissan Serena E-Power (นิสสัน เซเรนา อี-เพาเวอร์) และ Serena ใหม่ เครื่องยนต์ S-Hybrid
.....................................................................................................................
GWM ขยายศูนย์มาตรฐานซ่อมตัวถัง และสี
GWM (Thailand) ประกาศขยายเครือข่ายศูนย์มาตรฐานซ่อมตัวถัง และสีเพิ่มอีก 8 แห่ง รวมเป็น 14 แห่งทั่วประเทศ ครอบคลุมภูมิภาคสำคัญทั้งภาคเหนือ ภาคตะวันออก และภาคอีสาน การขยายตัวครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ GWM (กเรท วอลล์ มอเตอร์) ด้านการซ่อมตัวถัง และสีให้เหนือกว่าศูนย์บริการทั่วไป ด้วยมาตรฐานหลัก 4 ด้าน ได้แก่ 1.) ระบบตรวจสอบคุณภาพหลายชั้น 2.) การรับประกันงานซ่อม และอะไหล่แท้ 3.) เทคโนโลยีดิจิทอลควบคุมทุกขั้นตอน และ 4.) ระบบสีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และคงทนยาวนาน สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ GWM ที่จะสร้างประสบการณ์การบริการหลังการขายที่มีคุณภาพสูง เชื่อถือได้ และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในทุกภูมิภาคของประเทศไทย
มาตรฐาน 4 ด้านหลักของศูนย์มาตรฐานซ่อมตัวถัง และสี ที่สร้างความแตกต่างเหนือศูนย์ซ่อมตัวถัง และสีทั่วไป
การดูแลรักษารถยนต์เปรียบเสมือนการ “การลงทุน” ที่สะท้อนถึงคุณค่าของชีวิต และทรัพย์สิน GWM CBP จึงก้าวเข้ามาเติมเต็มความต้องการนี้ด้วยมาตรฐานการบริการที่แตกต่างจากศูนย์ซ่อมตัวถัง และสีทั่วไปด้วยมาตรฐานสากล ไม่ว่าจะเป็น
ระบบตรวจสอบคุณภาพหลายชั้น (Multi-Point Quality Check): รถยนต์ GWM ทุกคันที่เข้ารับบริการจะผ่านกระบวนการตรวจสอบคุณภาพที่เข้มงวดหลายชั้น ตั้งแต่การวิเคราะห์สภาพความเสียหาย การตรวจสอบโครงสร้าง ไปจนถึงการทดสอบมาตรฐานหลังการซ่อม ด้วยช่างเทคนิค และบุคลากรที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ เพื่อให้มั่นใจว่ารถจะกลับมามีสภาพพร้อมใช้งานได้อย่างปลอดภัย เต็มประสิทธิภาพ และสวยงามเช่นเดิม
การรับประกันงานซ่อม และอะไหล่แท้จาก GWM: GWM มุ่งมั่นมอบ “ความมั่นใจ” ที่จับต้องได้ให้แก่ลูกค้าทุกคน ผ่านการรับประกันงานซ่อม และอะไหล่แท้ตามมาตรฐานระดับโลก แตกต่างจากอู่ซ่อมทั่วไปที่ไม่สามารถการันตีคุณภาพในระยะยาวได้ โดยทุกงานซ่อมสีได้รับการรับประกันยาวนานถึง 1 ปีเต็ม โดยไม่จำกัดระยะทาง ช่วยให้ลูกค้าวางใจได้ในทุกการใช้งาน นอกจากนี้ อะไหล่แท้ทุกชิ้นนั้นได้รับการรับประกัน 1 ปี หรือ 20,000 กม. แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน ยืนยันถึงความเชื่อมั่นในคุณภาพ และการดูแลที่ครอบคลุม ซึ่งทำให้ลูกค้าสามารถใช้รถได้อย่างสบายใจ และมั่นใจในมาตรฐาน GWM อย่างแท้จริง
