รถอเมริกันพันธุ์แท้ติดตั้งระบบขับไฮบริดชนิดที่ต้องมีการเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟแบทเตอรี นับเป็นสินค้าหายาก เพราะก่อนหน้านี้มีผู้ผลิตรถสัญชาติอเมริกันเพียงรายเดียวเท่านั้น ซึ่งทำรถแบบที่ว่า คือ ยักษ์รอง ฟอร์ด (FORD) ซึ่งเรียกกันอย่างเต็มยศว่า ฟอร์ด มอเตอร์ คัมพานี (FORD MOTOR COMPANY)ปัจจุบันค่าย ฟอร์ด มีรถไฮบริดชนิดที่ต้องมีการเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟให้คนรักรถในเมืองมะกันเลือกใช้รวม 2 แบบ คือ ฟอร์ด ฟิวชัน เอเนอร์จี (FORD FUSION ENERGI) รถเก๋งซีดานขนาดกลางที่เริ่มจำหน่ายเมื่อปีโมเดล 2013 กับรถอเนกประสงค์ขนาดกะทัดรัด ฟอร์ด ซี-แมกซ์ เอเนอร์จี (FORD C-MAX ENERGI) ซึ่งตามมาในปี 2015 แคดิลแลค ซีที 6 พลัก-อิน (CADILLAC CT6 PLUG-IN) ที่นำเรื่องราวมาเล่าสู่กันฟังในเดือนนี้ จึงนับนิ้วได้ว่าเป็นรถอเมริกันยุคปัจจุบันแบบที่ 3 และเป็นแบบแรกของค่ายแคดิลแลค ซึ่งติดตั้งระบบไฮบริดชนิดที่ต้องมีการเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟ รถเก๋งซีดานขนาดใหญ่ติดป้ายชื่อ แคดิลแลค ซีที 6 (CADILLAC CT6) เป็นรถธงรุ่นใหม่ซึ่งยักษ์ใหญ่เมืองมะกันนำออกอวดตัวแบบ “ครั้งแรกในโลก” ที่งานมหกรรมยานยนต์นิวยอร์คเมื่อเดือนเมษายน 2015 และ 1 ปีเต็มหลังจากนั้น คือ ในเดือนเมษายน 2016 ก็เริ่มนำรถออกสู่โชว์รูมในฐานะรถรุ่นปีโมเดล 2017 ในตัวถังยาว 5.184 ม. กว้าง 1.879 ม. สูง 1.472 ม. ซึ่งใช้โรงงานที่ตั้งอยู่ในรัฐมิชิแกนเป็นที่ผลิต และมีเครื่องยนต์ให้เลือกใช้รวม 3 ขนาด คือ เครื่องเทอร์โบเบนซินฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง DOHC 4 สูบเรียง 1,998 ซีซี 198 กิโลวัตต์/265 แรงม้า เครื่องเบนซินฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง DOHC วี 6 สูบ 3,649 ซีซี 250 กิโลวัตต์/335 แรงม้า และเครื่องทวินเทอร์โบเบนซินฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง DOHC วี 6 สูบ 2,990 ซีซี 301 กิโลวัตต์/404 แรงม้า แต่ระบบเกียร์เพื่อส่งกำลังสู่ล้อคู่หลัง หรือทั้งคู่หน้าและคู่หลังแล้วแต่กรณีมีแบบเดียว คือ เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ส่วนระบบขับไฮบริดชนิดที่ต้องมีการเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟใน แคดิลแลค ซีที 6 พลัก-อิน (CADILLAC CT6 PLUG-IN) นี้ เพิ่งเริ่มมีให้เลือกใช้เมื่อเดือนมีนาคมของปีไก่ได้พลอยนี่เอง เป็นระบบไฮบริดซึ่งตั้งใจออกแบบเพื่อให้มีการขับแบบใช้พลังงานไฟฟ้าล้วนๆ มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และจะใช้การขับแบบไฮบริดเฉพาะกรณีที่ใช้ความเร็วสูง หรือต้องใช้กำลังสูงเท่านั้น ระบบไฮบริดที่ว่านี้ใช้เครื่องยนต์เทอร์โบเบนซินฉีดเชื้อเพลิงโดยตรงขนาด 2.0 ลิตร ทำงานร่วมกันกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ชุด และแบทเตอรีลิเธียม-ไอออน (LITHIUM-ION) ขนาด 18.4 กิโลวัตต์ชั่วโมง ได้กำลังสุทธิสูงสุด 250 กิโลวัตต์/335 แรงม้า และส่งกำลังสู่ล้อคู่หลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ CVT ซึ่งควบคุมการทำงานด้วยระบบไฟฟ้า ตามตัวเลขของผู้ผลิต เมื่อชาร์จไฟเต็มหม้อ (ใช้เวลาประมาณ 4.5 ชม. เมื่อชาร์จด้วยไฟแรงดัน 240 โวลท์) และเติมเชื้อเพลิงเต็มถัง รถจะวิ่งได้ไกลกว่า 700 กม. และสามารถทำอัตราเร่ง 0-96 กม./ชม. ในเวลาแค่ 5.2 วินาที ส่วนกรณีวิ่งด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ จะวิ่งได้ไกลประมาณ 50 กม. ค่าตัว MSRP (MANUFACTURER’S SUGGESTED RETAIL PRICE) ซึ่งเป็นราคาขายปลีกที่ผู้ผลิตระบุว่าน่าจะเป็น เริ่มต้นที่ระดับ 75,095 เหรียญสหรัฐฯ หรือเท่ากับประมาณ 2.55 ล้านบาทไทย