ทดสอบ(formula) 29 Mar 2017
บีเอมดับเบิลยู 330 อี/เมร์เซเดส-เบนซ์ ซี 350 อี
2 ซีดานสัญชาติเยอรมัน ทั้ง บีเอมดับเบิลยู ซีรีส์-3 และ เมร์เซเดส-เบนซ์ ซี-คลาสส์ ต่างก็เป็นคู่ปรับตัวฉกาจในเซกเมนท์ซีดานหรูมาแต่ไหนแต่ไร รวมถึงเทคโนโลยีขุมกำลังไฮบริดที่ทั้ง 2 ค่าย ต่างก็มีแนวทางการพัฒนาที่แตกต่างกันไป สุดท้ายมาปะทะกันด้วยเครื่องยนต์ พลัก-อิน ไฮบริด พอดิบพอดี งานนี้ใครจะอยู่ใครจะไป มาติดตามกันได้ในการทดสอบครั้งนี้ !?!
EXTERIOR ภายนอก
รูปทรงภายนอกของซีดานทั้ง 2 รุ่น มีแนวทางการออกแบบที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนมากขึ้นในปัจจุบัน โดยทาง บีเอมดับเบิลยู ใช้เส้นสายที่เน้นความคมเข้ม ขึงขัง บ่งบอกความเป็นรถยนต์สไตล์สปอร์ท ไฟหน้าแนวใหม่ มีความกว้างจรดกระจังหน้า เสริมด้วยชุดตกแต่งรอบคันในรุ่นย่อย เอม สปอร์ท พร้อมล้อแมกลายเฉพาะขนาด 18 นิ้ว โดยรวมถือว่ามีรูปทรงที่ไม่แตกต่างจากรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน หรือดีเซล ปกติมากนัก จุดที่พอจะเห็นได้ในรุ่นเครื่องยนต์ พลัก-อิน ไฮบริด คือ ช่องต่อปลั๊กไฟฟ้าบริเวณฝั่งซ้ายเหนือซุ้มล้อหน้า
หันมาทางคู่แข่งอย่าง เมร์เซเดส-เบนซ์ ซี-คลาสส์ เครื่องยนต์ พลัก-อิน ไฮบริด เส้นสายโดยรวมยังใกล้เคียงกับ ซี-คลาสส์ รุ่นเครื่องยนต์ก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นแบบเบนซิน และเครื่องยนต์ดีเซล ไฮบริด เส้นสายเน้นความเรียบหรู ด้านหน้าทรงนิยมของค่ายดาว 3 แฉก ในปัจจุบัน ด้วยไฟหน้าทรงโค้ง กระจังหน้าพร้อมโลโกขนาดใหญ่ ในรุ่นย่อยที่นำมาทดสอบ คือ เอเอมจี สปอร์ท เสริมชุดตกแต่งรอบคัน ล้อแมกขนาด 19 นิ้ว แต่ก้านถี่ เน้นมาดหรู สำหรับจุดต่อปลั๊กไฟฟ้าจะอยู่ในตำแหน่งบริเวณฝั่งขวาของกันชนท้าย
จากแนวทางของ 2 ซีดานคู่แข่ง แม้จะมีความแตกต่างกัน แต่มีแนวร่วมที่คล้ายกัน ก็คือ เส้นสายที่ไม่แตกต่างจากรุ่นเครื่องยนต์ปกติมากนัก สาเหตุเพราะทั้ง 2 ค่าย ต่างก็มีแนวคิดเครื่องยนต์แบบ พลัก-อิน ไฮบริด เป็นรุ่นหลักสำหรับการทำตลาดซีดานในกลุ่มนี้ การออกแบบโดยรวมจึงไม่เน้นความหวือหวา แต่หันไปเน้นที่ความคุ้นเคยจากเอกลักษณ์ของแต่ละค่าย ไม่ว่าจะเป็นความสปอร์ทจาก บีเอมดับเบิลยู หรือความหรูหราในแบบ เมร์เซเดส-เบนซ์
INTERIOR ภายใน
