ธุรกิจ
Porsche เผยโฉม 911 Turbo S
ชตุทท์การ์ท-911 Turbo S (911 เทอร์โบ เอส) ใหม่ ก้าวตามรอยตำนานที่ยิ่งใหญ่ของรุ่นก่อนหน้า ที่ถือเป็นมาตรฐานในโลกของรถสปอร์ท ด้วยสมรรถนะที่เหนือชั้น ความสะดวกสบายในการเดินทางระยะไกล ความพิเศษเฉพาะตัว และการใช้งานในชีวิตประจำวัน โดย 911 Turbo S ใหม่ พร้อมที่จะยกระดับมาตรฐานขึ้นไปอีกขั้นในทุกมิติ โดยมีให้เลือกทั้งตัวถังแบบ Coupe และ Cabriolet พร้อมกับสมรรถนะที่สูงขึ้น ดีไซจ์นโฉบเฉี่ยว ระบบ Aerodynamic ที่อัจฉริยะมากยิ่งขึ้น รวมถึงช่วงล่างที่ปรับปรุงใหม่ และอุปกรณ์ต่างๆ ที่พิเศษมากยิ่งขึ้น
Frank Moser รองประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์รถยนต์ 911 และ 718 กล่าวว่า 911 Turbo S คือ การขับ Porsche 911 ที่สมบูรณ์แบบ และใช้งานได้หลากหลายที่สุด ทั้งการใช้งานในชีวิตประจำวัน การขับขี่ระยะไกล หรือบนสนามแข่ง 911 Turbo S ใหม่นี้ มอบความสะดวกสบาย มีเอกลักษณ์ และรวดเร็วขึ้นกว่ารุ่นก่อนอย่างชัดเจน
ขุมพลังเทอร์โบคู่พร้อมเทคโนโลยี T-Hybrid สุดล้ำ
ขุมพลังสมรรถนะสูงที่พัฒนาขึ้นมาใหม่ให้กำลังรวม 523 กิโลวัตต์ (711 แรงม้า) ทำให้ 911 Turbo S ใหม่ กลายเป็นยนตรกรรมในตระกูล 911 ที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยมีมา ด้วยแรงบิดสูงสุด 800 นิวทันเมตร ซึ่งพร้อมใช้งานในช่วงรอบเครื่องกว้างตั้งแต่ 2,300-6,000 รตน. และยังมีจุดพีคกำลังที่ต่อเนื่องเป็นพิเศษระหว่าง 6,500-7,000 รตน. ทำให้ผู้ขับขี่สามารถเรียกใช้พลังสูงสุด 711 แรงม้าได้เต็มประสิทธิภาพ ทั้งยังขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี T-Hybrid น้ำหนักเบา 400 โวลท์ ซึ่งทำให้มีกำลังเพิ่มขึ้น 61 แรงม้าเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า โดยเทคโนโลยี T-Hybrid เปิดตัวครั้งแรกจาก 911 Carrera GTS (911 คาร์เรรา จีทีเอส) ปี 2024 และพัฒนาต่อยอดมาจนถึงใน 911 Turbo S ใหม่ โดยใน GTS ใช้ eTurbo เพียงตัวเดียว
แต่สำหรับ 911 Turbo S ใหม่ นี้ถูกติดตั้ง eTurbo คู่ โดยใบพัด และคอมเพรสเซอร์ได้รับการออกแบบเฉพาะเพื่อตอบโจทย์สำหรับรุ่นสูงสุด ซึ่งทั้ง 2 ตัวจะช่วยเพิ่มสมรรถนะ และการตอบสนองของระบบขับเคลื่อนได้อีกด้วย ทั้งยังมีแบทเตอรีแรงดันสูงน้ำหนักเบา พร้อมความจุ 1.9 กิโลวัตต์ชั่วโมง เหมือนกับใน 911 Carrera GTS โดยทำงานร่วมกับเกียร์ PDK 8 จังหวะ ที่มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า ส่งกำลังสู่ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Porsche Traction Management (PTM) ผลลัพธ์ คือ 911 Turbo S Coupe (911 เทอร์โบ เอส คูเป) รุ่นใหม่นี้ ทำเวลา 0-100 กม./ชม. ได้ใน 2.5 วินาที โดยเร็วกว่ารุ่นก่อน 0.2 วินาที และใช้เวลาเพียง 8.4 วินาที ถึง 200 กม./ชม. ซึ่งเร็วกว่ารุ่นก่อนหน้า 0.5 วินาที และสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 322 กม./ชม.