เทคโนโลยีดิจิทอลควบคุมขั้นตอนการทำงาน : GWM CBP ใช้เทคโนโลยีดิจิทอลที่ทันสมัยควบคุม และตรวจสอบทุกขั้นตอนการทำงาน ตั้งแต่การเริ่มงานซ่อมจวบจนถึงการส่งมอบรถยนต์ให้แก่ลูกค้า ซึ่งทำให้ทราบรายละเอียดการซ่อม รายการอะไหล่ที่ใช้ ราคาค่าใช้จ่าย รวมถึงการติดตามสถานะงานซ่อมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส ชัดเจน และฉับไว
ระบบสีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และคงทนยาวนาน : อีกหนึ่งจุดแข็ง คือ การเลือกใช้ระบบสีที่พัฒนาให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยสารพิษ และของเสีย ขณะเดียวกันยังคงความทนทาน และคงสภาพสีได้นานกว่าการใช้ระบบทั่วไป ตอบโจทย์ทั้งผู้บริโภคที่รักรถ และผู้บริโภคที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้ ศูนย์มาตรฐานซ่อมตัวถัง และสีของ GWM ยังแตกต่างด้วยบริการที่เหนือกว่า เพิ่มความอุ่นใจ และความสะดวกสบายให้แก่ลูกค้าขั้นสุด ด้วยบริการสุดเอกซ์คลูซีฟ มีเจ้าหน้าที่คอยอัพเดทสถานะงานซ่อมอย่างสม่ำเสมอ สร้างความมั่นใจ และโปร่งใสในทุกขั้นตอนนัดหมายง่ายผ่าน GWM Application สะดวก และรวดเร็วอนุมัติเคลมไวภายใน 1 วัน สำหรับค่าซ่อมไม่เกิน 25,000 บาท ส่งมอบรถตรงเวลาตามที่นัดหมาย มั่นใจได้ว่ารถจะกลับสู่มือลูกค้าในสภาพสมบูรณ์ ในระยะเวลาที่กำหนด
ทั้งนี้ เบื้องหลังมาตรฐานของศูนย์มาตรฐานซ่อมตัวถัง และสี คือ พนักงาน และทีมช่างผู้ชำนาญการของ GWM ที่ผ่านการอบรมทั้งภาคทฤษฎี และปฏิบัติ และได้รับการรับรองจาก GWM ซึ่งทุกคนต้องผ่านหลักสูตรการฝึกอบรมด้านเทคนิคตัวถัง และสีโดยเฉพาะ ทำให้มั่นใจได้ว่าทุกขั้นตอนการซ่อมจะเป็นไปตามมาตรฐานเดียวกัน นอกจากนี้ ศูนย์มาตรฐานซ่อมตัวถัง และสียังมีการนำเครื่องมือที่ทันสมัยระดับสากลมาใช้ร่วมกับทักษะของทีมงาน เพื่อให้การซ่อมตัวถัง และสีมีคุณภาพ และความสวยงามของรถออกมาสมบูรณ์ที่สุด
.....................................................................................................................
Yamaha แนะนำ Aerox เครื่องยนต์ปรับปรุงใหม่
บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ผู้ผลิต และจำหน่ายรถจักรยานยนต์คุณภาพของเมืองไทย ตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดรถ Automatic อีกครั้ง ! พร้อมสร้างแรงสั่นสะเทือนครั้งใหม่ให้แก่ตลาดรถ Automatic ในเมืองไทย ด้วยการส่ง “All New Yamaha Aerox” (ยามาฮา แอรอกซ์) ใหม่ Super Sport Automatic...ที่สุดแห่ง Super Sport Automatic สปอร์ทสุดขีด สปีดสุดมัน Super Sport Automatic คลาสส์ 155 cc ดีไซจ์นใหม่รอบคัน อัพเกรดประสิทธิภาพให้ดียิ่งขึ้น เครื่องยนต์ Blue Core ปรับปรุงใหม่ ! เร่งแรงเต็มกำลัง เสริมดิสค์เบรคหลังขนาดใหญ่ พร้อมไฟหน้าแบบพโรเจคเตอร์สว่างจัดชัดเจน พัฒนาตัวถังเพื่อรองรับการขับขี่สไตล์สปอร์ท ตอบสนองสัญชาตญาณแห่งความเร้าใจในการขับขี่ พร้อมให้มั่นใจในคุณภาพจาก Yamaha ด้วยการรับประกันมากกว่า ถึง 5 ปี หรือ 50,000 กม.