ห้องโดยสารของ บีเอมดับเบิลยู 330 อี รุ่นย่อย เอม สปอร์ท ตกแต่งเน้นความสปอร์ทกว่ารุ่นย่อยอื่น พวงมาลัยทรง 3 ก้าน รูปทรงเพรียว ของ เอม แพดเดิล ชิฟท์ขนาดใหญ่ การตกแต่งโดยรวมเน้นโทนสีดำ และวัสดุสีเงินแวววาว คอนโซลหน้ารูปทรงคุ้นเคยใน บีเอมดับเบิลยู แทบทุกรุ่น ทุกเซกเมนท์ เบาะนั่งกระชับสรีระ ตำแหน่งต่ำลงมาเล็กน้อย จุดแตกต่างจากรุ่นเครื่องยนต์ปกติ คือ ปุ่มเลือกโหมดการขับเคลื่อนระบบไฮบริด ติดตั้งบริเวณด้านล่างถัดจากฐานเกียร์ (ระบุว่า อีดไรฟ) รวมถึงการแสดงผลการส่งกำลังระหว่างมอเตอร์ขับเคลื่อน แบทเตอรี และเครื่องยนต์ ตามแบบฉบับรถยนต์ไฮบริด นอกจากนี้ยังมีการแสดงผลสถานะการชาร์จกระแสไฟฟ้าด้วย
ส่วนห้องโดยสารของ เมร์เซเดส-เบนซ์ ซี 350 อี รุ่นย่อย เอเอมจี ไดนามิค ออพชันจัดเต็ม การตกแต่งเน้นโทนหรูหรา ใช้วัสดุลายไม้สีดำตามจุดต่างๆ บริเวณคอนโซลข้างผู้ขับมีพื้นที่มาก ปุ่มควบคุมต่างๆ เป็นแบบดิจิทอลมากขึ้น โดยเฉพาะชุดควบคุมการทำงานของระบบความบันเทิง และเนวิเกเตอร์ พวงมาลัยทรงสปอร์ท ด้านล่างหักมุมเล็กน้อย ตัวเบาะ และแผงข้างประตูใช้สีแดง แน่นอนว่าการเป็นรถยนต์ขุมกำลัง พลัก-อิน ไฮบริด จึงมีปุ่มปรับโหมดการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้า ตลอดจนลักษณะการใช้งาน และการชาร์จไฟฟ้าของชุดแบทเตอรี แสดงผลผ่านหน้าจอตรงคอนโซลกลาง และจอดิจิทอลระหว่างชุดมาตรวัด
การออกแบบห้องโดยสารของซีดานจาก บีเอมดับเบิลยู และ เมร์เซเดส-เบนซ์ มีแนวทางที่แตกต่างกัน ยี่ห้อหนึ่งเน้นความสปอร์ท อีกฝั่งหนึ่งเน้นความหรูหรา เป็นความชัดเจนที่ทั้ง 2 ค่ายปฏิบัติมาแต่ไหนแต่ไร ไม่เว้นแม้แต่ซีดาน พลัก-อิน ไฮบริด การแสดงผลของระบบไฮบริด มีความแตกต่างกันในรายละเอียด แต่โดยรวมแล้วไม่มากนัก
ENGINE เครื่องยนต์
บีเอมดับเบิลยู 330 อี ใช้เครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ ขนาด 2.0 ลิตร ขับเคลื่อนร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุดทั้งระบบที่ 252 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ ขณะที่ เมร์เซเดส-เบนซ์ ซี 350 อี คือ เครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ ขนาด 2.0 ลิตร ขับเคลื่อนร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุดทั้งระบบที่ 211 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ (การทดสอบสมรรถนะจะทำการชาร์จแบทเตอรีให้เต็มก่อน เพื่อให้มอเตอร์ไฟฟ้าทำงานได้เต็มที่รวมกับเครื่องยนต์สันดาป)
