ที่งานมหกรรมยานยนต์เจนีวาครั้งล่าสุด ซึ่งจัดขึ้นในเมืองอินเตอร์ของสวิทเซอร์แลนด์เมื่อต้นเดือนมีนาคมของปีไก่กาอราเล ยอดผู้ผลิตรถสปอร์ทและรถกิจกรรมกลางแจ้งสุดหรูของเมืองเบียร์ เรียกความสนใจจากผู้คนได้อย่างล้นหลาม โดยการนำรถอนุกรมใหม่แกะกล่องออกอวดตัวแบบ “ครั้งแรกในโลก” คือ รถติดป้ายชื่อ โพร์เช พานาเมรา สปอร์ท ตูริสโม (PORSCHE PANAMERA SPORT TURISMO) ซึ่งไม่ใช่รถที่ทำขึ้นใหม่ทั้งคัน หากแต่พัฒนามาอีกทอดหนึ่งจาก โพร์เช พานาเมรา (PORSCHE PANAMERA) รุ่นปัจจุบันซึ่งเป็นรถรุ่นที่ 2 โดยดัดแปลงส่วนท้ายรถให้มีลักษณะเป็นรถตรวจการณ์ดังที่เห็นในภาพขณะนี้รถแบบดังกล่าวเริ่มการจำหน่ายไปเรียบร้อยแล้วทั้งในเยอรมนี และอีกหลายประเทศในทวีปยุโรป โดยมีรถให้ผู้คนเลือกใช้รวม 5 โมเดล เป็นรถเบนซิน 3 โมเดล คือ PORSCHE PANAMERA 4 SPORT TURISMO (243 กิโลวัตต์/330 แรงม้า) PORSCHE PANAMERA 4S SPORT TURISMO (324 กิโลวัตต์/440 แรงม้า) PORSCHE PANAMERA TURBO SPORT TURISMO (404 กิโลวัตต์/550 แรงม้า) เป็นรถดีเซล 1 โมเดล คือ PORSCHE PANAMERA 4S DIESEL SPORT TURISMO (310 กิโลวัตต์/422 แรงม้า) และรถไฮบริด 1 โมเดล คือ PORSCHE PANAMERA 4 E-HYBRID SPORT TURISMO ที่กำลังจะนำเรื่องราวมาเล่าสู่กันฟังในเดือนแห่งการชุมนุมรถไฮบริดสารพัด รูปแบบและหลายขนาดนี้ โพร์เช พานาเมรา 4 อี-ไฮบริด สปอร์ท ตูริสโม (PORSCHE PANAMERA 4 E-HYBRID SPORT TURISMO) ซึ่งค่าตัวรวมภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 19 ในเยอรมนีเริ่มต้นที่ 112,075 ยูโร หรือประมาณ 4.48 ล้านบาทไทย มีหน้าตาแบบเดียวกัน และอยู่ในตัวถังเดียวกันกับรถโมเดลอื่นๆ เป็นตัวถังตรวจการณ์ยาว 5.049 ม. กว้าง 1.937 ม. และสูง 1.428 ม. ที่ออกแบบให้นั่งได้ 4+1 คน มีน้ำหนักตัวพร้อมขับ 2,190 กก. มีห้องเก็บของท้ายรถจุ 425 ลิตร ซึ่งจะเพิ่มกว่า 3 เท่าตัว คือ 1,295 ลิตร เมื่อพับราบเบาะหลัง และมีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ 0.30 ที่แตกต่างจากรถโมเดลอื่นๆ คือ ระบบขับเคลื่อนทุกล้อแบบไฮบริดชนิดต้องมีการเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟแบทเตอรี ซึ่งใช้เครื่องยนต์ไบเทอร์โบเบนซินฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง DOHC วี 6 สูบ 2,894 ซีซี 243 กิโลวัตต์/330 แรงม้า ทำงานร่วมกันกับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 100 กิโลวัตต์/136 แรงม้า แบทเตอรีลิเธียม-ไอออน (LITHIUM-ION) ขนาด 382 โวลท์ 14 กิโลวัตต์ชั่วโมง และระบบเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 8 จังหวะ PDK ได้กำลังสุทธิสูงสุด 340 กิโลวัตต์/462 แรงม้า ที่ 6,000 รตน. และแรงบิดสูงสุด 700 นิวตัน-เมตร/71.4 กก.-ม. ที่ 1,100-4,500 รตน. เป็นระบบขับไฮบริดที่ทำให้รถแบบนี้สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาแค่ 4.6 วินาที ทำความเร็วสูงสุด 275 กม./ชม. มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยที่ดีมาก คือ 2.5 ลิตร/100 กม. หรือ 40 กม./ลิตร และปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 56 กรัม/กม. กรณีรังเกียจการเติมน้ำมัน เชื้อเพลิง และให้รถวิ่งด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ เมื่อเติมไฟเต็มหม้อรถจะวิ่งได้ไกล 25-51 กม. แต่เวลาที่ใช้ในการทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. จะเพิ่มเป็น 6.0 วินาที และความเร็วสูงสุดจะลดลงเป็น 140 กม./ชม.