All New Yamaha Aerox พร้อมตอบสนองอารมณ์การขับขี่สุดเร้าใจด้วย Supersport Performance ด้วย New ! Blue Core Engine 155 cc เวอร์ชันใหม่ ! ที่ถูกพัฒนาให้ทำงานเต็มประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ลดแรงเสียดทานในห้องเผาไหม้ เปลี่ยนตัวดันโซ่ราวลิ้นเป็นระบบไฮดรอลิค พร้อมระบบวาล์วแปรผัน VVA เร่งแรงต่อเนื่อง พร้อมลูกสูบ Forged แข็งแกร่ง ทนทาน ให้ความมั่นใจ และความปลอดภัยด้วยดิสค์เบรคหน้าที่มาพร้อมระบบ ABS System ช่วยลดอาการล้อลอคของล้อหน้า เมื่อเบรคกะทันหัน พร้อม New ! Rear Disc Brake Performance สปอร์ทยิ่งขึ้น ด้วยดิสค์เบรคหลังขนาด 230 มม. ช่วยเพิ่มสมรรถนะในการเบรคให้มีระยะที่สั้นลง ควบคุมรถได้ดียิ่งขึ้น และให้สมรรถนะการขับขี่ที่ดีขึ้นด้วย Rear Suspensions Sub-Tank ระบบกันสะเทือนหลังแบบมีซับแทงค์ เร้าอารมณ์สไตล์รถสปอร์ทแบบจัดเต็ม
All New Yamaha Aerox โดดเด่นเร้าใจอย่างมีเอกลักษณ์ด้วย Supersport Design ที่มีรูปโฉมใหม่ ! ตลอดคัน เริ่มตั้งแต่ New ! Frame Increased Rigidity พร้อมอัพเกรดเฟรมใหม่แบบ Center Tunnel เสริมโครงแกนกลาง เพิ่มสมรรถนะในการขับขี่เมื่อใช้ความเร็ว เพิ่มความแข็งแกร่งให้มากขึ้น โดยจะมีโครงแกนกลางซับแรงที่เกิดขึ้น ลดการบิดตัวของตัวถัง ควบคุมรถได้อย่างมั่นใจ ที่ซ่อนอยู่ภายใต้ Full Cowl Design รูปทรงที่ถูกพัฒนาให้มีความเป็นสปอร์ทมากยิ่งขึ้น
ชุดแฟริงออกแบบให้ครอบคลุมสไตล์รถสปอร์ท ช่วยเพิ่ม Aerodynamic ลดแรงต้านของอากาศ ทำให้รถพุ่งทะยานไปได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังมาพร้อมกับ New ! Shaped Bodywork Around Rider’s Feet ตัวถังได้รับการออกแบบใหม่ให้ผู้ขับขี่สามารถยึดตำแหน่งของขาติดกับตัวรถ เพื่อให้ควบคุมรถได้ง่ายขึ้นขณะขับขี่แบบสปอร์ท ให้คนกับรถเป็นหนึ่งเดียว รวมทั้งยังมาพร้อมกับ New ! Inner Front Shock Suspensions แกนชอคอับหน้าใหม่ ! ขนาด 30 มม. เพิ่มความเสถียรของการขับขี่แบบสปอร์ทในขณะเข้าโค้ง และรองรับแรงกระแทกได้ดียิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ยังเร้าใจสุดสปอร์ทด้วย New ! Dual Projector LED Headlight ไฟหน้าแบบ Dual Projector LED พร้อม Daytime Running Light ดีไซจ์นดุดัน สปอร์ท โฉบเฉี่ยว ให้ความสว่างคมชัด ไม่ฟุ้งกระจายรบกวนสายตาเพื่อนร่วมทาง สอดรับกับ LED Taillight & Flasher Light ไฟท้าย LED ดีไซจ์นใหม่จาก DNA R-Series ตระกูล SuperSport ของ Yamaha ไฟเลี้ยว LED ดีไซจ์นใหม่ทรงสปอร์ท เพิ่มความเร้าใจในทุกมุมมอง และสุดล้ำด้วย New ! Negative LCD Meter เรือนไมล์ดิจิทอลแบบ Negative LCD ให้อารมณ์เร้าใจสไตล์สปอร์ท แสดงรอบการทำงานของเครื่องยนต์/ความเร็ว/นาฬิกา และอื่นๆ พร้อมแจ้งสัญลักษณ์เมื่อมีสายเรียกเข้า หรือข้อความเมื่อเชื่อมต่อกับแอพพลิเคชัน Y-Connect