เริ่มด้วยอัตราเร่งช่วงความเร็วต่ำ 0-100 กม./ชม. 330 อี ทำเวลาที่ 7.0 วินาที ส่วน ซี 350 อี มีตัวเลขเฉือนกันที่ 6.7 วินาที ในช่วงตีนต้น ซีดานจาก เมร์เซเดส-เบนซ์ นำหน้าแม้เพียงเสี้ยววินาที
ถัดมา คือ ระยะ 0-1,000 ม. ซีดาน พลัก-อิน ไฮบริด จาก บีเอมดับเบิลยู ทำเวลาได้ 26.9 วินาที (ที่ความเร็ว 200.7 กม./ชม.) ส่วนทางฝั่งของ เมร์เซเดส-เบนซ์ ทำเวลาที่ 27.1 วินาที (ที่ความเร็ว 188.7 กม./ชม.) งานนี้ค่ายใบพัดเครื่องบินฟ้าขาวเอาคืนได้ในช่วงความเร็วตีนปลาย แซงนำหน้าแบบฉิวเฉียด พร้อมกับความเร็วตีนปลายที่มากกว่า แสดงให้เห็นว่าพละกำลังของเครื่องยนต์ และการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้า ตอบสนองได้ดีในช่วงความเร็วสูง
อัตราเร่งยืดหยุ่นที่ความเร็ว 60-100 และ 80-120 กม./ชม. บีเอมดับเบิลยู 330 อี ทำเวลาได้ คือ 3.6 และ 4.1 วินาที ส่วน เมร์เซเดส-เบนซ์ ซี 350 อี คือ 3.7 และ 4.4 วินาที ตัวเลขถือว่าสูสีคู่คี่ สมกับการเป็นบแรนด์คู่แข่งอย่างแท้จริง ! มีแต่ช่วงความเร็วสูงเท่านั้นที่ระยะห่างของ 330 อี ขยับออกมาเล็กน้อย แต่เท่านี้ก็บ่งบอกได้ว่าสมรรถนะของซีดาน พลัก-อิน ไฮบริด ของแต่ละค่ายไม่มีใครยอมใคร อัตราเร่งอยู่ในระดับสูง ไม่แพ้เครื่องยนต์บลอคใหญ่ ไม่ใช่ระบบไฮบริดที่เน้นแค่ความประหยัดเท่านั้น
ในแง่ของอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ทั้ง บีเอมดับเบิลยู 330 อี และ เมร์เซเดส-เบนซ์ ซี 350 อี ต่างก็เป็นระบบ พลัก-อิน ไฮบริด การทำงานระหว่างขับเคลื่อนจะคล้ายระบบไฮบริดเต็มตัว นั่นคือ เครื่องยนต์กับมอเตอร์ไฟฟ้า สามารถทำงานแยกกันได้ รวมถึงทำงานร่วมกัน แต่จุดได้เปรียบของระบบ พลัก-อิน ไฮบริด คือ สามารถชาร์จไฟฟ้าได้จากครัวเรือน หรือจุดจ่ายกระแสไฟฟ้า หากชาร์จมาเต็มแล้ว สามารถขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วน ดั่งรถยนต์พลังงานไฟฟ้าได้ระยะหนึ่ง จนกว่าแบทเตอรีจะลดต่ำลงมา (หรือมีการกดคันเร่งลึกทันทีทันใด) ทำให้อัตราสิ้นเปลืองโดยรวมของระบบ พลัก-อิน ไฮบริด มีความโดดเด่น แต่จากการทดสอบแล้วเราพบว่าการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วนของ เมร์เซเดส-เบนซ์ ซี 350 อี จะมีระยะเวลานานกว่าของ บีเอมดับเบิลยู 330 อี เล็กน้อย
SUSPENSION ระบบรองรับ
