บทความ
กล้องจับความเร็ว ใช้เทคโนโลยีอะไรบ้าง ?

ปัจจุบันหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทย ต่างนำเทคโนโลยีสุดล้ำมาใช้ควบคุมความเร็วของรถยนต์ และลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน หลายประเทศ รวมถึงไทยที่เลือกใช้ "กล้องจับความเร็ว"Highlight
กล้องจับความเร็ว หรือ Speed Camera ไม่ได้เป็นแค่เครื่องมือออกใบสั่ง แต่เป็นเทคโนโลยียุคใหม่ที่สำคัญ ช่วยควบคุมความเร็วรถยนต์ ลดอุบัติเหตุ และสร้างวินัยให้ผู้ขับขี่ โดยในปัจจุบันมีหลากหลายระบบที่ถูกใช้งานทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย
เทคโนโลยีเรดาร์จะทำงานโดยยิงคลื่นไมโครเวฟไปกระทบตัวรถ แล้ววัดความเร็วจากคลื่นสะท้อนกลับ ติดตั้งง่าย ใช้ได้ทั้งแบบถาวร และเคลื่อนที่ แยกรถเป้าหมายได้ยากเมื่อถนนมีรถหนาแน่น
ระบบลำแสงเลเซอร์ในการวัดเวลาแสงสะท้อนกลับ เพื่อคำนวณความเร็วของรถแต่ละคันอย่างแม่นยำ เจาะจงคันเป้าหมายได้แม่นยำสูง ต้องตั้งตรงแนวถนน และมีราคาสูงกว่าระบบเรดาร์
กล้องวัดความเร็วเฉลี่ยจับภาพรถที่จุดเริ่มต้น และจุดสิ้นสุดของเส้นทาง แล้วนำมาคำนวณความเร็วเฉลี่ย ป้องกันพฤติกรรม “เบรคก่อน เร่งหลังกล้อง” ได้ดี ต้องใช้กล้องหลายจุด และฐานข้อมูลขนาดใหญ่
ระบบอ่านป้ายทะเบียนอัตโนมัติ ที่ใช้จับภาพทะเบียนรถ และตรวจสอบกับฐานข้อมูลของตำรวจ ตรวจจับรถฝ่าฝืนการใช้ความเร็วได้แม่นยำ ใช้กล้องคุณภาพสูง และไฟอินฟราเรดสำหรับเวลากลางคืน ที่สำคัญ ระบบสามารถตรวจสอบย้อนหลังได้จากทะเบียนรถ คำแนะนำ คือ “ขับไม่เกินความเร็วที่กำหนด” เพื่อความปลอดภัยของคุณ และทุกคนบนท้องถนน
กล้องความเร็วสูง ใช้กับถนนทางด่วน หรือสนามแข่ง ที่มีความเร็วสูงมาก ภาพคมชัด ไม่เบลอ อ่านทะเบียนได้แม้รถวิ่งเร็วระดับ 200 กม./ชม.
ประเทศไทยมีการใช้งาน Radar, Lidar และ ANPR ทั้งในรูปแบบกล้องเคลื่อนที่ และกล้องติดตั้งถาวรบนถนนหลวงทั่วประเทศ รวมถึงเริ่มมีการใช้กล้อง AI อัจฉริยะ ที่สามารถตรวจจับพฤติกรรมอื่นๆ เช่น ใช้โทรศัพท์ระหว่างขับ, การฝ่าไฟแดง, ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย นอกจากนี้ ยังอยู่ในช่วงทดลองใช้ ระบบวัดความเร็วเฉลี่ย (Average Speed) บนถนนสายหลัก เพื่อส่งเสริมให้ผู้ขับขี่รักษาความเร็วคงที่ ลดอุบัติเหตุระยะยาว
หลายประเทศอย่าง อังกฤษ อิตาลี และออสเตรเลีย ใช้ระบบกล้องตรวจจับความเร็วเฉลี่ยทั่วประเทศ พร้อมผสานเทคโนโลยี AI วิเคราะห์พฤติกรรมการขับขี่แบบ Real-time ระบบเหล่านี้ช่วยให้การตรวจจับแม่นยำขึ้น และเพิ่มความโปร่งใสในการบังคับใช้กฎหมายจราจร
กล้องจับความเร็วในปัจจุบันไม่ได้เป็นเพียง “กล้องจับผิด” แต่เป็น “เทคโนโลยีช่วยชีวิต” ที่มุ่งลดอุบัติเหตุ และสร้างสังคมการขับขี่ที่ปลอดภัยมากขึ้น แนวโน้มในอนาคตของกล้องจับความเร็วที่คาดว่าจะพัฒนา AI วิเคราะห์พฤติกรรมการขับขี่แบบ Real-time รวมถึงในหลายประเทศได้ติดตั้ง ระบบวัดความเร็วเฉลี่ยทั่วประเทศ และการเชื่อมโยงข้อมูลเข้ากับ ศูนย์ควบคุมกลาง เพื่อการตรวจสอบที่รวดเร็ว โปร่งใส และยุติธรรม สำหรับผู้ใช้รถใช้ถนน และหวังการลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุให้ได้มากที่สุด

บทความแนะนำ

