ทดลองขับ
Toyota Hilux Travo Overland ตัวเต็มคันเท่...มาแทนที่ Revo Rocco

Toyota Hilux Travo รุ่นแรกที่ Toyota เลือกให้ลองขับคือ Toyota Hilux Travo Overland ตัวเต็มคันเท่ที่มาแทนที่ Revo Rocco
Overland 4 รุ่นย่อย
Hilux Travo Double Cab Prerunner 2.8 Overland AT
Hilux Travo Double Cab Prerunner 2.8 Overland Plus AT
Hilux Travo Double Cab 4TREX 2.8 Overland AT
Hilux Travo Double Cab 4TREX 2.8 Overland Plus AT
ด้านหน้าดีไซน์ใหม่แบบ Cyber Sumo แข็งแกร่ง มันคง และทรงพลัง ด้านล่างคล้ายกับ Corolla Cross ไฟหน้า LED พร้อม Daytime Running Light เรียวยาวรับกับแนวกระจังหน้าสีดำโฉบเฉียวทันสมัยกว่า Revo และไม่ได้มีการปรับย้ายลงมาอยู่ที่กันชน จึงยังคงให้ระยะส่องสว่างที่ไกล...โดยไม่ไปแยงตาผู้ขับรถที่สวนทางมา
สำหรับ Travo Overland ตัวเต็มคันเท่ที่มาแทนที่ Revo Rocco ด้านหน้าก็เสริมแผ่นกันกระแทกใต้ห้องเครื่อง และเสริมขอบซุ้มล้อทั้ง 4 เหมือนกันทุกรุ่น ไม่ว่าจะเป็น รุ่น Prerunner 2.8 Overland ขับเคลื่อน 2 ล้อยกสูง หรือ 4TREX 2.8 Overland ขับเคลื่อน 4 ล้อ รวมทั้งรุ่นย่อย Plus
ด้านหลัง Travo Overland ยังคงทำให้นึกถึง Revo Rocco ด้วยสปอร์ทบาร์สีดำติดเสริมความแกร่งบนท้ายกระบะ แต่ที่ดูแตกต่างออกไป ก็เป็นตัวกระบะท้ายที่มีเส้นสายกับกันชนท้ายที่ต่างกัน และไฟท้าย LED ดีไซน์ใหม่ ตัวอักษร TOYOTA และ TRAVO สีดำ ที่ดูแปลกตา เปลี่ยนจากตัว "E" และ "3" มาเป็น "T" และ "J"
ล้ออัลลอย ขนาด 18 นิ้ว ยางขนาด 265/60 R18 ลงตัวกับความกว้างของตัวรถ แต่ยังไม่ถึงกับเต็มในส่วนที่มีขอบเสริมซุ้มล้อ และยังเหลือๆ เมื่อถึงคราวต้องลุย
ห้องโดยสารของ Travo ดู Advanced และเติมเต็ม Technology ความสะดวกสบาย ตลอดการเดินทาง ทั้งมาตราวัดเรือนไมล์ขนาด 12.3 นิ้ว จอกลางแบบสัมผัส ขนาด 12.3 นิ้ว การออกแบบตกแต่งที่แตกต่าง และทันสมัยกว่า Revo ชัดเจน เรียกว่าก้าวข้ามมาสู่ยุคใหม่อย่างเต็มตัว แต่ยังไม่ลืมส่วนจำเป็นอย่าง ที่วางแขนขนาดใหญ่ และที่วางแก้วน้ำบนคอนโซลทั้งซ้าย/ขวา แบบมีฝาปิด
จอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ หรือจอมาตราวัดเรือนไมล์ขนาด 12.3 นิ้ว แบบดิจิทัล ทันสมัย คมชัด
เครื่องเสียงหน้าจอสัมผัส ขนาด 12.3 นิ้ว พร้อม Apple CarPlay และ Andriod Auto แบบไร้สาย / ลำโพง 8 ตำแหน่ง พร้อม Wireless Charger
ระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB (Electric Parking Brake) พร้อมระบบหน่วงเบรกอัตโนมัติ (Auto Brake Hold)
พวงมาลัยไฟฟ้า แม่นยำ ควบคุมง่าย
ช่อง Wireless Charger ใช้พื้นที่เล็กๆ (สติกเกอร์สีเหลือง) ในคอนโซลกลาง ด้านหน้าคันเกียร์ อยู่ใต้สวิทช์หมุนควบคุม Mode การขับขี่ แอบไว้ตรงนี้ดูลำบากเล็กน้อย สำหรับการสังเกตุว่าโทรศัพท์มือถือจะชาร์จหรือไม่ชาร์จ
ที่วางแก้วน้ำขนาดใหญ่ และที่พักแขนช่วยลดความเหนื่อยล้าขณะขับขี่
เบาะนั่งออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ หนัง Softex นุ่ม นั่งสบาย
เครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ GD Super Power ขนาด 2.8 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 204 แรงม้า แรงบิด 500 นิวตัน-เมตร เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ และแรงบิด 420 นิวตัน-เมตร เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ ติดตั้งระบบ Stop& Start ระบบดับเครื่องยนต์อัตโนมัติเมื่อรถจอดนิ่ง เพื่อเพิ่มการประหยัดน้ำมัน
