ทดสอบ
MITSUBISHI PAJERO SPORT ELITE EDITION/MITSUBISHI TRITON DOUBLE CAB ATHLETE ดีเซล เทอร์โบ 2.4 ลิตร เลือกเท่ หรือความแรง
4 WHEELS นํา MITSUBISHI PAJERO SPORT ELITE EDITION (มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ท เอลีท เอดิชัน) เอสยูวี 7 ที่นั่ง MITSUBISHI TRITON DOUBLE CAB ATHLETE (มิตซูบิชิ ทไรทัน ดับเบิลแคบ แอธลีท) พิคอัพตัวแรง มาทดสอบ เพื่อพิสูจน์ถึงสมรรถนะ ดีเซล เทอร์โบ 2.4 ลิตร 184 แรงม้า กับ 204 แรงม้า ที่มีดีกรีขับเคลื่อน 4 ล้อเหมือนกัน
EXTERIOR ภายนอก
MITSUBISHI PAJERO SPORT 2.4 ELITE EDITION 4WD รูปทรงโดดเด่น เส้นสายสวยล้ำนำสมัย แม้ว่าจะออกมานานถึง 4 ปี มิติภายนอก ยาว 4,785 มม. กว้าง 1,815 มม. และสูง 1,805 มม. ระยะฐานล้อ 2,800 มม. เทียบกับคู่แข่งในกลุ่มแล้ว MITSUBISHI PAJERO SPORT เพรียวกระชับกว่าคู่แข่งเล็กน้อย
ด้านหน้าออกแบบสไตล์ไดนามิคชีลด์ ไฟหน้าดีไซจ์นใหม่แบบพโรเจคเตอร์ BI-LED พร้อมระบบปรับลำแสงไฟหน้าอัตโนมัติ และไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบสเปคทรัม LED โดดเด่นล้ำสมัย พร้อมระบบน้ำฉีดล้างไฟหน้า ในรุ่นพิเศษ ELITE EDITION ตกแต่งด้วยสัญลักษณ์ “PAJERO SPORT” บนฝากระโปรงรถ กระจังหน้ารถ และชุดตกแต่งใต้กันชนหน้าสีดำ ไฟท้ายแบบสเปคทรัม LED แนวตั้ง ดูแปลกตา กันชนหน้าโค้งมน ช่วยลดค่าแรงเสียดทาน และปกป้องทั้งผู้โดยสาร และตัวรถได้ดี หลังคา และราวหลังคาพร้อมสปอยเลอร์หลังสีดำ ล้ออัลลอยลายใหม่ ขนาด 18 นิ้ว สีดำ ยางขนาด 265/60 R18 ตกแต่งใต้กันชนหลัง พร้อมปลายท่อไอเสียสเตนเลสส์
มิติภายนอก 4,840/1,815/1,835 มม. และระยะฐานล้อ 2,800 มม. เล็กกว่า FORD EVEREST (ฟอร์ด เอเวอเรสต์) 4,914/1,923/1,842 มม. ฐานล้อ 2,900 มม. ISUZU MU-X (อีซูซุ มิว-เอกซ์) 4,850/1,870/1,875 มม. และ 2,855 มม. NISSAN TERRA (นิสสัน แตร์รา) 4,890/1,865/1,865 มม. และ 2,850 มม. ใกล้เคียง TOYOTA FORTUNER (โตโยตา ฟอร์ทูเนอร์) 4,795/1,855/1,835 มม. และ 2,750 มม.
MITSUBISHI TRITON ATHLETE ใหม่ กับ BEAST MODE DESIGN CONCEPT ดุดัน แต่แฝงความสปอร์ท ยกระดับให้เหนือชั้น ด้วยอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษรอบคันเฉพาะรุ่น ATHLETE ล้ออัลลอยสีดำ ขนาด 18 นิ้ว ยาง 265/60 R18
กระจังหน้า และซุ้มล้อแบบ 3 มิติ พร้อมกันชนหน้า เสริมด้วยไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED ผสานกับไฟส่องสว่างหน้าแบบ 3 มิติ เสริมด้วยไฟท้ายรูปตัว T (T-SHAPED LED) ทั้ง 2 ฝั่ง
มิติตัวรถ ยาว/กว้าง/สูง 5,360/1,930/1,815 มม. ฐานล้อ 3,130 มม. มีระยะห่างจากพื้น 222 มม. ยังเล็กกว่า FORD RANGER WILDTRAK (ฟอร์ด เรนเจอร์ ไวลด์ทแรค) 5,370/1,918/1,884 มม. กับ 3,270/235 มม. พี่ใหญ่ในกลุ่มนี้ ทั้ง ISUZU V-CROSS (อีซูซุ วี-ครอสส์) 5,265/1,870/1,790 มม. กับ 3,125/240 มม. และ NISSAN NAVARA PRO-4X (นิสสัน นาวารา พโร-4 เอกซ์) 5,260/1,875/1,840 มม. กับ 3,150/225 มม. รวมทั้ง TOYOTA HILUX REVO ROCCO (โตโยตา ไฮลักซ์ รีโว รอคโค) 5,325/1,900/1,815 มม. กับ 3,085/217 มม.