เร็วกว่ารุ่นก่อนราว 14 วินาที บนสนาม Nurburgring Nordschleife
ถึงแม้ว่าจะมีองค์ประกอบที่เพิ่มขึ้นจากระบบไฮบริดประสิทธิภาพสูง แต่ 911 Turbo S ใหม่ มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเพียง 85 กก. เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ซึ่งน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นนี้กลับถูกชดเชยด้วยสมรรถนะการขับขี่ที่ดีขึ้นอย่างเต็มที่ในทุกด้าน โดยพิสูจน์ได้จากเวลาในการทดสอบช่วงสุดท้ายในฤดูใบไม้ร่วงปี 2024 บนสนาม Nurburgring Nordschleife Porsche 911 Turbo S รุ่นพรางตัว ทำเวลาได้ 7:03.92 นาที ภายใต้การควบคุมของผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งรวดเร็วกว่ารุ่นก่อนหน้าราว 14 วินาที
Jörg Bergmeister Brand Ambassador ของ Porsche (โพร์เช) ผู้ร่วมพัฒนา และทดสอบ กล่าวว่า คุณแทบจะไม่รู้สึกถึงน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น แต่ในทางตรงกันข้ามกลับรู้สึกว่ารถคันนี้มีความคล่องตัว ยึดเกาะถนนได้ดีขึ้น รวมถึงทำเวลาได้เร็วขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้าในทุกๆ ช่วงสำคัญของสนาม
ระบบเบรค และยางที่ได้รับการปรับแต่งเพื่อสมรรถนะสูงสุด
วิศวกรของ Porsche ได้ปรับปรุงองค์ประกอบโดยรอบของ 911 Turbo S เพื่อให้สมกับการเป็นรถในตระกูล 911 รุ่นสูงสุด โดยยางรุ่นใหม่ที่นำมาใช้ ได้พัฒนาให้ยึดเกาะบนถนนที่แห้งได้มากขึ้น ทั้งยังคงประสิทธิภาพบนถนนที่เปียกได้ดี เพลาหลังของรถยนต์สปอร์ทรุ่นนี้ติดตั้งยางที่กว้างขึ้น 10 มม. เทียบกับรุ่นก่อนหน้า โดยมีขนาด 325/30 ZR 21 ส่วนเพลาหน้าใช้ยางขนาด 255/35 ZR 20 ซึ่งเหมือนกับรุ่นก่อนหน้า ระบบ Porsche Ceramic Composite Brake (PCCB) ติดตั้งมาเป็นมาตรฐาน มาพร้อมผ้าเบรคแบบใหม่ สามารถรองรับแรงกดมหาศาล ช่วยยกระดับสมรรถนะการเบรค และสัมผัสแป้นเบรคให้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งทีมวิศวกรยังได้เพิ่มเส้นผ่านศูนย์กลางของจานเบรคที่เพลาหลังจาก 390 มม. เป็น 410 มม. ส่วนเพลาหน้าใช้จานเบรคขนาด 420 มม. ซึ่งทำให้ 911 Turbo S ใหม่ มาพร้อมระบบเบรค PCCB ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่ Porsche เคยติดตั้งในรถยนต์รุ่น 2 ประตู
ระบบ Aerodynamic แบบแอคทีฟอัจฉริยะ
