ทดสอบ(formula) 28 Jun 2017
ซูซูกิ แอร์ติกา
หากพูดถึงความกว้างขวาง พื้นที่ใช้สอย และความคล่องตัวในการขับขี่ เชื่อว่าหลายคนคงนึกถึงรถยนต์ประเภท เอมพีวี เป็นอันดับแรก เมื่อก่อนกลุ่มนี้ได้รับความนิยม เฉพาะในกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง แต่ในปัจจุบันความต้องการที่หลากหลายรวมไปถึงลูกค้าที่มองหารถยนต์ราคาย่อมเยา เน้นความคุ้มค่าด้วย ครั้งนี้เรามา ทดสอบ เอมพีวี ที่น่าสนใจรุ่นหนึ่ง นั่นคือ ซูซูกิ แอร์ติกา
EXTERIOR ภายนอก
ซูซูกิ แอร์ติกา ในบ้านเราทำตลาดมาสักพักหนึ่งแล้ว มาพร้อมตัวถังที่มีรูปทรงกล่อง ตามสไตล์ เอมพีวี ทั่วไป เส้นข้างเน้นความยาวของตัวถัง เสริมความบึกบึนด้วยสันเหลี่ยมของซุ้มโป่งล้อ ไฟหน้าทรงโค้ง ดูคล้ายกับแฮทช์แบคร่วมค่ายอย่าง สวิฟท์ ล่าสุดปรับโฉมเพิ่มความสดใหม่ให้กับรุ่นทอพ ดเรซา ด้วยการปรับเปลี่ยนรูปทรงของชุดกระจัง และกันชนหน้า แตกต่างจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด ช่องรับอากาศด้านล่างกันชนทรงโค้ง พลิ้วไหว ยาวจรดความกว้างของตัวรถด้วยวัสดุโครเมียม นอกจากนี้ยังเพิ่มเส้นสายของกระจังหน้า ดูทันสมัยขึ้น แต่หากใครที่รู้สึกขัดใจกับรูปทรงด้านหน้าแบบใหม่ อาจต้องหันไปซื้อรุ่นย่อยรองลงมา นั่นคือ จีแอล รูปทรงด้านหน้าใกล้เคียงกับรุ่นก่อนปรับโฉม
ส่วนด้านท้ายไม่แตกต่างจากเดิมเท่าใดนัก นอกจากไฟท้ายที่เปลี่ยนรูปแบบการจัดวางเล็กน้อย แต่เพิ่มไฟทับทิมสีแดงต่อเนื่องกับชุดโคมไฟท้าย แต่ชุดไฟทับทิมที่ติดตั้งเพิ่มเติมกลับไม่เรียบเนียนกับตัวถังเท่าใดนัก นอกจากนี้ยังติดตั้งสปอยเลอร์ท้ายมาให้ ในรุ่นทอพ ดเรซา ใช้ล้อแมกลายใหม่ ดูสปอร์ทขึ้น ขนาด 15 นิ้ว ยาง บริดจ์สโตน อีโคเพีย ขนาด 185/65 R15
โดยรวมแล้ว ซูซูกิ แอร์ติกา ดเรซา เน้นรูปทรงด้านหน้าที่โฉบเฉี่ยวกว่าเดิม แม้จะดูแปลกตาในครั้งแรกที่เห็น แต่สามารถสร้างความโดดเด่นจากคู่แข่งระดับเดียวกันได้ไม่น้อย
INTERIOR ภายใน
ภายในของ เอมพีวี จาก ซูซูกิ ยังคงเน้นความเรียบง่าย ใช้โทนสีเบจ คอนโซลหน้ายกชุดมาจาก สวิฟท์ (แต่ในแง่ของการประกอบ สวิฟท์ ดูแน่นหนากว่า) ในแง่ของอุปกรณ์ใช้สอย ไม่มีอะไรโดดเด่นมากนัก แต่ยังติดตั้งปุ่มมัลทิฟังค์ชันมาให้ จุดสำคัญของรถรุ่นนี้ คือ ความกว้างขวางของห้องโดยสารที่ทำได้ดีเกินคาด แม้ดูภายนอกจะไม่ใช่รถที่มีขนาดใหญ่โตมากนัก พื้นที่ศีรษะโปร่งสบาย พร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง (ปรับระดับความแรงลมได้)
จุดเด่นของ แอร์ติกา คือ ความอเนกประสงค์ในการใช้งาน รวมไปถึงความสะดวกสบายภายในห้องโดยสาร เราพบว่า เบาะนั่งมีตำแหน่งที่เหมาะสม พื้นที่ส่วนขาเพียงพอ ไม่อึดอัด หากมีการใช้งานเบาะแถว 3 ก็ยังมีพื้นที่โดยรวมที่น่าพอใจ นอกจากนี้รูปแบบการพับเบาะ เอื้อต่อการบรรทุกของทรงยาว หากพับพนักพิงหลังของเบาะแถว 2 และ 3 ลงมา จะได้พื้นที่ราบต่อเนื่องเป็นแนวยาว เพิ่มพื้นที่ใช้สอยอย่างได้ผล เบาะแถว 2 สามารถพับแยกแบบ 60:40 ได้ ในกรณีที่มีผู้โดยสาร นอกจากนี้ยังสามารถพับเบาะขึ้นมาแนวตั้งในกรณีที่ขนสัมภาระทรงสูง หรือต้องการพื้นที่เต็มๆ บริเวณเบาะแถว 3
