รถใหม่จากเมืองมะกะโรนีอีกแบบหนึ่งที่นำเรื่องราวมาเล่าสู่กันฟังใน “ระเบียงรถใหม่” เดือนนี้ เป็นผลงานของค่าย “กระทิงดุ” ยอดผู้ผลิตรถสปอร์ทของอิตาลี ซึ่งเล่าขานจนเป็นตำนานว่า ก่อกำเนิดขึ้นเมื่อปี 1963 เพราะผู้ก่อตั้งกิจการ คือ FERRUCCIO LAMBORGHINI (แฟร์รุชโช ลัมโบร์กินี) ผู้เป็นเจ้าของกิจการอุตสาหกรรม และมีชีวิตระหว่างปี 1916-1993 เกิดความรู้สึกขุ่นเคืองใจในบริการที่ได้รับจากผู้ผลิตรถสปอร์ท “ม้าลำพอง”
เพิ่งเปิดตัวในเวลาใกล้เคียงกันทั้งในอิตาลี และสหรัฐอเมริกา เมื่อวันศุกร์ที่ 15 และวันเสาร์ที่ 16 สิงหาคม 2025 เป็นรถโมเดลพิเศษที่ค่ายนี้เรียกในภาษาอังกฤษว่า FEW-OFF MODEL (ฟิว-ออฟฟ์ โมเดล) คือ เป็นรถที่ผลิตจำหน่ายจำนวนน้อยๆ ไม่ใช่รถโหล จึงเป็นที่หมายปองของบรรดานักสะสมรถ ที่ไม่มีปัญหากับราคาค่าตัว ส่วนชื่อรุ่นของรถ คือ FENOMENO (เฟโนเมโน) เป็นคำนามในภาษาอิตาลี ซึ่งตรงกับ PHENOMENON (ฟีโนมีนอน) ในภาษาอังกฤษ หรือ “ปรากฏการณ์” ในภาษาไทย
ในอดีตค่าย “กระทิงดุ” ทำรถผลิตจำนวนน้อยๆ มาแล้วหลายแบบหลายรุ่น ตัวอย่างเช่น LAMBORGHINI SESTO ELEMENTO (ลัมโบร์กินี เซสโต เอเลเมนโต) รถคูเป 419 กิโลวัตต์/570 แรงม้า ซึ่งปรากฏตัวในปี 2010 และผลิตรวม 20 คัน LAMBORGHINI VENENO (ลัมโบร์กินี เวเนโน) รถคูเป และโรดสเตอร์ 552 กิโลวัตต์/750 แรงม้า ซึ่งผลิตรวม 13 คัน ระหว่างปี 2013-2014 LAMBORGHINI CENTENARIO (ลัมโบร์กินี เชนเตนารีโอ) รถคูเป และโรดสเตอร์ 566 กิโลวัตต์/770 แรงม้า ซึ่งผลิตรวม 40 คัน ระหว่างปี 2016-2017 LAMBORGHINI SIAN FKP 37 (ลัมโบร์กินี ซีอาน เอฟเคพี 37) รถคูเป และโรดสเตอร์ 602 กิโลวัตต์/819 แรงม้า ซึ่งผลิตรวม 63 คัน ระหว่างปี 2020-2022 และ LAMBORGHINI COUNTACH LPI 800-4 (ลัมโบร์กินี คูนทาช แอลพีไอ 800-4) รถคูเป และโรดสเตอร์ 602 กิโลวัตต์/819 แรงม้า ซึ่งผลิตรวม 112 คัน ในปี 2022
รถผลิตจำนวนน้อยๆ และจำกัดจำนวนผลิต LAMBORGHINI FENOMENO (ลัมโบร์กินี เฟโนเมโน) เป็นรถสปอร์ท “ไฮเพอร์คาร์” ที่ไม่ได้ออกแบบ/พัฒนาขึ้นใหม่ทั้งคัน แต่มีพื้นฐานมาจากรถที่อยู่ในสายการผลิตปัจจุบัน คือ LAMBORGHINI REVUELTO (ลัมโบร์กินี เรบูเอลโต) ซึ่งเปิดตัวเมื่อเดือนมีนาคม 2023 ในฐานะตัวตายตัวแทนของรถรุ่นเดิม คือ LAMBORGHINI AVENTADOR (ลัมโบร์กินี อเวนตาโดร์) ที่อยู่ในสายการผลิตยาวนานกว่า 1 ทศวรรษ เป็นรถ 2 ประตูคูเป 2 ที่นั่ง ขับเคลื่อนทุกล้อ ติดตั้งประตูข้างที่เปิด-ปิดแบบขากรรไกร และติดตั้งระบบ PLUG-IN HYBRID (พลัก-อิน ไฮบริด) หรือไฮบริดชนิดต้องเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟ ซึ่งให้กำลังรวมสูงสุด 746 กิโลวัตต์/1,015 แรงม้า และส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 8 จังหวะ สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาแค่ 2.5 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้สูงกว่า 350 กม./ชม.
