ทดสอบ(formula) 25 Dec 2023
GWM TANK 300 ULTRA เรื่องลุยๆ รถจีนก็ไม่น้อยหน้าใคร !
รถยนต์สายพันธุ์ลุยจากประเทศจีน กับจุดเด่นที่รูปทรงสไตล์เรทโร ผสมผสานรูปแบบของเอสยูวีในตำนานหลายรุ่น เปี่ยมด้วยสันเหลี่ยมรอบคัน บ่งบอกการเป็นรถสายพันธุ์ลุยเต็มพิกัด มาพร้อมเครื่องยนต์ไฮบริด แรงบิดสูง และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อที่ทันสมัย เรามาทดสอบกันว่า ประสิทธิภาพโดยรวม และการขับขี่จะเป็นอย่างไร มาดูกันเลย
EXTERIOR ภายนอก
TANK 300 (แทงค์ 300) ถูกออกแบบให้ชวนนึกถึงตัวลุยระดับตำนานหลายรุ่น ไฟหน้าทรงกลมดูคล้ายกับ JEEP WRANGLER (จีพ แรงเลอร์) รวมถึงขอบซุ้มล้อคู่หน้าที่ยื่นออกมาค่อนข้างมาก ด้านข้างของตัวถังดูคล้ายกับ JEEP CHEROKEE (จีพ เชอโรคี) ส่วนเสาของตัวรถถูกออกแบบเป็นแนวตั้ง รวมถึงส่วนท้ายที่เน้นสันเหลี่ยม มุมมองเมื่อขับตามท้ายเอสยูวีคันนี้ จะให้ความรู้สึกคล้ายกับอีกหนึ่งตัวลุย นั่นคือ HUMMER (ฮัมเมอร์) สิ่งที่ยังคงถูกรักษาเอาไว้ผ่านรูปแบบของตัวถัง คือ ยางอะไหล่ ที่ติดตั้งบริเวณด้านนอกตัวถังของประตูบานท้าย นับเป็นสิ่งที่หาได้ยากในยุคปัจจุบัน แต่ TANK 300 ยังคงมีรูปแบบที่น่าจะถูกใจบรรดาผู้ที่ถูกใจเอสยูวีสไตล์ดั้งเดิม
ภายใต้ตัวถังรูปแบบดังกล่าว TANK 300 มีขนาดตัวที่ใหญ่โตเกินคาด มากกว่าครอสส์โอเวอร์ระดับบี-เซกเมนท์ หลายรุ่น โดยมีความยาวที่ 4,760 มม. และระยะฐานล้อที่ 2,750 มม. ใกล้เคียงกับครอสส์โอเวอร์สไตล์เอสยูวีระดับซี-เซกเมนท์ ด้วยซ้ำ นอกจากนี้ การออกแบบให้เอสยูวีรุ่นนี้พร้อมสำหรับการลุยที่หนักหน่วง ทำให้มีคุณลักษณะของตัวถังที่เหมาะสม มีมุมปะทะถึง 33 องศา มุมจาก 34 องศา มุมคร่อม 23.1 องศา ทำให้การลุยทางสมบุกสมบันที่หนักหน่วง เช่น การลุยเส้นทางหิน ทำได้อย่างไม่มีปัญหา ขับเคลื่อนไปกับยางแบบ ALL TERRAIN ของ CONTINENTAL CROSS CONTACT (คอนทิเนนทัล ครอสส์ คอนแทคท์) ขนาด 265/65 R17
INTERIOR ภายใน
ห้องโดยสารของ TANK 300 รุ่นย่อย ULTRA (อุลทรา) ซึ่งเป็นตัวทอพ มีความแตกต่างจากรูปทรงภายนอกอย่างชัดเจน มีความทันสมัย เต็มไปด้วยการใช้งาน และการแสดงผลแบบดิจิทอล จอแสดงผลหลักมีขนาดใหญ่ที่ 12.3 นิ้ว ความคมชัดน่าพอใจ ตอบสนองการสัมผัสได้ดี แสดงผลได้หลากหลายรูปแบบ รวมถึงการแสดงผลขณะลุยทางสมบุกสมบัน ลักษณะของหน้าจอมีความยาวต่อเนื่องมาถึงจอแสดงผลสำหรับแผงหน้าปัด จัดเป็นตัวลุย มาดบึกบึน แต่การใช้งานของผู้ขับ และผู้โดยสาร มีความทันสมัยไม่แพ้ครอสส์โอเวอร์ยุคปัจจุบันหลายรุ่น นอกจากนี้ การตกแต่งห้องโดยสารของ TANK 300 มีความหรูหราไม่น้อยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นวัสดุตกแต่งคอนโซลหน้า เบาะนั่งเย็บด้วยหนังชั้นดี วัสดุในส่วนประกอบอื่นๆ เช่น ปุ่มใช้งานบนคอนโซลหน้า แผงประตู และคันเกียร์รูปทรงล้ำสมัย ให้ความรู้สึกที่แข็งแรง ทนทานต่อการใช้งาน
