กรมอุตุนิยมวิทยารายงานว่า "มรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคใต้ตอนบนยังคงมีฝนตก และตกหนักเป็นบางแห่ง" ผมได้ยินแล้วนึกถึง "ขุนเขาแห่งป่าฝน" ที่อุทยานแห่งชาติเขาสก ทันที ที่นั่นมีผืนป่าที่สมบูรณ์ ภูเขาหินปูนสวยงาม แถมระหว่างทางยังมีสถานที่น่าสนใจมากมาย ว่าแล้วไม่รอช้า ขอพาแฟนๆ "ชีวิตอิสระ" ไปเยือนจังหวัดสุราษฎร์ธานีฝ่าสายฝน กับ ฟอร์ด อีโคสปอร์ท ล่องใต้สบายๆ ท่ามกลางสายฝน ตามทางหลวงหมายเลข 4 (เพชรเกษม) ผ่าน จ. เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และชุมพร แล้วเข้าสู่ถนนสายเดิมหมายเลขใหม่ (41) จนถึง จ. สุราษฎร์ธานี รวมระยะทางประมาณ 650 กม. จากกรุงเทพ ฯ ใช้เวลากว่า 9 ชม. ครั้งนี้ผมได้คู่หูอย่าง ฟอร์ด อีโคสปอร์ท รถครอสส์โอเวอร์ขนาดเล็ก เป็นพาหนะประจำทริพ ช่วงล่างให้ความนุ่มนวล และยึดเกาะถนนได้ดีเกินคาด แม้ขณะทางโค้งที่ฝนตก เครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 1.5 ลิตร 109 แรงม้า ทำงานผสานกับเกียร์อัตโนมัติ เพาเวอร์ชิฟท์ 6 จังหวะ ให้อัตราเร่งพอเหมาะ เด่นเรื่องประหยัดน้ำมัน สะพานข้ามตาปี "ศรีสุราษฎร์" ผมมุ่งหน้าเข้าเมืองสุราษฎร์ฯ โดยใช้เส้นทางเลี่ยงเมืองสู่ อ. กาญจนดิษฐ์ หวังจะได้เห็นสะพานข้ามแม่น้ำตาปี แห่งใหม่ ที่ชื่อว่า "สะพานศรีสุราษฎร์" ซึ่งมีชื่อเสียงเรื่องความสูงใหญ่ และลาดชัน สะพานแห่งนี้ กรมทางหลวงได้สร้างขึ้นเพื่อแก้ปัญหาการจราจรในตัวเมืองสุราษฎร์ ที่เดินทางมาจากกรุงเทพ ฯ หรือจากสนามบินสุราษฎร์ เพื่อจะไป อ. ดอนสัก อ. เกาะสมุย โดยไม่ต้องผ่านตัวเมือง เป็นสะพานข้ามแม่น้ำตาปี แห่งที่ 2 ที่สร้างด้วยคอนกรีท มีความยาว 2.56 กม. ปัจจุบันกลายเป็นแหล่งชุมนุมของคนที่ชอบออกกำลังกาย หรือปั่นจักรยาน บ่อน้ำร้อนท่าสะท้อน ขวัญใจผู้สูงอายุ เลยจากตัวเมืองไปไม่ไกล (มุ่งหน้า อ. พนม) จะพบกับบ่อน้ำร้อนท่าสะท้อน (รัตนโกสัย) หรือสวนน้ำพุร้อนเฉลิมพระเกียรติ เป็นบ่อน้ำร้อนที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ที่ผุดขึ้นมาจากใต้ดิน มีอุณหภูมิประมาณ 70 องศาเซลเซียส มีเรื่องเล่าว่า "เมื่อก่อนมีคนแก่คนหนึ่งใช้ไม้เท้าเดินมาอาบน้ำที่นี่เป็นประจำ อาบไปอาบมาสามารถเดินเองได้ โดยที่ไม่ต้องใช้ไม้เท้า และในที่สุดก็สามารถวิ่งได้" คนแถวนี้จึงเชื่อว่าน้ำพุร้อนแห่งนี้ สามารถรักษาผู้คนจากโรคต่างๆ ได้ ปัจจุบันได้เปิดให้นักท่องเที่ยวลงไปผ่อนคลาย โดยมี บ่อแช่เท้า และบ่อแช่ตัว คอยให้บริการ นอกจากนี้ยังมีบ้านพักเพื่อให้บริการแก่ผู้มารักษาอาการปวดด้วยน้ำแร่ธรรมชาติ ที่ต้องการพักค้างคืน ตะลึงคลองน้ำใส ที่คีรีรัฐนิคม ใครจะคิดว่า ที่ อ. คีรีรัฐนิคม จ. สุราษฎร์ธานี จะมีคลองที่มีความใสดังภาพวาดเช่นนี้ รับรองว่าใครที่มาครั้งแรก ต้องร้อง "ว้าว!" อย่างไม่รู้ตัว คลองน้ำใส หนึ่งในความอัศจรรย์ทางธรรมชาติ มีลักษณะเป็นลำธารเล็กๆ ยาว 5 กม. ที่มีต้นกำเนิดจากตาน้ำที่ผุดขึ้นจากใต้ดิน กลางสวนปาล์มน้ำมัน น้ำที่พุ่งออกมามีความใสมาก สามารถมองเห็นลำธารได้ชัดเจน แต่สิ่งที่น่าอัศจรรย์ก็คือ ก้อนหินในลำธารจะมีสีดำ เมื่อใดที่มีคนผิวดำลงไปเล่นน้ำ ตัวเขาจะขาวนวลขึ้นในทันตา แต่เมื่อใดที่ขึ้นจากน้ำ สีผิวก็จะกลับมาเป็นปกติดังเดิม ชาวบ้านจึงเรียกคลองนี้ในอีกชื่อว่า "คลองหลอกตา" องค์การบริหารส่วนตำบลถ้ำสิงขร เปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ โดยมีกฎระเบียบที่ชัดเจน มีร้านอาหาร และห่วงยาง คอยให้บริการ ชมปลาลำปำ ณ วัดถ้ำวราราม ใครที่ชอบให้อาหารปลา และอยากสัมผัสความเย็นของสายน้ำสก ห้ามพลาดวัดนี้ วัดถ้ำวราราม หรือวัดถ้ำปลา อยู่ระหว่างทางไปอุทยานแห่งชาติเขาสก (ทางหลวง 401) สันนิษฐานว่าแต่ก่อนถ้ำนี้เคยเป็นทางน้ำผ่าน และถูกกัดเซาะเป็นโพรงใหญ่ ปัจจุบันภายในถ้ำเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูป เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้นมัสการเพื่อความเป็นสิริมงคล เมื่อเดินผ่านถ้ำเข้าไป จะทะลุอีกด้านหนึ่งซึ่งติดกับคลองสก ตรงท่าน้ำมีปลาตะเพียนแดง หรือชาวบ้านเรียกว่า "ปลาลำปำ" อยู่ชุกชุม สามารถให้อาหารได้ ปลาชนิดนี้จะพบเห็นได้ในอุทยานแห่งชาติเขาสก ไปจนถึงในอ่างเก็บน้ำเขื่อนรัชชประภา นอกจากนี้ยังเป็นจุดลงเรือคายัค เพื่อล่องแก่งไปชมทัศนียภาพสองฝั่งของแม่น้ำสกอีกด้วย อุทยานแห่งชาติเขาสก ศูนย์กลางแห่งป่าฝน อุทยานแห่งชาติเขาสก ถือเป็นศูนย์กลาง "ขุนเขาแห่งป่าฝน" เพราะเป็นผืนป่าดิบชื้นผืนใหญ่ที่สุด ที่สำคัญสำหรับภาคใต้ ด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ ที่อุดมไปด้วยพืชพรรณที่หายาก ได้แก่ บัวผุด ปาล์มเจ้าเมืองถลาง หรือปาล์มหลังขาว และปาล์มพระราหู นอกจากนี้ ยังเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่านานาชนิด โดยเฉพาะสัตว์ป่าสงวน เก้งหม้อ เลียงผา สมเสร็จ และแมวลายหินอ่อน