มีขนาดตัวถัง ยาว 5.014 ม. กว้าง 2.076 ม. และสูง 1.161 ม. คือ ใกล้เคียงกันมากกับรถซึ่งเป็นที่มา ซึ่งยาว 4.947 ม. กว้าง 2.033 ม. และสูง 1.160 ม. ส่วนช่วงฐานล้อนั้นยาว 2.779 ม. เท่ากัน แต่หน้าตา และรายละเอียดภายนอกของตัวถังที่ว่านี้ ดูไม่เหมือนกันเลยกับรถซึ่งเป็นที่มา โดยเฉพาะเมื่อมองตรงๆ จากด้านหลัง หรือด้านหน้า แทบไม่มีร่องรอยเลยว่ารถ LAMBORGHINI REVUELTO คือ ที่มาของรถ LAMBORGHINI FENOMENO
เป็นรถขับเคลื่อนทุกล้อ ด้วยระบบขับที่ยกมาทั้งชุดจากรถซึ่งเป็นที่มา แต่มีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดในหลายๆ จุดเพื่อเพิ่มพละกำลัง คือ เป็นระบบขับ PLUG-IN HYBRID (พลัก-อิน ไฮบริด) หรือไฮบริดชนิดไม่ต้องมีการเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟแบทเตอรี ซึ่งใช้เครื่องยนต์เบนซิน วี 12 สูบ 6,498 ซีซี ทำงานร่วมกันกับมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ชุด แบทเตอรี LITHIUM-ION (ลิเธียม-ไอออน) ขนาดความจุ 3.8 กิโลวัตต์ชั่วโมง และระบบเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 8 จังหวะ
การเปลี่ยนแปลงที่กล่าวข้างต้น จุดใหญ่ใจความ คือ การปรับแต่งจนกำลังสูงสุดของเครื่องยนต์เพิ่มขึ้นนิดหน่อย คือ จาก 607 กิโลวัตต์/825 แรงม้า เป็น 614 กิโลวัตต์/835 แรงม้า (ตัวเลขที่ทำให้กล่าวได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า นี่คือเครื่องยนต์ วี 12 สูบ ที่ทรงพลังที่สุดในประวัติศาสตร์ที่ยาวนานกว่า 6 ทศวรรษของค่าย “กระทิงดุ”) ถัดไป คือ การเพิ่มขนาดของมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ชุด ให้กำลังรวม 140 กิโลวัตต์/190 แรงม้า เป็นมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ชุด ให้กำลังรวม 180 กิโลวัตต์/245 แรงม้า และเปลี่ยนแบทเตอรีเป็นแบทเตอรีขนาดความจุ 7.0 กิโลวัตต์ชั่วโมง ส่วนระบบเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 8 จังหวะ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
ผลลัพธ์ของการเปลี่ยนแปลงทั้งหลายทั้งปวงนี้ กำลังรวมสูงสุดของระบบขับ พุ่งจาก 746 กิโลวัตต์/1,015 แรงม้า เป็น 794 กิโลวัตต์/1,080 แรงม้า คือ สูงขึ้นร้อยละ 6.4 และสูงกว่าระบบขับแบบใดๆ ที่เคยพบเคยเห็นกันในรถสปอร์ท และรถกิจกรรมกลางแจ้งทุกแบบทุกรุ่นของค่ายนี้
สมรรถนะความเร็วตามข้อมูลของค่าย “กระทิงดุ” เห็นตัวเลขแล้วมือไม้สั่น คือ อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ในเวลาแค่ 2.4 วินาที อัตราเร่ง 0-200 กม./ชม. ทำได้ในเวลาแค่ 6.7 วินาที ความเร็วสูงสุดไม่บอกตัวเลขชัดเจน แต่บอกว่าเร็วกว่า 350 กม./ชม. ส่วนการห้ามล้อ 100-0 กม./ชม. ใช้ระยะทาง 30 ม.
จำกัดจำนวนผลิตไว้เพียง 30 คัน และ 1 คันในจำนวนนี้ มีเป้าหมายแล้วว่าจะนำไปเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์ของ LAMBORGHINI ซึ่งอยู่ที่เมือง BOLOGNA (โบโลนญา) ในอิตาลี ส่วนที่เหลืออีก 29 คัน ก็มีผู้ซื้อแล้วทุกคัน แม้ว่าตั้งค่าตัวไว้สูงถึง 3 ล้านยูโร หรือประมาณ 114 ล้านบาทไทย
LAMBORGHINI FENOMENO