จุดสำคัญของเอสยูวีรุ่นนี้ คือ การใช้งานขณะลุยทางสมบุกสมบัน โดยมีปุ่มใช้งานหลักจะอยู่บริเวณคอนโซลเกียร์ ทางซ้ายมือเป็นปุ่มหมุนสำหรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ต่างๆ มีหลากหลายรูปแบบตามลักษณะของเส้นทางในการลุย ฝั่งขวามือ คือ ปุ่มปรับโหมดขับเคลื่อน 4 ล้อเป็นแบบเน้นแรงบิดที่ความเร็วต่ำ (4L) ส่วนปุ่มด้านข้างของคันเกียร์เป็นการใช้งานที่หลากหลาย ตั้งแต่ปุ่มใช้งานระบบระบายความร้อนเบาะนั่ง รวมถึงระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน แต่ไม่เหมือนใคร คือ ระบบเลี้ยวในวงแคบที่มีชื่อว่า TANK TURN (การใช้งานต้องอยู่ในโหมดขับเคลื่อนแบบ 4L เท่านั้น) นอกจากนี้ ยังมีปุ่มสำหรับปรับแต่งระบบส่งกำลังของเพลาขับแต่ละตำแหน่ง โดยตัวปุ่มจะถูกติดตั้งบริเวณส่วนขอบของนาฬิกาแบบแอนาลอก (ให้ความรู้สึกคล้ายกับตัวลุยระดับคลาสสิค) มีการติดตั้งมือจับตามจุดต่างๆ สำหรับผู้โดยสารที่เดินทางบนสภาพทางสมบุกสมบัน เราสังเกตว่า ตัวถังที่มีความสูงค่อนข้างมาก ช่วยให้ทัศนวิสัยโดยรวมของตัวรถมีความปลอดโปร่งอย่างน่าพอใจ ผนวกกับรูปทรงของเสาแต่ละตำแหน่งมีองศาที่ค่อนข้างตั้งชัน ไม่บดบังทัศนวิสัยโดยรวม อย่างไรก็ตาม ขณะใช้ความเร็วสูงมีเสียงลมปะทะค่อนข้างชัดเจน ถือเป็นเรื่องปกติของเอสยูวีตัวถังทรงกล่องเช่นนี้ และเสียงรบกวนของยางที่ได้ยินค่อนข้างชัด แต่ไม่ถึงกับรบกวนความสะดวกสบายในห้องโดยสารแต่อย่างใด
ENGINE เครื่องยนต์
เครื่องยนต์ของ TANK 300 เป็นระบบไฮบริด ประกอบด้วยเครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ ขนาด 2.0 ลิตร กำลังสูงสุด 244 แรงม้า และมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 106 แรงม้า มีแรงบิดที่สูงทั้ง 2 รูปแบบ ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ ขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา คู่เปรียบเทียบสมรรถนะ คือ เอสยูวีในเครือเดียวกัน นั่นคือ HAVAL H6 HEV (ฮาวัล เอช 6 เอชอีวี) เครื่องยนต์ระบบไฮบริดเช่นกัน แต่มีความแตกต่างกันในรายละเอียด ประกอบด้วยเครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ ขนาด 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ขับเคลื่อนร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 177 แรงม้า กำลังสูงสุดทั้งระบบที่ 243 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติแปรผันแบบ DHT