ใช้งานปกติจาก ALIVE Toyota บางนา ไปบ้านโพธิ์ ประมาณ 70 กม. ตัวบนมาตรวัดบอกตัวเลขอัตราสิ้นเปลื้องเฉลี่ยไว้ 12.0 กม./ลิตร
ส่วนอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในสนามทดสอบภายในศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ หรือ Attric อยู่ที่ 9-10 วินาที ทำได้เร็วกว่า Revo Rocco เสียววินาที
Toyota เพิ่มจุดเชื่อมพื้นตัวถัง เพื่อเสริมความแข็งแรงของห้องโดยสาร ปรับปรุงการทรงตัว และเพิ่มความนุ่มนวลในการขับขี่
ระบบช่วงล่างแบบนุ่ม หนีบ เกาะถนน
ยางรองแท่นเครื่องแบบไฮดรอลิค และยางรองตัวถังแบบ Shear Type ลดแรงสั่นสะเทือนเข้าสู่ห้องโดยสาร
เบาะนั่งออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ หนัง Softex นุ่ม นั่งสบาย
แกนพวงมาลัยขนาดใหญ่ ช่วยให้ควบคุมได้เฉียบคม ตอบสนองดี และลดแรงสั่นสะเทือน
ขับผ่านแผ่นกระเบื้องฉีดน้ำ พื้นผิวลื่น ระบบควบคุมการทรงตัว (VSC) และระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (TRC) ช่วยให้การควบคุมรถง่ายขึ้น แต่ก็ต้องความเร็วอย่างเหมาะสม
ระบบควบคุมการทรงตัว (VSC) และระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (TRC) ช่วยเราความทิศทางของรถไปในทางที่ต้องการ โดยลดความเร็วของล้อแต่ละล้อ
Hilux Travo Double Cab 4TREX 2.8 Overland Plus AT มีทั้งระบบ Multi-terrain Select (MTS) ช่วยปรับการขับขี่ให้เหมาะสมกับสภาพพื้นผิวที่หลากหลาย ทั้งแบบ ดิน ทราย โคลน หิน หรือ หิมะ ในรุ่น 4TREX และระบบควบคุมเฟืองท้าย (Auto Limited Slip Differential) ทุกอย่างใช้งานง่าย
Auto โหมดนี้จะช่วยปรับการขับขี่ไปตามสภาพพื้นผิวโดยอัตโนมัติ โดยอาศัยเซนเซอร์ตรวจจับอาการ
Dirt เหมาะกับเส้นทางที่เป็นดิน ทางลูกรัง
Sand ทางทราย พาตัวรถผ่านหล่มทราย
Mud ทางโคลน
Deep Snow
นอกจากนี้ยังมี บันไดข้าง พื้นลายรังผึ้ง Hexagonal Grip เพิ่มการยึดเกาะ และ สะดวกในการก้าวขึ้นลง
บันไดข้างกระบะ ใกล้กันชนท้าย ช่วยให้การขึ้นลงสะดวกขึ้น
ระบบช่วยผ่อนแรงฝาท้ายกระบะ เปิด-ปิดง่าย
ระบบ Blind Spot Monitor และ Rear Cross Traffic Alert
Parking sensor สัญญาณเตือนกะระยะหน้าและหลัง
รุ่น Overland Plus ยังแอบเพิ่มเติมเทคโนโลยีความปลอดภัย Toyota Safety Sense จากรุ่น Overland
All-Speed Dynamic Radar Cruise Control with Curve Speed Reduction and Lane Tracing Assist ระบบควบคุมและปรับลดความเร็วอัตโนมัติพร้อมช่วยลดความเร็วอัตโนมัติก่อนเข้าโค้ง และช่วยควบคุม รถให้อยู่กลางเลน
Pre-collision System ระบบความปลอดภัยก่อนการชน
Lane Departure Alert ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน พร้อมหน่วงกลับอัตโนมัติ
Automatic High Beam ระบบความคุมไฟอัตโนมัติ
ถุงสมเสริมความปลอดภัย SRS 7 ตำแหน่ง
โดยรวม Hilux Travo Double Cab 4TREX 2.8 Overland Plus AT น่าใช้กว่า Revo Rocco ถ้าไม่ติดกับรูปลักษณ์ภายนอก แต่ในส่วนอื่นๆ เชื่อว่าน่าจะตรงใจ ทั้งการตกแต่งภายในห้องโดยสาร และอุปกรณ์อำนวยความสะดวก และที่สำคัญระบบ Multi-terrain Select (MTS) ใช้งานง่าย ช่วยปรับการขับขี่ให้เหมาะสมกับสภาพพื้นผิวที่หลากหลาย
Hilux Travo Double Cab Prerunner 2.8 Overland AT ราคา 1,102,000 บาท
Hilux Travo Double Cab Prerunner 2.8 Overland Plus AT ราคา 1,176,000 บาท
Hilux Travo Double Cab 4TREX 2.8 Overland AT ราคา 1,292,000 บาท
Hilux Travo Double Cab 4TREX 2.8 Overland Plus AT ราคา 1,366,000 บาท (รุ่นที่ทดลองขับในครั้งนี้)

บทความแนะนำ