INTERIOR ภายใน
ห้องโดยสารตกแต่งสีไททาเนียมดำกับสีดำแบบเพียโนบแลค ที่บริเวณแผงคอนโซล เพิ่มความหรูหรา ทั้งเกียร์ ปุ่มปรับเลือกระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ และปุ่มเบรคมือไฟฟ้า
เครื่องเสียง 2 DIN วิทยุ/ซีดี/ดีวีดี/เอมพี 3 พร้อมจอภาพแบบระบบสัมผัส ขนาด 7 นิ้ว ขณะถอยจอดยังแสดงภาพจากกล้องมองภาพรอบคัน ด้วยกล้อง 4 ตำแหน่ง แสดงภาพเบิร์ด อายส์ วิว ระบบเชื่อมต่อบลูทูธ และระบบนำทาง ติดตั้งจอภาพสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง WIDESCREEN ขนาด 12.1 นิ้ว พร้อมรีโมท และหูฟังอินฟราเรด เชื่อมต่อ HDMI และ USB
พวงมาลัยมัลทิฟังค์ชันดีไซจ์นใหม่ ปรับระดับ 4 ทิศทาง และหน้าจอแสดงผลการขับขี่ มาตรวัดความเร็วพร้อมจอแสดงข้อมูลอเนกประสงค์
เบาะนั่ง และแผงข้างประตูสีดำ-แดงเบอร์กันดี เบาะคู่หน้าไฟฟ้าปรับระดับได้ 8 ทิศทาง ด้านผู้ขับมีระบบดันหลังปรับด้วยไฟฟ้า เบาะแถว 2 แยกพับแบบ 60:40 เบาะนั่งแถว 3 พับ 50:50
ระดับเสียงในห้องโดยสาร จากความเร็วคงที่ 60/80/100/120 กม./ชม. วัดได้ 55/57/62/67 เดซิเบล มีเสียงรบกวนระดับใกล้เคียงกับคู่แข่งอย่าง NISSAN TERRA (57/60/63/67 เดซิเบล) แต่ยังไม่เท่า FORD EVEREST (48/51/54/58 เดซิเบล) และ TOYOTA FORTUNER (49/52/55/59 เดซิเบล)
ภายในห้องโดยสาร แผงหน้าปัดขนาดใหญ่ บุด้วยวัสดุซอฟท์ทัช สัมผัสนุ่มมือ ลบทุกเหลี่ยมคม หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ LCD ขนาด 7 นิ้ว พวงมาลัยทรง 3 ก้าน จับถนัดมือ ปรับได้ 4 ทิศทาง พร้อมสวิทช์ควบคุมมัลทิฟังค์ชัน การใช้งานฟังค์ชันต่างๆ สะดวก ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแยกซ้าย/ขวา ควบคุมด้วย TOGGLE SWITCH ในองศาที่สะดวกต่อการใช้งาน มือจับเปิด/ปิดประตูรูปทรง 3 มิติ ออกแบบมาให้ใช้งานสะดวก แม้ว่าคุณจะใส่ถุงมือก็เปิด/ปิดได้ง่าย
สิ่งอำนวยความสะดวกมีทั้งแท่นชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย, ระบบหมุนเวียนอากาศสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง, ช่องต่อ USB-A, USB-C แบบ FAST CHARGER และช่องเก็บของด้านหลังเบาะผู้โดยสารตอนหน้า
เบาะนั่งออกแบบให้โอบกระชับ แต่นั่งสบายไม่อึดอัด, ระบบปรับไฟฟ้าด้านคนขับ 8 ทิศทาง พร้อมระบบปรับดันหลัง (LUMBAR SUPPORT)
ระดับเสียงในห้องโดยสาร จากความเร็วคงที่ 60/80/100/120 กม./ชม. วัดได้ 59/62/63/66 เดซิเบล อยู่ในระดับดี เงียบกว่าเดิม แต่ยังเป็นรอง FORD RANGER WILDTRAK (44/48/53/59 เดซิเบล) ISUZU V-CROSS (52/56/59/63 เดซิเบล) MAZDA BT-50 (มาซดา บีที-50) (52/56/59/63 เดซิเบล) NISSAN NAVARA PRO-4X (55/60/65/68 เดซิเบล) แต่ดีกว่า TOYOTA HILUX REVO ROCCO (58/62/65/68 เดซิเบล)
ENGINE เครื่องยนต์
เครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบแปรผัน ใหม่ รหัส 4N16 แบบ 4 สูบ HYPER POWER ขนาด 2.4 ลิตร ให้กำลังสูงในรอบต่ำ กำลังสูงสุด 184 แรงม้า ที่ 3,500 รตน. แรงบิดสูงสุด 430 นิวทันเมตร/43.8 กก.ม. ที่ 2,250-2,500 รตน. ระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อมสปอร์ทโหมด และแพดเดิล ชิฟท์
อัตราเร่งช่วงต้น 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลา 11.0 วินาที และ 0-400 ม. ใน 17.7 วินาที อัตราเร่งช่วงปลาย 0-1,000 ม. ทำได้ 32.6 วินาที ดีกว่าเดิม (12.4/18.7/33.8 วินาที)