แนวคิด Aerodynamic รูปแบบใหม่ได้รับการพัฒนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายความร้อน และเสถียรภาพของ 911 Turbo S ใหม่ โดยประกอบด้วย ช่องลมระบายอากาศแบบแอคทีฟแนวตั้งบริเวณด้านหน้า และดิฟฟิวเซอร์หน้าแบบแอคทีฟ ร่วมกับสปอยเลอร์หน้าที่ปรับได้ และสปอยเลอร์หลังที่สามารถยืดออก และปรับองศาได้ ซึ่งสืบทอดมาจากรุ่นก่อนหน้า ทั้งหมดทำงานร่วมกันเป็นระบบเดียวอย่างมีประสิทธิภาพ การไหลเวียนของอากาศเพื่อระบายความร้อนในระบบเบรค และหม้อน้ำถูกปรับให้เหมาะสมยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันระบบ Aerodynamic แบบแอคทีฟยังสามารถปรับการทำงานอย่างชาญฉลาดตามสถานการณ์การขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นการลดแรงยกเพื่อเพิ่มเสถียรภาพ หรือการลดแรงต้านอากาศเมื่อองค์ประกอบต่างๆ ถูกพับเก็บเข้าไป โดยค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอากาศ (Drag Coefficient) ของ 911 Turbo S Coupe จะลดลง 10 % เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ในโหมดที่ใช้องค์ประกอบ Aerodynamic ทั้งหมดเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด นอกจากนี้ ระบบ Dynamic แบบแอคทีฟยังช่วยเสริมการเบรกบนถนนเปียก โดยในโหมดเปียก (Wet Mode) ดิฟฟิวเซอร์ด้านหน้าจะปิดเพื่อป้องกันจานเบรคหน้าจากละอองน้ำ
แชสซีส์เพื่อความคล่องตัว และเสถียรภาพที่เหนือกว่า
ระบบขับเคลื่อน T-Hybrid ที่มาพร้อมระบบไฟฟ้าแรงดันสูง และชุดแบทเตอรี ช่วยให้ Porsche สามารถติดตั้งระบบ Porsche Dynamic Chassis Control แบบควบคุมด้วยไฟฟ้า-ไฮดรอลิค (ehPDCC) เป็นอุปกรณ์มาตรฐานใน 911 Turbo S รุ่นใหม่ ซึ่งช่วยลดการโคลงของตัวรถขณะเปลี่ยนทิศทาง และเพิ่มความคล่องตัวในการเข้า และออกโค้ง โดยทำงานร่วมกับคานกันโคลงที่เชื่อมถึงกัน โดยมีแรงดันน้ำมันถูกปรับตามสภาพการขับขี่ ทำให้ตัวคานสร้างแรงพยุง และรักษาสมดุลของรถ ส่งผลให้รถสปอร์ททรงพลังคันนี้ควบคุมง่ายขึ้น มั่นใจยิ่งขึ้น และให้ทั้งความสบาย และพลวัตการขับขี่ที่ดีกว่าเดิม
ในการพัฒนานี้ ได้ปรับปรุงทั้งความสะดวกสบาย และสมรรถนะการขับขี่ ซึ่งยกระดับทำให้ 911 Turbo S ใหม่ มีทั้งความสะดวกสบาย มั่นคง และคล่องตัวในเวลาเดียวกัน โดยสำหรับในการใช้งานในชีวิตประจำวัน ระบบควบคุมแชสซีส์ไฟฟ้า-ไฮดรอลิค (ehPDCC) มาพร้อมระบบยกเพลาหน้าเป็นมาตรฐาน ซึ่งสามารถตอบสนองได้รวดเร็วขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้า ด้วยการผสานเข้ากับระบบไฟฟ้าแรงสูง 400 โวลท์
ระบบท่อไอเสียสปอร์ทใหม่ที่ติดตั้งมาเป็นมาตรฐาน มาพร้อมหม้อพักไอเสียด้านหลัง และปลายท่อไอเสียที่ทำจากไททาเนียม ช่วยตอกย้ำเอกลักษณ์เฉพาะของ 911 Turbo S ด้วยเสียงเร้าใจที่ออกแบบขึ้นเพื่อรถยนต์สปอร์ทรุ่นสูงสุดโดยเฉพาะ พร้อมทั้งช่วยลดน้ำหนักตัวรถได้ถึง 6.8 กก. นอกจากนี้ การปรับปรุงเครื่องยนต์ภายในยังช่วยเพิ่มมิติของเสียงรถให้มีความเร้าใจมากยิ่งขึ้น ด้วยเครื่องยนต์บอกเซอร์ 3.6 ลิตร ที่ทำงานด้วย ระบบวาล์วไทมิงแบบไม่สมมาตร (Asymmetrical Timing) เพื่อสร้างเสียงเครื่องยนต์ที่มีหลากหลายมิติ และความถี่ ทำให้ได้เสียงที่หนักแน่น ลึก และคมชัดยิ่งขึ้น