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. TANK 300 ทำเวลาที่ 9.0 วินาที ขณะที่ HAVAL H6 HEV มีตัวเลขที่ 9.3 วินาที ใกล้เคียงกันพอสมควร มาต่อกันที่ความเร็วช่วงตีนปลายกับระยะ 0-1,000 ม. TANK 300 ทำเวลาที่ 31.9 วินาที (ที่ความเร็ว 152.9 กม./ชม.) ส่วน HAVAL H6 HEV คือ 30.6 วินาที (ที่ความเร็ว 163.1 กม./ชม.) จะเห็นได้ว่าช่วงตีนต้น อัตราเร่งมีความสูสีกันจากเอสยูวีทั้ง 2 รุ่น (แม้ TANK 300 จะขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลาก็ตาม) แต่ช่วงความเร็วสูงระดับตีนปลาย ทาง HAVAL H6 HEV มีความเร็วปลายที่สูงกว่ามาก เมื่อเราพิจารณาความเร็วแต่ละส่วน พบว่าหากความเร็วมากกว่า 100 กม./ชม. ขึ้นไป อัตราเร่งของ TANK 300 ก็แผ่วลงมาอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่ HAVAL H6 HEV มีความเร็วปลายที่มากกว่า แต่ลักษณะของอัตราเร่งในทางเรียบของ TANK 300 ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจแต่อย่างใด เพราะขุมพลังถูกปรับแต่งมาให้ตอบสนองในช่วงความเร็วต่ำถึงปานกลางตามแบบฉบับรถยนต์ที่พร้อมลุยทางสมบุกสมบัน
ส่วนอัตราเร่งยืดหยุ่นที่ 60-100 และ 80-120 กม./ชม. TANK 300 ทำอัตราเร่งได้ที่ 4.0 และ 5.2 วินาที ส่วน HAVAL H6 HEV คือ 5.4 และ 6.1 วินาที แสดงให้เห็นว่า ในช่วงความเร็วไม่สูงมาก อัตราเร่งยืดหยุ่นของ TANK 300 มีความฉับไวกว่าด้วยซ้ำ จากพละกำลังของเครื่องยนต์สันดาปที่มาก แม้ขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา แต่การตอบสนองโดยรวมก็ทำได้น่าพอใจไม่น้อยสำหรับอัตราเร่งในส่วนนี้
ส่วนการลุยทางสมบุกสมบัน การตอบสนองของเครื่องยนต์ทำได้น่าพอใจ สามารถขับเคลื่อนที่ความเร็วต่ำได้อย่างมั่นคง ไร้อาการสะดุด โหมดการขับขี่ของ TANK 300 สามารถลุยทางสมบุกสมบันได้ดีจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นพื้นถนนลื่น หรือพื้นหิน นอกจากนี้ ระบบ TANK TURN ช่วยให้วงเลี้ยวแคบกว่าปกติอย่างได้ผล โดยระบบจะทำการเบรคล้อด้านหลังฝั่งที่ด้านในของการตีโค้ง เสมือนเป็นจุดหมุนของตัวรถขณะทำการเลี้ยว เป็นระบบที่ช่วยให้การเลี้ยวในที่แคบมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ขณะที่อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง เราไม่ได้วัดออกมาเป็นตัวเลข แต่สังเกตจากการทดสอบ และขับเป็นระยะทางไกล พบว่า TANK 300 มีการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงมากกว่าครอสส์โอเวอร์ที่เน้นการขับขี่บนทางเรียบ เนื่องจากการเป็นรถที่เน้นการลุยทางสมบุกสมบัน ผนวกกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา ตัวถังมีน้ำหนักค่อนข้างมาก และรูปทรงกล่องที่ค่อนข้างต้านลม แต่หากแลกกับพละกำลังที่ตอบสนองได้ดีในช่วงความเร็วต่ำ และการลุยทางสมบุกสมบัน อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงลักษณะดังกล่าวยังถือเป็นสิ่งที่พอยอมรับได้
SUSPENSION ระบบรองรับ
ระบบรองรับของ TANK 300 ด้านหน้าแบบอิสระ ดับเบิลครอสส์อาร์ม ด้านหลังแบบมัลทิลิงค์ การปรับแต่งโดยรวมเน้นความหนึบแน่น แต่ยังสามารถให้ตัวได้ดีในสถานการณ์ลุยทางสมบุกสมบัน ระยะยืด/ยุบของชุดช่วงล่างมีความยืดหยุ่นดีมาก สามารถแล่นผ่านหลุมสลับ หรือพื้นผิวที่เป็นหินต่างระดับได้สบาย ตัวถังด้านล่างไม่กระทบกับพื้นถนน สำหรับการขับบนทางเรียบ ให้ความรู้สึกที่มั่นคงเป็นอย่างดี แม้ช่วงล่างจะให้ความรู้สึกที่ค่อนข้างแข็งก็ตาม พวงมาลัยมีน้ำหนักที่พอเหมาะ สามารถปรับแต่งระดับการตอบสนองของการหักเลี้ยวได้ (นั่นคือ โหมด NORMAL ECO และ SPORT โดยโหมดหลังสุดจะเพิ่มน้ำหนักของพวงมาลัยให้มากกว่าปกติเล็กน้อย และมีการตอบสนองที่คมยิ่งขึ้น)
ส่วนระยะเบรคที่ความเร็ว 60/80/100 กม./ชม. ของ TANK 300 คือ 16.4/28.7/45.5 ม. มองในแง่ของน้ำหนักตัวรถ และยางที่ใช้เป็นแบบ ALL TERRAIN ระยะเบรคอาจจะมากกว่าค่าเฉลี่ยไปบ้าง แต่ยังอยู่ในระดับที่น่าพอใจสำหรับการใช้งานทั่วไป และการเป็นเอสยูวีที่เน้นทางสมบุกสมบันเช่นนี้
ตัวลุยสัญชาติจีน แกร่งไม่น้อยหน้าใคร !
การมาถึงของ TANK 300 โดยค่าย GWM เป็นเหมือนการประกาศศักดาว่า ค่ายรถสัญชาติจีนสามารถพัฒนารถยนต์สายพันธุ์ลุยได้ยอดเยี่ยมไม่แพ้ใคร ด้วยตัวถังที่มีกลิ่นอายของตัวลุยระดับคลาสสิค มุมปะทะ และมุมจากที่ช่วยให้ผ่านอุปสรรคได้สบาย ระบบขับเคลื่อนบนทางสมบุกสมบันที่สามารถใช้งานได้จริงในหลากหลายสภาวะ สิ่งที่น่าสนใจ คือ ห้องโดยสารที่มีการใช้งานอันทันสมัย ไม่แพ้ครอสส์โอเวอร์สมัยใหม่หลายรุ่น ทำให้การใช้งานในชีวิตประจำวันขณะขับขี่ในตัวเมืองมีความสะดวกสบายไม่น้อย จัดเป็นเอสยูวีที่ผสมผสานความคลาสสิค และความทันสมัยได้อย่างน่าสนใจ แบบที่หาไม่ได้จากเอสยูวีระดับราคาใกล้เคียงกัน เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ สำหรับเอสยูวียุคใหม่ มีความครบครันกว่าเดิม กับ TANK 300 ราคาที่ 1,649,000-1,799,000 บาท