เพราะเชื่อว่าความจำไม่ได้เลอะเลือนตามวัย จึงกล้ายืนยันว่ าตลอดช่วงเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมานี้ ไม่มีเคยมีเดือนใดเลยที่ผลงานของ แฟร์รารี ปรากฏตัวพร้อมกัน 2 รุ่น 2 แบบ ใน "ระเบียงรถใหม่" เดือนนี้น่าจะเป็นครั้งแรก และเชื่อว่าคงเป็นเรื่องยากมากที่จะมีครั้งที่ 2 ครั้งที่ 3 และครั้งที่ 4คันแรกที่ปรากฏตัวให้เห็นขณะนี้ คือ รถสปอร์ทม้าลำพองติดป้ายชื่อ แฟร์รารี เจ 50 (FERRARI J50) ซึ่งเพิ่งเปิดตัวที่ NATIONAL ART CENTER หรือศูนย์ศิลปะแห่งชาติซึ่งตั้งอยู่ในกรุงโตเกียวของญี่ปุ่น เมื่อวันอังคารที่ 13 ธันวาคม 2016 พร้อมคำประกาศยืนยันว่า เป็นรถรุ่นพิเศษที่จะผลิตในจำนวนจำกัดเพียง 10 คัน เพื่อเฉลิมฉลองวาระ 50 ปีของ แฟร์รารี ในประเทศญี่ปุ่น และแต่ละคันจะตกแต่งเป็นพิเศษตามความต้องการของผู้ซื้อ เป็นผลงานของศูนย์ออกแบบ FERRARI STYLING CENTRE ซึ่งอยู่ที่เมืองมาราเนลโล (MARANELLO) ในอิตาลี และเป็นรถรุ่นพิเศษที่พัฒนาขึ้นใหม่โดยใช้รถที่มีอยู่แล้วขณะนี้ในสายการผลิต คือ รถเปิดประทุน แฟร์รารี 488 สไปเดอร์ (FERRARI 488 SPIDER) ซึ่งเริ่มจำหน่ายเมื่อปลายปี 2015 เป็นพื้นฐาน ตัวถังที่ออกแบบขึ้นใหม่ทั้งหมดเป็นตัวถังเปิดประทุนแบบ ทาร์กา (TARGA) ซึ่งมีหน้าตาและรายละเอียดต่างๆ ที่ดูแปลกไปจากรถทุกรุ่นทุกแบบที่ค่ายม้าลำพองผลิตอยู่ในปัจจุบัน ฝากระโปรงหน้าที่ตรงกลางค่อนข้างเตี้ยแต่ยกสูงที่ครอบล้อทั้ง 2 ด้าน ให้ความรู้สึกในความทรงพลังของรถสปอร์ทวางเครื่องกลางลำ ช่องดักอากาศ 2 ช่องบนแผงหน้าหม้อซึ่งทำจากคาร์บอนไฟเบอร์น้ำหนักเบา และดวงโคมไฟหน้าแบบ FULL LED ก็ทำได้ดี และดูมีชีวิตชีวา ส่วนจุดเด่นสะดุดตาเมื่อมองจากด้านข้าง คือ แถบเส้นสีดำที่พาดยาวตลอดลำตัวส่วนครึ่งหน้าจนทำให้ดูราวกับว่าตัวถังแยกเป็น 2 ส่วน เจ้าของเครื่องหมายการค้าม้าลำพองบอกว่า เป็นลักษณะการออกแบบที่ไม่ใช่ของใหม่ เพราะเคยใช้มาก่อนแล้วในรถหลายรุ่นที่เคยโด่งดังในอดีต ได้แก่ แฟร์รารี จีทีโอ (FERRARI GTO) แฟร์รารี เอฟ 40 (FERRARI F40) และ แฟร์รารี เอฟ 50 (FERRARI F50) ภายในห้องโดยสารที่นั่งได้เพียง 2 คน ก็ออกแบบอย่างมีบุคลิกเฉพาะตัว และสอดรับกับประทุนหลังคาซึ่งแยกเป็น 2 ชิ้น ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์น้ำหนักเบา และเก็บไว้ได้โดยสะดวกในช่องเก็บซึ่งอยู่ด้านหลังของเก้าอี้ที่นั่ง ให้รายละเอียดด้านเครื่องยนต์กลไกชิ้นส่วนไว้เพียงเล็กน้อย ที่ทราบกันก็คือ ติดตั้งเครื่องยนต์เทอร์โบเบนซินฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง DOHC วี 8 สูบ 90 องศา ขนาดความจุ 3,902 ซีซี บลอคที่คว้ารางวัล INTERNATIONAL ENGINE OF THE YEAR หรือเครื่องยนต์นานาชาติแห่งปี 2016 มาแล้ว แต่ปรับแต่งจนได้กำลังสูงสุดเพิ่มขึ้นเล็กน้อย คือ จาก 493 กิโลวัตต์/670 แรงม้า เป็น 507 กิโลวัตต์/690 แรงม้า ส่วนราคาค่าตัวพยายามแล้วพยายามอีก ก็ยังหาไม่ได้ จึงเข้าใจเอาเองว่าคงยังไม่ได้ประกาศ