รถล่าสุด

Toyota Majesty กลับมาแล้ว

13 May 2024

บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด แนะนำรถตู้ระดับพรีเมียม Toyota Majesty รุ่นปรับปรุงใหม่ปี 2024 มาพร้อมกับพื้นที่ห้องโดยสารที่เน้นการใช้งาน และอุปกรณ์อำนวยความสะดวก ตอกย้ำภาพลักษณ์ “The Elegance of All Episodes”

ภายนอก ปรับหน้า เปลี่ยนตา

Toyota Majesty ได้รับการออกแบบให้มีความโดดเด่นด้วยดีไซจ์น ความทันสมัย แต่ยังคงไว้ซึ่งภาพลักษณ์ความหรูหรา

กระจังหน้าโครเมียมดีไซน์หรูหรา ไฟหน้าแบบ LED พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน ไฟท้ายแบบ LED กระจกมองข้างพร้อมสัญญาณไฟเลี้ยว ล้ออัลลอย 17 นิ้ว
เบาะหลังพับได้เพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระ ประตูบานสไลด์อัตโนมัติ 2 ด้าน พร้อมระบบป้องกันการหนีบ

กระจังหน้าโครเมียมดีไซน์หรูหรา

ไฟหน้าแบบ LED ระบบปรับระดับสูง/ต่ำอัตโนมัติ และระบบเปิด/ปิดอัตโนมัติ พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน

ไฟตัดหมอกหน้าแบบ LED

กระจกมองข้างปรับ และพับเก็บด้วยไฟฟ้าอัตโนมัติ

ล้อขนาด 17 นิ้ว ยาง 235/60R17

Toyota Majesty รุ่นปรับปรุงใหม่ปี 2024 มีให้เลือก 2 เกรด คือ Premium กับ Grande

มีให้เลือก 2 สี คือ ขาวมุก และดำ

ขาวมุก (White Pearl) ภายในสีดำ (Black)
ดำ (Black Mica) ภายในมีทั้งสีดำ (Black) และสีเบจ (Beige)

ภายในหรู เบาะนั่งแบบ 4 แถว แบบ 2-3-2-4

จอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay แบบไร้สาย และ Android Auto พวงมาลัยตกแต่งด้วยลายไม้พร้อมปรับระดับ 4 ทิศทาง มาตรวัดเรืองแสงแบบ Optitron พร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ MID สำหรับรุ่น Grande เพิ่มระบบนำทาง Navigator ระบบบริหารหลังไฟฟ้าผู้โดยสารแถวที่ 1

ที่นั่งแบบ Captain Seat ผู้โดยสารแถวที่ 2 และ 3 พร้อมที่รองขาและหัวหมอนแบบ Butterfly ระบบควบคุมอุณหภูมิให้ความเย็นสบายในการเดินทางที่มาพร้อมกับระบบกรองอากาศ nanoe ที่วางแก้วน้ำและช่องจ่ายกระแสไฟฟ้า 12 โวลต์ พร้อมช่องต่ออุปกรณ์เสริม USB-C 6 ตำแหน่งและ USB-A 1 ตำแหน่ง

ม่านบังแดดและไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสาร กระจกมองหลังแบบปรับลดแสงสะท้อน ไฟส่องสว่าง Illumination ภายในห้องโดยสาร และจุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก 4 ตำแหน่ง

ภายในสีดำ Black

ภายในสีเบจ Beige มีให้เลือกเฉพาะตัวรถสีดำ

เบาะผู้โดยสารด้านหน้ามีการปรับเก้าอี้เป็นแบบ 1 ที่นั่ง เพิ่มฟังค์ชันการปรับเบาะเป็น 4 ทิศทาง โดยในรุ่น Grande จะเป็นการปรับแบบไฟฟ้า และปรับระดับเก้าอี้ด้านข้างเบาะ

เบาะผู้โดยสารด้านหลังในแถวที่ 2 และ 3 จะเป็นที่นั่งแบบ Captain Seats 4 ที่นั่ง และสามารถปรับได้ 4 ทิศทาง พร้อมหัวหมอนแบบ Butterfly ที่รองน่อง และระบบบริหารหลังแบบไฟฟ้า ในรุ่น Grande ทั้งนี้ในแถวที่ 1 ยังมาพร้อมกับเบาะผู้โดยสารตำแหน่งกลาง และหัวหมอน ที่สามารถพับเป็นที่วางแขน และที่วางแก้วน้ำ

ส่วนเบาะผู้โดยสารแถวสุดท้ายจะเป็นแบบ Bench Seat 4 ที่นั่ง ที่มีหัวหมอนทุกที่นั่ง

อุปกรณ์อำนวยความสะดวก อาทิ จอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay แบบไร้สาย และ Android Auto ประตูสไลต์เปิด/ปิดอัตโนมัติ ระบบสตาร์ทอัจฉริยะ ช่องต่อ USB 7 ตำแหน่ง ม่านบังแดด และไฟอ่านหนังสือ

เครื่องยนต์ 163 แรงม้าตัวเดิม

เครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ GD 2.8 ลิตร
กำลังสูงสุด 163 แรงม้า (120 กิโลวัตต์ ) ที่ 3,600 รตน.
แรงบิดสูงสุด 42.8 กก.-ม. (420 นิวตัน-เมตร) ที่ 1,600-2,200 รตน.
ประสิทธิภาพสูงมาตรฐานยูโร 5 และประหยัดน้ำมัน

มาพร้อมเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ มีโหมดสปอร์ท และสามารถบวก/ลบตำแหน่งเกียร์ได้

พร้อมโครงสร้างแบบวงแหวน และช่วงล่างด้านหลังแบบ 4 ลิงค์ คอยล์สปริง

ระบบความปลอดภัย มาพร้อมกับระบบ Toyota Safety Sense

ระบบความปลอดภัยอุ่นใจในการเดินทาง อาทิ ถุงลมเสริมความปลอดภัย 9 ตำแหน่ง ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ กล้องมองรอบคัน และในรุ่น Grande ยังมาพร้อมกับระบบ Toyota Safety Sense ที่ประกอบไปด้วย ระบบความปลอดภัยก่อนการชน (Pre-Collision System) ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน (Lane Departure Alert) ระบบควบคุมและปรับลดความเร็วอัตโนมัติ (Dynamic Radar Cruise Control) และระบบควบคุมไฟสูงอัตโนมัติ (Automatic High Beams)