ซูซูกิ แอร์ติกา เป็น เอมพีวี ที่ลงตัวในแง่ของการใช้งานแบบอเนกประสงค์ พื้นที่กว้างขวาง รูปแบบการใช้งานที่หลากหลาย ครบถ้วนความเหมาะสมของรถยนต์ประเภทนี้ แม้จะมีการตกแต่งที่เรียบง่ายก็ตาม
ENGINE เครื่องยนต์
แอร์ติกา ใช้เครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 1.4 ลิตร กำลังสูงสุด 92 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ ถือว่าเครื่องยนต์เล็กที่สุดในหมู่คู่แข่งระดับเดียวกันที่ส่วนใหญ่มีขนาด 1.5 ลิตร รวมไปถึงพละกำลังที่น้อยกว่าเช่นกัน อีกจุดที่น่าสังเกต คือ เกียร์อัตโนมัติแบบ 4 จังหวะ ค่อนข้างตกยุคไปหน่อย เพราะปัจจุบันรถยนต์ระดับนี้ใช้เกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะขึ้นไป หรือไม่ก็ใช้เกียร์อัตโนมัติแปรผันกันแล้ว คู่แข่งที่เรานำมาเปรียบเทียบ คือ เอมพีวี ระดับใกล้เคียงกัน นั่นคือ ฮอนดา โมบิลีโอ เครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 120 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติแปรผัน
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. แอร์ติกา ทำเวลาได้ 15.4 วินาที ส่วน โมบิลีโอ คือ 11.1 วินาที ต่อเนื่องกับอัตราเร่งระยะ 0-1,000 ม. แอร์ติกา ใช้เวลา 36.2 วินาที (ที่ความเร็ว 149.6 กม./ชม.) และ โมบิลีโอ 32.6 วินาที (ที่ความเร็ว 159.6 กม./ชม.) เห็นจากตัวเลขอัตราเร่งทั้งช่วงตีนต้น และตีนปลาย ก็เป็นไปตามที่คาดเอาไว้ แอร์ติกา เสียเปรียบเรื่องพละกำลังอย่างเห็นได้ชัด อัตราเร่งจึงไม่ใช่จุดเด่นของรถรุ่นนี้
ในส่วนของอัตราเร่งยืดหยุ่น 60-100 และ 80-120 กม./ชม. แอร์ติกา มีตัวเลขที่ 8.0 และ 11.4 วินาที ตามลำดับ เทียบกับทาง โมบิลีโอ อยู่ที่ 6.4 และ 8.1 วินาที ยังแตกต่างกันพอสมควร อย่างไรก็ตามจากการขับขี่ทั่วไป เราพบว่า แอร์ติกา ไม่ได้อืดแต่อย่างใด การตอบสนองในช่วงความเร็วต่ำ ทำได้ดีอย่างน่าพอใจ คันเร่งตอบสนองเร็ว แม้ช่วงรอบเครื่องยนต์ต่ำ ทำให้การขับขี่ในตัวเมืองที่มีการจราจรหนาแน่น รถเคลื่อนตัวช้าๆ ใช้การกดคันเร่งทีละน้อยเท่านั้น
มาดูที่หัวข้ออัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ที่ความเร็ว 60/80/100/120 กม./ชม. แอร์ติกา ทำได้ที่ 25.1/20.9/17.1/13.4 กม./ลิตร ส่วน โมบิลีโอ มีตัวเลขการประหยัดเชื้อเพลิงที่ 27.7/23.6/16.7/12.9 กม./ลิตร ตัวเลขมีความน่าสนใจพอสมควร ในช่วงความเร็วต่ำ อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงของ โมบิลีโอ มีความได้เปรียบพอสมควร จากการใช้เกียร์อัตโนมัติแปรผัน ต่างจาก แอร์ติกา ที่ใช้เกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ แต่แทนที่จะเสียเปรียบด้านอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงช่วงความเร็วสูง เอมพีวี ของ ซูซูกิ กลับมีตัวเลขที่ดีขึ้น จนกระทั่งทำได้ดีกว่า เอมพีวี จาก ฮอนดา เล็กน้อย อาจเป็นเพราะความสมดุลระหว่างพละกำลังของเครื่องยนต์ อัตราทดเกียร์ และน้ำหนักของตัวรถ (น้ำหนักรวมของ แอร์ติกา ดเรซา อยู่ที่ 1,195 กก. ส่วน โมบิลีโอ อาร์เอส คือ 1,223 กก.)