ดีไซจ์นสุดเอกซ์คลูซีฟพร้อมชุดอุปกรณ์แบบพรีเมียม
ใน 911 Turbo S ใหม่ ถือเป็นครั้งแรกที่ Porsche นำกลยุทธ์การออกแบบของรุ่นเทอร์โบมาใช้กับตระกูล 911 โดยมีองค์ประกอบหลายส่วนโดดเด่นด้วยสี Turbonite ที่สงวนไว้เฉพาะในรุ่นเทอร์โบ เท่านั้น รวมถึงสัญลักษณ์ Porsche และตัวอักษร “Turbo S” ในด้านท้ายรถ รวมไปถึงอุปกรณ์ตกแต่งเฉพาะรุ่น Turbo S ที่ปีกหลัง และกรอบกระจกข้าง และล้อของ Turbo S ยังมาพร้อมดีไซจ์นใหม่แบบ Center Lock ที่มาในโทนสี Turbonite เพิ่มความมีเอกลักษณ์เฉพาะรุ่น
ด้วยเอกลักษณ์เฉพาะของรุ่นเทอร์โบ 911 Turbo S ใหม่ มาพร้อมตัวถัง และช่วงล้อที่กว้างกว่า Carrera อย่างชัดเจน พร้อมช่องดักอากาศที่ด้านข้างบริเวณท้ายรถ กันชนหลัง ออกแบบใหม่ให้โดดเด่นด้วยช่องระบายอากาศขนาดใหญ่ ช่วยเน้นความกว้างของตัวถัง รวมถึงปลายท่อไอเสียไททาเนียม ดีไซจ์นเฉพาะของเทอร์โบรุ่นใหม่ตอกย้ำความเป็นผู้นำของ Turbo S เช่นเดียวกับลวดลายมุก (Pearl Structure) แบบไดนามิคเหนือเส้นไฟท้าย ทั้งนี้ยังมีปลายท่อไอเสียไททาเนียมทรงวงรีพร้อมพื้นผิวพิเศษให้เลือกเป็นออพชัน โดยรวมแล้วดีไซจ์นสุดเอกซ์คลูซีฟนี้ทำให้ Turbo S แตกต่างอย่างชัดเจนจาก 911 รุ่นอื่นๆ
การตกแต่งด้วยสี Turbonite คือ เอกลักษณ์ที่สะท้อนความพิเศษภายในตัวรถ โดยจะปรากฏอยู่ทั้งบนแผงประตู พวงมาลัย แผงแดชบอร์ด คอนโซลกลาง ตะเข็บตกแต่ง นาฬิกา Sport Chrono และชุดมาตรวัด รวมไปถึงเข็มขัดนิรภัย และปุ่มหลายจุดบนคอนโซลกลาง ก็ถูกออกแบบโดยใช้สี Turbonite เช่นกัน ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ Porsche เพิ่มวัสดุตกแต่งลายคาร์บอนผสานกรอบโทน Neodyme และเพดานบุไมโครไฟเบอร์เจาะรู (Perforated Microfiber) พร้อมชั้นรองสีดำ เพื่อยกระดับความหรูหรา และเอกลักษณ์ของห้องโดยสาร
Porsche ยังติดตั้งไฟหน้า HD Matrix LED เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน พร้อมฟังค์ชันไฟส่องสว่างอัจฉริยะที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยเมื่อต้องขับขี่ในเวลากลางคืน รวมไปถึง Sport Chrono Package พร้อมมาตรวัดอุณหภูมิยาง ระบบช่วงล่าง PASM ปรับเฉพาะรุ่น ระบบควบคุมการโคลงไฟฟ้า-ไฮดรอลิค PDCC และท่อไอเสียสปอร์ทไททาเนียม เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน และภายในมีการติดตั้งเบาะ Sport Seats Plus แบบปรับไฟฟ้า 18 ทิศทางพร้อมฟังค์ชันจำตำแหน่ง และตัวอักษร “Turbo S” บนพนักพิงศีรษะที่เป็นมาตรฐานจากโรงงาน และลายปั๊มนูน Turbo S บนเบาะ และแผงประตู ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากดีไซจ์นของ 911 Turbo 930 รุ่นแรก ทั้งยังมีเบาะสปอร์ทน้ำหนักเบาแบบพับได้ที่คุ้นเคยมาจาก 911 GT3 ให้เลือกเป็นออพชันสำหรับรุ่นคูเป
ตัวเลือกการปรับแต่งที่หลากหลาย
สำหรับตัวเลือกการปรับแต่งที่มากขึ้น สามารถเลือกปรับแต่งผ่าน Porsche Exclusive Manufaktur โดยนอกจากสีตัวถังในแพคเกจ Paint to Sample ที่มีให้เลือกมากกว่า 100 เฉดสี ยังสามารถเลือกปรับแต่งล้อ Turbo Exclusive Design แผ่นคาร์บอนพ่นสี Neodyme หลังคาคาร์บอนน้ำหนักเบา ไฟท้าย และช่องดักอากาศด้านหลังแบบ Exclusive Design และยังเป็นครั้งแรกที่สามารถเลือกก้านปัดน้ำฝนคาร์บอน ซึ่งมีน้ำหนักเบากว่าปกติถึง 50 % พร้อมทั้งยังสามารถปรับแต่งภายในเพิ่มเติมได้ทั้ง ตะเข็บตกแต่งสีตัดกัน การปั๊มนูนชื่อเฉพาะ คอนโซลเบาะ และแผงข้างประตูหุ้มหนังพร้อมตะเข็บตกแต่งสุดประณีต รวมถึงกุญแจพ่นสีเฉพาะบุคคล
911 Turbo S บนข้อมือคุณ
Porsche Design Timepieces Configurator เปิดโอกาสให้คุณได้ออกแบบรถยนต์สปอร์ทบนข้อมือของคุณได้ โดยสามารถปรับแต่งให้เหมือนกับ 911 Turbo S ได้อย่างสมบูรณ์แบบในทุกๆ รายละเอียด หน้าปัดสีดำรุ่นใหม่มาพร้อมกับองค์ประกอบในโทน Turbonite ที่สะท้อนถึงเอกลักษณ์ของตัวรถ และนอกจากสี Turbonite แล้ว สีตัวถังในทุกเฉดสี (รวมถึงสีที่สั่งทำเฉพาะ) ยังสามารถนำมาปรับแต่งรอบหน้าปัดนาฬิกาได้ โดยตัวเรือนทำมาจากไททาเนียมเคลือบสีดำ และสายทำมาจากหนัง และด้ายจากภายในรถยนต์ Porsche ซึ่งไฮไลท์ คือ ตัวอักษร “Turbo S” ที่จะถูกปั๊มลงบนสาย โดยนาฬิกาจะขับเคลื่อนด้วยกลไก Porsche Design Caliber WERK 01.200 พร้อมการรับรอง COSC และฟังค์ชัน Flyback โรเตอร์ขึ้นลานที่สามารถเลือกได้ สะท้อนดีไซจ์นจากล้อของ 911 Turbo S หลายรุ่น พร้อมตราสัญลักษณ์ของ Porsche ในสี Turbonite ที่เป็นเอกลักษณ์ และในด้านหลังตัวเรือนสามารถสลักข้อความได้ โดย Chronograph 911 Turbo S ทุกเรือนจะถูกสั่งผลิตด้วยมือแบบสั่งทำพิเศษที่โรงงานนาฬิกา Porsche ในเมือง Grenchen ประเทศสวิสเซอร์แลนด์
911 Turbo S ใหม่ เปิดให้สั่งจองแล้ววันนี้ในประเทศไทย โดยราคาสำหรับ 911 Turbo S รุ่น Coupe เริ่มต้นที่ 27,900,000 บาท และราคาสำหรับ 911 Turbo S รุ่น Cabriolet เริ่มต้นที่ 29,200,000 บาท โดยคาดว่าทั้ง 2 รุ่นจะสามารถส่งมอบได้ในช่วงกลางปี 2026