ช้ากว่า FORD EVEREST รุ่น 3.0 ลิตร วี 6 สูบ (10.1/17.4/27.4 วินาที) แต่พอๆ กับรุ่น 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่ (10.9/17.8/32.8 วินาที)
เร็วกว่า NISSAN TERRA (11.6/18.2/33.5 วินาที) และ TOYOTA FORTUNER (12.0/18.3/33.7 วินาที)
จังหวะเร่งแซง ในเมือง 60-100 กม./ชม. และนอกเมืองช่วง 80-120 กม./ชม. ทำได้ 5.8 และ 7.8 วินาที ดีกว่าเดิม 6.4/8.2 วินาที
เทียบกับ FORD EVEREST ช้ากว่ารุ่น 3.0 ลิตร วี 6 สูบ (5.1/6.3 วินาที) แต่พอแลกหมัดกับรุ่น 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่ (6.0/8.0 วินาที) และสู้กับคู่แข่งทั้ง NISSAN TERRA (6.0/7.8 วินาที) และ TOYOTA FORTUNER (5.8/7.4 วินาที)
ขุมพลังใหม่ รหัส 4N16 (SHP) เป็นเครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ ระบบ 2-STAGE TURBOCHARGER ความจุ 2.4 ลิตร กำลังสูงสุดเพิ่มจาก 184 แรงม้า อีก 20 แรงม้า เป็น 204 แรงม้า ที่ 3,500 รตน. เท่าเดิม ส่วนแรงบิดสูงสุดจาก 430 นิวทันเมตร/43.8 กก.ม. ที่ 2,250-2,500 รตน. เป็น 470 นิวทันเมตร/47.9 กก.ม. ที่ 1,500-2,750 รตน. ถ่ายทอดกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ SUPER SELECT 4WD-II
อัตราเร่งช่วงต้น 0-100 กม./ชม. และ 0-400 ม. ใช้เวลา 10.8/17.7 วินาที และอัตราเร่งตีนปลาย 0-1,000 ม. ในเวลา 32.5 วินาที ดีกว่ารุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ ที่ทำเอาไว้ 11.6/18.1/33.0 วินาที
ดีกว่า NISSAN NAVARA ใช้เวลา 12.1/18.4/33.9 วินาที และ TOYOTA HILUX REVO (11.2 /17.9/32.5 วินาที)
แต่เป็นรองคู่แข่งทั้ง FORD RANGER (10.1/17.3/31.8 วินาที) ISUZU V-CROSS (10.8/17.5/32.4 วินาที) และ MAZDA BT-50 (10.7/17.6/32.3 วินาที)
ขณะที่อัตราเร่งยืดหยุ่นช่วง 60-100/80-120 กม./ชม. ทำเวลาได้ 5.7/7.3 วินาที เร็วกว่า MAZDA BT-50 (6.0/7.6 วินาที) และ NISSAN NAVARA (6.1/8.0 วินาที) แต่เป็นรองคู่แข่งทั้ง FORD RANGER (5.3/7.0 วินาที) รวมทั้ง TOYOTA HILUX REVO (5.5/6.8 วินาที)
SUSPENSION ระบบรองรับ
ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบซูเพอร์ซีเลคท์ 4WD–II เลือกเปลี่ยนโหมดจากระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ (2H) เป็นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ (4H) แบบออลล์วีลดไรฟ ทอร์ค ออน ดีมานด์ ช่วยให้เกาะถนนมากขึ้นแม้ในทางลื่น และยังสามารถเปลี่ยนระบบขับเคลื่อนเป็น 4HLC หรือ 4LLC แบบ 50:50 เมื่อต้องการขับขี่บนเส้นทางลุย
นอกจากติดตั้งระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว พร้อมระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และระบบควบคุมการลื่นไถล ยังมีระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน และระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา ให้อย่างครบครัน เพิ่มความปลอดภัยเหนือคู่แข่งด้วยการติดตั้งระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะ เมื่อเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรง และรวดเร็ว
ช่วงล่างเซทมาค่อนข้างนุ่มนวล ผลทดสอบเบรคที่ความเร็ว 60-0/80-0/100-0 กม./ชม. หยุดนิ่งได้ในระยะ 16.4/29.1/45.9 ม. ทำได้สั้นกว่าเดิม (17.0/31.0/46.7 ม.) อยู่ในระดับพอใช้ พอๆ กับ NISSAN TERRA (17.0/30.1/45.8 ม.) แต่ยังไม่เท่า TOYOTA FORTUNER (16.0/27.0/43.9 ม.)
