รถสปอร์ทสุดหรูติดป้ายชื่อ เบนท์ลีย์ คอนทิเนนทัล (BENTLEY CONTINENTAL) ที่อยู่ในสายการผลิตขณะนี้เป็นรถรุ่นที่ 2 เริ่มการจำหน่ายเมื่อปี 2011 และก่อนการปรากฏตัวของรถโมเดลใหม่นี้มีรถให้เลือกรวม 9 โมเดล แยกเป็นรถคูเป 5 โมเดล คือ CONTINENTAL GT V8-CONTINENTAL GT V8 S-CONTINENTAL GT W12-CONTINENTAL GT SPEED-CONTINENTAL GT3 R และเป็นรถเปิดประทุน 4 โมเดล คือ CONTINENTAL GT V8 CONVERTIBLE-CONTINENTAL GT V8 S CONVERTIBLE-CONTINENTAL GT W12 CONVERTIBLE-CONTINENTAL GT SPEED CONVERTIBLE ทุกโมเดลเป็นรถวางเครื่องหน้า/ขับเคลื่อนทุกล้อ
ส่วนรถโมเดลใหม่ คือ เบนท์ลีย์ คอนทิเนนทัล ซูเพอร์สปอร์ทส์ (BENTLEY CONTINENTAL SUPERSPORTS) ที่กำลังอวดรูปทรงองค์เอวอยู่ขณะนี้ เชื่อกันว่าจะเป็นรถโมเดลสุดท้าย ก่อนที่รถรุ่นใหม่ซึ่งเป็นรุ่นที่ 3 จะปรากฏตัวในปีหน้า รถโมเดลนี้มีตัวถัง 2 แบบ คือ ตัวถัง 2 ประตูคูเป 4 ที่นั่ง ยาว 4.818 ม. กว้าง 1.944 ม. สูง 1.391 ม. มีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ 0.31 มีน้ำหนักรถพร้อมขับ 2,280 กก. และติดป้ายค่าตัว 212,500 ปอนด์อังกฤษ หรือเท่ากับประมาณ 9.56 ล้านบาทไทย กับตัวถัง 2 ประตูเปิดประทุน 4 ที่นั่ง ซึ่งยาว 4.818 ม. กว้าง 1.947 ม. สูง 1.390 ม. มีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ 0.32 มีน้ำหนักรถพร้อมขับ 2,455 กก. และติดป้ายราคา 233,800 ปอนด์อังกฤษ หรือประมาณ 10.52 ล้านบาทไทย
ทั้งตัวถังคูเปและตัวถังเปิดประทุน ติดตั้งเครื่องยนต์ทวินเทอร์โบดีเซลฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง DOHC ดับเบิลยู 12 สูบ 5,998 ซีซี บลอคเดียวกับที่ใช้ในรถ CONTINENTAL GT W12/CONTINENTAL GT W12 CONVERTIBLE แต่ปรับเปลี่ยนรายละเอียดในบางจุด เช่น เพิ่มขนาดความจุของเทอร์โบชาร์เจอร์และปรับระบบหล่อเย็น ส่งผลให้กำลังสูงสุดพุ่งจาก 433 กิโลวัตต์/590 แรงม้า เป็น 522 กิโลวัตต์/710 แรงม้า คือ เพิ่มขึ้น 89 กิโลวัตต์/120 แรงม้า หรือเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 20.3 ระบบเกียร์เพื่อส่งทอดกำลังสู่ล้อคู่หน้าและคู่หลังเป็นเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ของ ZF ที่ปรับปรุงใหม่และเปลี่ยนจังหวะเกียร์ได้เร็วขึ้น ระบบขับทุกล้อที่ใช้ยังคงเป็นระบบที่กระจายแรงบิดสู่ล้อคู่หลังและคู่หน้าในอัตรา 60:40 เช่นเดิม ส่วนระบบห้ามล้อเป็น CARBON-CERAMIC BRAKE ที่ทนความร้อนได้สูงถึง 1,000 องศา คือ เท่ากับความร้อนของลาวาภูเขาไฟ
ค่าย เบนท์ลีย์ ยืนยันว่าเป็นรถคูเป 4 ที่นั่งและรถเปิดประทุน 4 ที่นั่ง ที่วิ่งได้เร็วกว่ารถประเภทเดียวกันทุกรุ่นทุกแบบ พร้อมกับระบุตัวเลขว่า ตัวถังคูเปทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาแค่ 3.5 วินาที ทำความเร็วสูงสุด 336 กม./ชม. มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 15.7 ลิตร/100 กม. หรือ 6.4 กม./ลิตร และปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 358 กรัม/กม. ส่วนตัวถังเปิดประทุนทั้งตีนต้นและตีนปลายจะเป็นรองนิดหน่อย นั่นคือ อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใช้เวลา 3.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 330 กม./ชม. มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 15.9 ลิตร/100 กม. หรือ 6.3 กม./ลิตร และปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 362 กรัม/กม.
เบนท์ลีย์ ประกาศเป็นภาษาอังกฤษว่า VERY LIMITED NUMBER WILL BE MADE หรือ "จะทำขายในจำนวนที่จำกัดมากๆ" แต่ถามซ้ำแล้วซ้ำอีกก็ยังไม่ยอมยืนยันว่าจำกัดมากๆ ที่ว่านั่นคือกี่คัน ? จึงได้แต่คาดเดากันเอาเองจากตัวเลขในอดีตว่า น่าจะแค่ 300 คัน !