SUSPENSION ระบบรองรับ
แม้เป็นตัวถังทรงกล่อง แต่ แอร์ติกา ก็มีความคล่องตัว และการบังคับควบคุม ที่ให้ความรู้สึกมั่นคงเป็นอย่างดี พวงมาลัยมีน้ำหนักพอเหมาะ มั่นคง แม้ใช้ความเร็วสูงกว่า 100 กม./ชม. ขณะที่ระบบรองรับเน้นความนุ่มหนึบ ขับได้สบายสำหรับทางไกล การเข้าโค้งมีความมั่นคงเกินคาด ไม่มีอาการโคลงมากเกินไป แม้เส้นทางโค้งต่อเนื่องของเส้นทาง อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ การบังคับควบคุมถือว่าทำได้ดี จัดเป็น เอมพีวี ที่มีระบบรองรับเหมาะสมทั้งการใช้งานในเมือง และการขับทางไกล
ในส่วนของระบบความปลอดภัย ให้มาพอเพียง แต่อาจน้อยกว่ามาตรฐานทั่วไปของรถยนต์ในปัจจุบัน ได้แก่ ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ระบบเบรค เอบีเอส (มีติดตั้งเฉพาะรุ่น ดเรซา) เข็มขัดนิรภัยสำหรับเบาะทุกตำแหน่ง ระบบกุญแจนิรภัย แต่ยังดีที่ติดตั้งสัญญาณเตือนขณะถอยหลังมาให้ด้วย เนื่องจากรูปทรงกล่องของ เอมพีวี ส่วนท้ายมีความหนา อาจมองเห็นได้ยากขณะถอยรถ เซนเซอร์กะระยะจะช่วยได้มาก
ซูซูกิ แอร์ติกา ปรับเปลี่ยนรูปทรงให้มีความโดดเด่นมากขึ้น ภายใต้ตัวถังทรงกล่องแบบ เอมพีวี ขณะที่ภายในเน้นความเรียบง่าย โทนสีนุ่มนวล ปลอดโปร่ง สไตล์ครอบครัว จุดเด่น คือ ความกว้างขวาง และสะดวกสบาย ในทุกตำแหน่งของเบาะนั่ง รวมไปถึงความอเนกประสงค์ที่ทำได้อย่างน่าพอใจ ตรงเป้าหมายของการเป็นรถ เอมพีวี ส่วนนี้ถือว่าทำได้ดีไม่แพ้คู่แข่งที่มีราคาแพงกว่าด้วยซ้ำ ขณะที่ แอร์ติกา มีช่วงราคาที่ 655,000-715,000 บาท เท่านั้น เทียบเท่า อีโคคาร์ แต่ได้พื้นที่ใช้สอยเยอะกว่ามาก นับเป็นอีกจุดเด่นที่น่าสนใจของรถรุ่นนี้ แม้จะใช้เครื่องยนต์ขนาดเล็ก และมีพละกำลังน้อยกว่าคู่แข่งอยู่บ้าง แต่ในแง่การใช้งานทั่วไปถือว่ายังเพียงพอ