เบรคดีกว่า FORD EVEREST รุ่น 3.0 ลิตร วี 6 สูบ (17.6/30.9/49.3 ม.) และรุ่น 2.0 ลิตร (17.5/32.6/50.2 ม.)
ระบบรองรับด้านหน้าอิสระ ปีกนกคู่ พร้อมคอยล์สปริง และเหล็กกันโคลง ด้านหลังแบบแหนบแผ่นซ้อน พร้อมชอคอับ ส่วนระบบห้ามล้อด้านหน้าแบบจาน พร้อมช่องระบายความร้อน ด้านหลังแบบดุม
จากผลทดสอบเบรค ที่ความเร็ว 60/80/100 กม./ชม. อยู่ที่ 15.6/27.8/42.5 ม. ใช้ระยะหยุดมากกว่า NISSAN NAVARA (15.6/26.0/41.6 ม.) เท่าๆ กับ TOYOTA HILUX REVO (15.6/27.8/42.4 ม.)
แต่มีระยะหยุดสั้นกว่า ทั้ง FORD RANGER (17.8/31.1/49.6 ม.) และ MAZDA BT-50 (16.6/28.2/43.8 ม.)
ระบบความปลอดภัยต่างๆ อัดแน่นแบบจัดเต็ม ด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ADAS หรือ DIAMOND SENSE อาทิ ระบบควบคุมไฟสูงอัตโนมัติ (AHB), กล้องมองรอบคัน (MAM), ระบบเตือนด้านหลัง ขณะถอยออกจากช่องจอด (RCTA), ระบบเตือนจุดอับสายตา พร้อมสัญญาณเตือนขณะเปลี่ยนเลน (BSW WITH LCA) และระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (FCM)
นอกจากนี้ ยังมีถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง, ระบบเบรค ABS, ระบบเสริมแรงเบรค BA, ระบบกระจายแรงดันน้ำมันเบรคอัตโนมัติแบบอีเลคทรอนิคส์ EBD, โครงสร้างนิรภัยเหล็กกล้า ที่ผลิตจากเหล็กแรงดึงสูง HIGH-TENSILE STEEL, คานเหล็กกันกระแทกด้านข้างประตู เป็นต้น
MITSUBISHI PAJERO SPORT ELITE EDITION
MITSUBISHI PAJERO SPORT เป็นเอสยูวีที่ครบเครื่อง รุ่น ELITE EDITION ที่ตกแต่งหน้าตาโดดเด่น ภายในหรู ทันสมัย อัตราเร่งดี ประหยัดเชื้อเพลิง ระบบความปลอดภัยครบ โดยมีสีให้เลือก 3 สี ได้แก่ ขาว ดำ และแดง กับราคา 1,689,000 บาท (ขาวเพิ่ม 20,000 บาท แดงเพิ่ม 5,000 บาท) ประหยัดกว่าคู่แข่ง
MITSUBISHI TRITON DOUBLE CAB ATHLETE
MITSUBISHI TRITON DOUBLE CAB ATHLETE 4WD AT ราคา 1,298,000 บาท แต่งตัวมาครบ จบที่อัพขุมกำลังขึ้นมาเป็น 204 แรงม้า ทำให้มีราคาสูงกว่าคู่แข่งเดิม NISSAN NAVARA PRO-4X (1,160,000 บาท) ขยับขึ้นไปใกล้เคียงเจ้าตลาดอย่าง ISUZU V-CROSS รุ่น M (1,257,000 บาท) และ TOYOTA HILUX REVO ROCCO (1,296,000 บาท) แต่ยังห่าง FORD RANGER DOUBLE CAB WILDTRAK ที่เหลือขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่รุ่น 3.0 (1,519,000 บาท)