เร็วๆ นี้ มีโศกนาฏกรรมใหญ่ เกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกันถึง 3 เหตุการณ์1. โศกนาฏกรรม "MH 370" เครื่องบินโดยสาร สายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ หายสาบสูญพร้อมผู้โดยสาร และลูกเรือ รวม 239 คน 2. โศกนาฏกรรม "เซวอล" เรือเฟอร์รี ข้ามฟากไปเกาะเซจู ประเทศเกาหลีใต้ จมลงกลางทะเล พร้อมผู้โดยสารกว่า 400 คนที่ส่วนใหญ่เป็นนักเรียนมัธยม ฯ คาดว่าจะมีผู้เสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 300 คน 3. โศกนาฏกรรม "7 วันอันตราย" ในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนถึง 322 ราย สรุปแล้ว ช่วงเวลาเพียงไม่กี่สิบวัน โศกนาฏกรรมใหญ่ 3 ครั้ง คร่าชีวิตคนไปแล้วร่วม 1,000 คน ที่สำคัญ เป็นอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับพาหนะเดินทางทั้งทางบก น้ำ และอากาศ ครบถ้วน เดี๋ยวนี้ไม่ว่าจะเลือกเดินทางรูปแบบใด ก็มีโอกาสตาย (หรือสูญหาย) เท่าเทียมกัน โดยเฉพาะกรณี เรือเฟอร์รีล่มที่เกาหลี ผมดูข่าวแล้วน้ำตาซึม คิดถึงความตื่นตระหนกหวาดกลัวของเด็กๆ และคิดถึงหัวอกพ่อแม่ที่ได้รับ "แมสเสจสุดท้าย" จากลูก เป็นโศกนาฏกรรมหัวใจสลาย พอๆ กับเหตุการณ์สึนามิ ที่เมืองไทย และญี่ปุ่น เมื่อหลายปีก่อน กรณี "MH 370" นั้น ตราบใดที่ยังไม่พบซากเครื่องบิน และศพผู้โดยสาร ผมเชื่อว่าบรรดาญาติพี่น้องของผู้โดยสารก็ยังคงมีความหวังว่า พวกเขาอาจแค่เพียงพลัดหลงไป และสักวันหนึ่งจะกลับคืนมา ผมนึกถึงซีรีส์โทรทัศน์ชื่อดังของสหรัฐ ฯ เรื่อง LOST ที่มีคนกลุ่มหนึ่งรอดชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกบนเกาะลึกลับกลางมหาสมุทร และหลังจากผจญเรื่องราวมากมาย คนกลุ่มนี้ก็ได้กลับบ้าน (แม้ไม่ทั้งหมด) ถ้าไม่เช่นนั้น อาจมีใครสักคนเหลือรอดอยู่บนเกาะร้าง อย่าง ชัค โนแลนด์ ที่รับบทโดย ทอม แฮงค์สในภาพยนตร์เรื่อง CAST AWAY ซึ่งตอนสุดท้ายเขาก็ได้กลับบ้านเช่นกัน ส่วนโศกนาฏกรรม "7 วันอันตราย" ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ นอกจากญาติพี่น้องของผู้เสียชีวิตแล้ว คงไม่ค่อยมีใคร "อิน" เท่าไร โดยเฉพาะผู้มีหน้าที่ป้องกัน และแก้ไขซึ่งดูเหมือนจะสนใจแค่ว่า ปีนี้ตายน้อย หรือตายมากกว่าปีก่อนเท่านั้น คงอีกนานกว่าจะมีเครื่องบินโดยสารหายสาบสูญ หรือเรือโดยสารขนาดใหญ่อับปาง แต่มั่นใจว่าคนไทยจะตายพร้อมกันเป็นร้อยๆ บนท้องถนน ปีละ 2 ครั้ง ทุกปีไป