All New Yamaha Aerox พร้อมตอบโจทย์ความสะดวกด้วย Smart Features ฟีเจอร์การใช้งานที่พร้อมตอบสนองได้อย่างโดนใจ ไม่ว่าจะเป็น Smart Key System ระบบกุญแจรีโมทอัจฉริยะ สะดวกในการเปิด-ปิด เพื่อสตาร์ท หรือดับเครื่องยนต์/ปลดลอคแฮนด์/ปลดลอคเบาะ/ปลดลอคฝาครอบถังน้ำมัน, Utility Box ที่เก็บของขนาดใหญ่ 25 ลิตร พกพาสัมภาระ หรืออุปกรณ์อื่นๆ รวมทั้งสามารถเก็บหมวกกันนอคแบบเต็มใบได้ และ New ! Charging Socket USB Type-C ช่องเสียบต่อชาร์จสมาร์ทโฟนแบบ USB Type-C พร้อมช่องเก็บของด้านหน้าขนาดใหญ่พร้อมฝาปิด อีกทั้งยังมาพร้อมเทคโนโลยีสุดล้ำ Smart Technology อย่าง Y-Connect Application แอพพลิเคชันที่เชื่อมต่อข้อมูลรถผ่าน CCU ช่วยให้สามารถรับรู้ข้อมูลต่างๆ และการขับขี่ของรถได้บนมือถืออย่างง่ายดาย ด้วย 9 ฟังค์ชันในการใช้งานอย่างครบครัน
All New Yamaha Aerox มาพร้อมกับไลน์อัพสีสันสุดเร้าใจด้วยกันถึง 3 เฉดสี คือ สีเทา-น้ำเงิน Silver Star, สีดำ-เทา Vivid Black และสีน้ำเงิน Racing Blue โดยพร้อมวางจำหน่ายด้วยราคาแนะนำเริ่มต้นที่ 85,900 บาท พร้อมเพิ่มความมั่นใจด้วยการรับประกัน 5 ปี หรือ 50,000 กม.
.....................................................................................................................
Bridgestone แนะนำยางรุ่นใหม่
บริษัท บริดจสโตนเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด แนะนำผลิตภัณฑ์ยางรถยนต์รุ่นใหม่ “Bridgestone Techno” ภายใต้คอนเซพท์ “วางใจ ใช้ได้ทุกความต้องการ” ด้วยราคาคุ้มค่า Techno” พร้อมให้คุณเปิดประสบการณ์การเดินทางครั้งใหม่ได้แล้วด้วยราคาคุ้มค่า และเข้าถึงง่าย พัฒนาขึ้นสำหรับรถยนต์นั่งส่วนบุคคล และยังสามารถใช้งานได้กับรถยนต์ไฟฟ้า ชูสมรรถนะเด่นมอบความนุ่มเงียบทุกเส้นทาง ขับขี่สบายด้วยการออกแบบบลอคดอกยางหลายขนาดช่วยลดเสียงรบกวนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปลอดภัยเต็มสมรรถนะ มั่นใจกับการยึดเกาะได้เหนือชั้นทั้งบนถนนแห้ง และถนนเปียก ทนทาน ใช้งานได้ยาวนาน ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การขับขี่ในเมือง ด้วยคอนเซพท์ “วางใจ ใช้ได้ทุกความต้องการ” มาตรฐานคุณภาพจาก Bridgestone
คุณสมบัติเด่นของผลิตภัณฑ์ยางรถยนต์ Bridgestone Techno
นุ่มเงียบทุกเส้นทาง ขับขี่สบาย
Block Sizes Combination-ออกแบบบลอคดอกยางหลายขนาด ช่วยกระจายคลื่นความถี่เสียง ลดเสียงรบกวนจากยางได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ปลอดภัยเต็มสมรรถนะ ยึดเกาะถนนแห้ง-เปียก
Chamfered Edge-ขอบบลอคดอกยางแบบลบมุม ช่วยเพิ่มการควบคุมรถบนถนนแห้ง และเปียก ช่วยให้ได้ระยะเบรคที่ดีขึ้น มีระยะเบรคบนถนนเปียกสั้นที่สุดเมื่อเทียบกับคู่แข่งในกลุ่มผลิตภัณฑ์เดียวกัน 3.9 ม.*
Optimized Sipe Angle & Lug Design-ออกแบบร่องดอกยางขนาดเล็ก และลายดอกยางในมุมที่เหมาะสม ช่วยระบายน้ำ และลดการบิดตัวของดอกยาง ลดความเสี่ยงต่อการเหินน้ำ
ทนทาน ใช้งานได้อย่างนาน
โครงยางแบบ Envelope Ply ช่วยเพิ่มความทนทานบริเวณแก้มยาง
Reinforced Cap ทนต่อการบาดตำได้ดีขึ้นบริเวณหน้ายาง
Bridgestone เข้าใจถึงความต้องการลูกค้าที่ต้องการสิ่งที่ดีที่สุดในราคาคุ้มค่าที่สุดเป็นองค์ประกอบในการตัดสินใจซื้อยางรถยนต์ จึงได้พัฒนา “Bridgestone Techno” ขึ้น ด้วยจุดเด่นของการมอบประสบการณ์การขับขี่ที่นุ่มสบาย ลดเสียงรบกวนในขณะขับขี่ มาพร้อมโครงสร้างยางที่ออกแบบโดยเฉพาะช่วยเพิ่มความทนทาน ยืดอายุการใช้งานได้ยาวนาน และปลอดภัยยิ่งขึ้น จึงเหมาะกับการเป็นยางรถยนต์คู่ใจสำหรับไลฟ์สไตล์การขับขี่ในเมือง
