TESLA MODEL 3

สหรัฐอเมริกา-เทสลา มอเตอร์ส (TESLA MOTORS) ยอดผู้ผลิตรถไฟฟ้าของเมืองมะกันเพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้อยากเป็นเจ้าของรถสีเขียว โดยเปิดตัวรถพลังไฟฟ้าแบบที่ 4 ซึ่งต้องรอจนถึงปลายปี 2017 รถคันแรกจึงจะถึงมือผู้สั่งจอง เมื่อปลายเดือนมีนาคมที่เพิ่งผ่านพ้นไป เทสลา มอเตอร์ส ผู้ชำนัญการด้านการผลิตรถพลังไฟฟ้าของสหรัฐอเมริกา สามารถสร้างข่าวพาดหัวได้อีกครั้งหนึ่ง ด้วยการนำรถพลังไฟฟ้าติดป้ายชื่อ เทสลา โมเดล 3 (TESLA MODEL 3) ออกอวดตัวต่อสายตาผู้คนเป็นครั้งแรก ณ สถานที่หนึ่งในรัฐแคลิฟอร์เนีย เป็นรถเก๋งซีดานขนาดเล็กกะทัดรัดที่ออกแบบให้นั่งได้รวม 5 คน และนับเป็นรถพลังไฟฟ้าแบบที่ 4 ของค่ายนี้ ถัดจากรถสปอร์ท เทสลา โรดสเตอร์ (TESLA ROADSTER) ซึ่งเริ่มการผลิตเมื่อต้นปี 2008 รถซีดาน เทสลา โมเดล เอส (TESLA MODEL S) ซึ่งเริ่มจำหน่ายเมื่อปี 2012 และรถ เอสยูวี ประตูปีกเหยี่ยว เทสลา โมเดล เอกซ์ (TESLA MODEL X) ซึ่งรถคันแรกเพิ่งเดินทางถึงมือผู้สั่งจองเมื่อปลายปี 2015 นี่เอง ตั้งค่าตัวที่ยังไม่ได้หักส่วนลดภาษีอย่างที่เรียกกันในภาษาอังกฤษว่า INCENTIVES ไว้ที่ระดับ 35,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือเท่ากับประมาณ 1.23 ล้านบาทไทย และปรากฏผลว่าภายในเวลาเพียง 72 ชั่วโมง หลังการเปิดตัวดังที่กล่าวข้างต้น ก็มีผู้วางเงินจองคันละ 1,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือเท่ากับประมาณ 34,000 บาทไทย ไปแล้วมากกว่า 276,000 คัน เป็นผู้สั่งจองที่ต้องใจเย็นกว่าน้ำแข็ง และไม่รังเกียจการรอคอยอย่างยาวนาน เพราะผู้ผลิตบอกแล้วว่า คงต้องรอจนถึงปลายปีไก่ทองคะนองฤทธิ์นั่นแหละ จึงจะสามารถส่งรถคันแรกให้แก่ผู้สั่งจองคนแรก ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดของระบบขับด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ ที่ติดตั้งภายในรถแบบใหม่นี้ ทราบกันแต่เพียงว่า จะไม่มีการติดตั้งเครื่องยนต์แบบใดๆ สามารถทำอัตราเร่ง 0-96 กม./ชม. ในเวลาต่ำกว่า 6.0 วินาที ติดตั้งแบทเตอรี ลิเธียม-ไอออน (LITHIUM-ION) ซึ่งประจุไฟเต็มหม้อแต่ละครั้งรถจะวิ่งได้ไกลประมาณ 345 กม. มีห้องโดยสารนั่ง 5 คน ที่กว้างขวางและดูปลอดโปร่งโล่งตากว่ารถเครื่องยนต์สันดาปภายในขนาดเดียวกันทุกรุ่นทุกแบบ มีห้องเก็บของอยู่ 2 ห้อง ที่ส่วนหน้าและส่วนท้ายของตัวรถ คุณสมบัติความปลอดภัยในทุกด้านรับประกันว่าต้องได้ดาวไม่น้อยกว่า 5 ดวง และตั้งเป้าหมายการผลิตไว้ที่ระดับ 400,000 คัน/ปี เทสลา มอเตอร์ส ซึ่งนับแต่ปี 2008 ที่เริ่มต้นการผลิตจนถึงปี 2015 ไม่เคยผลิตรถได้มากกว่า 50,000 คัน/ปี และในช่วงไตรมาสแรกของปี 2016 ยอดผลิตลดเหลือเพียง 14,820 คัน ยืนยันในงานเปิดตัวรถแบบใหม่นี้ด้วยว่า เช่นเดียวกันกับเจ้าของรถพลังไฟฟ้ารุ่นอื่นๆ เจ้าของรถ เทสลา โมเดล 3 ทุกคัน จะมีสิทธิ์ใช้บริการของสถานีเติมพลังไฟโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ปัจจุบันสถานีเติมไฟที่ค่ายนี้ตั้งชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า SUPERCHARGER มีอยู่ทั่วโลกรวม 3,600 จุด และจะเพิ่มจำนวนเป็น 2 เท่าตัว คือ 7,000 จุด ก่อนสิ้นปี 2017 ส่วนสถานีบริการโดยรวมก็จะเพิ่มจำนวนเป็นมากกว่า 441 แห่ง แน่นอน