ทิวทัศน์โดยรอบของอุทยาน ฯ มีความสวยงามและน่าอัศจรรย์ ทั้งน้ำตก หน้าผา ถ้ำ และรูปทรงของเขาหินปูน และถ้ามาช่วงฤดูฝน (พฤษภาคม-ธันวาคม) อาจได้เห็นดอกบัวผุดก็เป็นได้ เขื่อนรัชชประภา กุ้ยหลินเมืองไทย เขื่อนรัชชประภา หรือเขื่อนเชี่ยวหลาน เป็นเขื่อนที่มีทัศนียภาพโดยรอบที่งดงาม สงบร่มรื่น เหมาะสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจ ถ้าพอมีเวลา อยากให้ลองนั่งเรือไปอีกนิด จะเห็นยอดเขาหินปูนที่โผล่พ้นน้ำขึ้นมามากมาย ที่นี่แหละ ที่ได้รับฉายาว่า "กุ้ยหลินเมืองไทย" ซึ่งพื้นที่น้ำเกือบทั้งหมด อยู่ในความดูแลของอุทยานแห่งชาติเขาสก สำหรับคนที่อยากจะพักแรมค้างคืน บริเวณเกาะแก่งในเขื่อน ยังมีแพพักของอุทยาน ฯ และเอกชนไว้คอยบริการแก่นักท่องเที่ยวมากมาย ที่พักในเขื่อนก็ถือเป็นไฮไลท์ที่สำคัญเช่นกัน ในแต่ละปีสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ปีละกว่า 70,000 คน สร้างรายได้ให้กับคนในพื้นที่ได้มาก นอกจากนี้ เขื่อนรัชชประภายังสามารถผลิตไฟฟ้าพลังน้ำ ให้พลังงานไฟฟ้าเฉลี่ยปีละประมาณ 554 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมง ช่วยเสริมระบบไฟฟ้าในภาคใต้ให้มั่นคงยิ่งขึ้น และยังส่งน้ำเพื่อประโยชน์ในด้านเกษตรกรรมอีกด้วย แผนที่ ที่กิน เที่ยวภาคใต้ทั้งที อาหารที่ผมตั้งใจจะมาชิมให้ได้ก็คือ "ติ่มซำ" เนื่องจากเป็นอาหารที่คนใต้นิยมกินกันตอนเช้า ร่วมกับน้ำชา และกาแฟ ผมมุ่งตรงไปที่แยกเทศบาล เพื่อไปรอกิน "ติ่มซำ ไผ่หยก" ที่ขึ้นชื่อแห่งหนึ่งในเมืองสุราษฎร์ ติ่มซำที่นี่มีมากกว่า 30 อย่าง พอสั่งเสร็จแม่ค้าจะนึ่งใหม่ๆ ตามปกติ ติ่มซำต้องจิ้มกับซอสเปรี้่ยว หรือจิ๊กโฉ่ว แต่ที่นี่จะมีน้ำจิ้มที่เป็นซอสสีแดงขุ่น รสชาติหวาน ทำจากมันเทศ ถั่วลิสงต้มสุก ปรุงรสด้วยน้ำตาล น้ำส้ม และเกลือ เรียกว่า "ค้อมเจือง" หรือ "น้ำส้มเจือง" อร่อยอย่าบอกใครเชียว ที่นอน หลังจากที่เหนื่อยกับการเดินทาง ผมเลือก "เดอะ ริช เรสซิเดนซ์" เป็นที่พัก เนื่องจากอยู่ติดถนนบายพาสส์ใกล้ตัวเมือง ง่ายต่อการจดจำ ที่สำคัญยังมีราคาไม่แพง ประมาณ 590-790 บาท ภายในห้องพักมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งทีวีแบบดิจิทอล เครื่องทำน้ำอุ่น เครื่องปรับอากาศ และตู้เย็น ที่สำคัญพนักงานอัธยาศัยดีทุกคน ขอขอบคุณ บริษัท ฟอร์ด เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส (ประเทศไทย) จำกัด
บทความแนะนำ