แม้ขุมกำลังจะเป็นระบบ พลัก-อิน ไฮบริด แต่ระบบรองรับของซีดานทั้ง 2 รุ่น มีความแตกต่างกัน รวมถึงการตอบสนองของระบบไฮบริด โดยทาง บีเอมดับเบิลยู ยังมาในแนวถนัด นั่นคือ ระบบบังคับเลี้ยวที่หนักแน่น ฉับไว ช่วงล่างเน้นความหนึบแน่น (แต่ไม่แข็งกระด้าง) อารมณ์ขับสนุก น้ำหนักโดยรวมที่เพิ่มขึ้นจากชุดมอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อน และแบทเตอรี ไม่มีผลมากนัก สามารถรองรับสมรรถนะได้ดี การเข้าโค้งมีความแม่นยำ อย่างไรก็ตามที่ความเร็วต่ำอาจให้ความรู้สึกที่แข็ง และหนักมืออยู่บ้าง ส่วนการตอบสนองของระบบไฮบริด ในช่วงแรกที่กดคันเร่ง ขณะออกตัวจะตอบสนองช้าเล็กน้อย แต่เมื่อเครื่องยนต์ และมอเตอร์ไฟฟ้า ส่งกำลังพร้อมกัน อัตราเร่งจะมาทันใด พละกำลังถูกปลดปล่อยอย่างดุดัน
ทางฟาก เมร์เซเดส-เบนซ์ ซี 350 อี ในรุ่นล่าสุดระบบรองรับถือเป็นอีกหนึ่งจุดเด่น มีการปรับแต่งให้มีความนุ่มนวลในทุกสภาวะการขับขี่ มั่นคงในช่วงความเร็วสูง และขณะเข้าโค้ง แม้จะไม่หนึบแน่นมากเท่าคู่แข่ง แต่ถือว่าตอบสนองได้ดี การเข้าโค้งทำได้เชื่องมือ หากใช้ความเร็วสูง ระบบควบคุมเสถียรภาพจะเข้ามาช่วยเหลือ ตัวรถจะมีอาการอันเดอร์สเตียร์ แม้ขับเคลื่อนล้อหลังก็ตาม ขณะที่การทำงานของระบบไฮบริด เน้นความลื่นไหล ตอบสนองดีตั้งแต่ออกตัว จนกระทั่งไต่ถึงช่วงความเร็วสูง ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วน ไม่มีอาการสะดุด ตัวรถแล่นได้อย่างเรียบเนียนอย่างน่าพอใจ
ซีดานขุมกำลัง พลัก-อิน ไฮบริด ทั้ง บีเอมดับเบิลยู 330 อี และ เมร์เซเดส-เบนซ์ ซี 350 อี มีความสูสีกันคนละด้านในแง่ของสมรรถนะ มีอัตราเร่งที่ผลัดกันนำหน้าแบบไม่มีใครยอมใคร ทางฝั่งค่ายใบพัดเครื่องบินฟ้าขาว เน้นอารมณ์สปอร์ท ดิบห้าวพองาม ขับสนุก ส่วนฝั่งค่ายดาว 3 แฉก เน้นความเรียบหรู มั่นคง โอ่อ่า อาศัยความสดใหม่ของตัวถังจึงมีอุปกรณ์ใช้งาน และการออกแบบห้องโดยสารโดยรวมที่ทันสมัยกว่าเล็กน้อย รวมถึงการทำงานขณะขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วนๆ ที่ลงตัว ถือว่ามีความได้เปรียบในจุดนี้พอสมควร
ที่แน่ๆ ซีดานจากทั้ง 2 ค่าย ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า อนาคตของซีดานที่ครบเครื่องในยุคนี้ ต้องอาศัยขุมกำลัง พลัก-อิน ไฮบริด เป็นหัวหอกหลัก เพราะให้ความโดดเด่นทั้งสมรรถนะ และการประหยัดเชื้อเพลิง ไม่ว่าจะเป็นรถเซกเมนท์ไหนก็ตาม !