ผลิตภัณฑ์ยางรถยนต์ Bridgestone Techno มีวางจำหน่ายแล้วที่ศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจร Cockpit ทุกสาขาทั่วประเทศ มีให้เลือกทั้งสิ้นรวม 18 ขนาด ตั้งแต่ขอบ 14-17 นิ้ว ราคาเริ่มต้นที่ 2,290 บาท
*ทดสอบโดย บริษัท ไทยบริดจสโตน จำกัด ด้วยรถยนต์ Toyota Corolla Altis 1.6G (โตโยตา โคโรลลา อัลทิส 1.6 จี) รุ่นปี 2023 ขนาดยาง 205/55 R16 ด้วยความเร็ว 80 กม./ชม. ในระดับความลึกของน้ำ 1.0-2.0 มม.
.....................................................................................................................
เอเอเอสฯ วางศิลาฤกษ์ “Porsche Centre Kanlapaphruek“
เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ Porsche (โพร์เช) อย่างเป็นทางการแห่งแรกในประเทศไทย เดินหน้าขับเคลื่อนกลยุทธ์เชิงรุกอย่างต่อเนื่อง จัดพิธีวางศิลาฤกษ์โชว์รูม และศูนย์บริการแห่งใหม่ Porsche Centre Kanlapaphruek ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา โดยคาดว่าจะพร้อมเปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบในปี 2569
Hannes Ruoff ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Porsche Asia Pacific กล่าวว่า พิธีวางศิลาฤกษ์ของ Porsche Centre Kanlapaphruek นับเป็นอีกก้าวที่มีความหมายอย่างยิ่งสำหรับเส้นทางของแบรนด์ Porsche ในประเทศไทย เรารู้สึกภาคภูมิใจที่ได้ร่วมสนับสนุนพันธมิตรที่เราเชื่อมั่น และมีความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นมายาวนานอย่าง เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส ในการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเอเอเอสฯ ในการมอบประสบการณ์ระดับลักชัวรีให้แก่ลูกค้า Porsche อย่างแท้จริง โชว์รูม และศูนย์บริการแห่งใหม่นี้จะช่วยให้ Porsche สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งตอกย้ำความแข็งแกร่งของ Porsche ในตลาดที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
Michael Vetter กรรมการผู้จัดการ Porsche ประเทศไทย กล่าวว่า รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็น เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส ก้าวไปอีกขั้นอย่างแข็งแกร่งกับ Porsche Centre Kanlapaphruek ซึ่งออกแบบภายใต้แนวคิดที่ทันสมัยอย่าง Destination Porsche โชว์รูม และศูนย์บริการแห่งใหม่นี้จะไม่ใช่เพียงสถานที่จำหน่ายรถยนต์ หรือให้บริการหลังการขายเท่านั้น แต่ยังเป็นพื้นที่ที่มีชีวิตชีวา และสะท้อนจิตวิญญาณของ Porsche อย่างเต็มเปี่ยม มุ่งสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่เชื่อมโยงกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้า เราตั้งตารอที่จะได้เห็นศูนย์แห่งนี้มีบทบาทสำคัญในการยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า Porsche ในย่านกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันตก
วุฒิกร อินทรภูวศักดิ์ ประธานบริหาร บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด กล่าวว่า โชว์รูม และศูนย์บริการแห่งใหม่นี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นที่ไม่เปลี่ยนแปลงของเราในการดูแลลูกค้า Porsche ในประเทศไทย Porsche Centre Kanlapaphruek จะถ่ายทอดวิสัยทัศน์ของเอเอเอสฯ ในการส่งมอบความเป็นเลิศ ทั้งในด้านการบริการ และประสบการณ์ระดับพรีเมียม พร้อมตอกย้ำบทบาทของเราในฐานะพันธมิตรที่น่าเชื่อถือของ Porsche เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้เริ่มต้นบทใหม่อีกครั้ง และได้ถ่ายทอดประสบการณ์เหนือระดับของ Porsche ให้แก่ลูกค้าในย่านฝั่งตะวันตกของกรุงเทพฯ มากยิ่งขึ้น
โชว์รูม และศูนย์บริการแห่งใหม่นี้ ตั้งอยู่บนพื้นที่ศักยภาพกว่า 10,000 ตรม. รองรับความต้องการของลูกค้าที่อาศัยอยู่ฝั่งตะวันตกของกรุงเทพฯ ครอบคลุมพื้นที่สำคัญอย่างย่านสาทร พระราม 2 และบริเวณโดยรอบที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว
Porsche Centre Kanlapaphruek ได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิด “Destination Porsche” ที่มุ่งยกระดับให้โชว์รูม และศูนย์บริการแห่งนี้เป็นมากกว่าพื้นที่ให้บริการ แต่เป็นจุดหมายปลายทางสำหรับผู้ที่หลงใหลใน Porsche อย่างแท้จริง พร้อมมอบประสบการณ์ที่ครอบคลุมทั้งในมิติของแบรนด์ และไลฟ์สไตล์
เมื่อ Porsche Centre Kanlapaphruek แล้วเสร็จ ศูนย์ฯ แห่งใหม่นี้มุ่งมั่นที่จะถ่ายทอดบรรยากาศอันหรูหรา และล้ำสมัย สะท้อนตัวตน และไลฟ์สไตล์ของลูกค้า Porsche อย่างแท้จริงในทุกมิติ พร้อมให้บริการอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นโชว์รูมสำหรับรถใหม่ และรถยนต์ Porsche Approved พื้นที่อเนกประสงค์ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานที่หลากหลายตอบโจทย์ทุกความต้องการ ศูนย์บริการที่ครบถ้วนด้วยเครื่องมือมาตรฐานจากโรงงาน ศูนย์ซ่อมสี และตัวถังที่ทันสมัย ตลอดจนศูนย์ดูแลรักษารถยนต์ระดับพรีเมียมที่พร้อมให้บริการอย่างครบวงจรในทุกรายละเอียด
Porsche Centre Kanlapaphruek แห่งใหม่นี้มีกำหนดเปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบภายในปี 2569 ด้วยเป้าหมายในการยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า และเสริมความแข็งแกร่งให้แก่ภาพลักษณ์ของแบรนด์ Porsche ในประเทศไทยให้โดดเด่นยิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน เอเอเอสฯ ขอแจ้งให้ทราบว่า Porsche Centre Pattanakarn ได้กลับมาเปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบแล้วอีกครั้ง ภายใต้โฉมใหม่ของโชว์รูมที่ได้รับการรีโนเวท พร้อมศักยภาพด้านการบริการที่ได้รับการยกระดับ หลังจากการขยายศูนย์บริการเมื่อไม่นานมานี้
พร้อมกันนี้ เอเอเอสฯ ได้ดำเนินการก่อสร้างโชว์รูม และศูนย์บริการรูปแบบใหม่ของ Porsche Centre Bangkok เพื่อเปิดมิติใหม่ของ Customer Experience ทั้งในด้านการขาย และการบริการที่ครบครัน และทันสมัยยิ่งขึ้น ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า Porsche ในประเทศไทยที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง
