ทั่วโลกมีคนที่ “รักรถยนต์” มากมาย ส่วนคนกลุ่มนี้ รถยนต์ไม่ได้เป็นเพียงพาหนะสำหรับขับขี่ แต่เป็นเสมือนความผูกพันทางใจเข้าขั้น ได้พบ ได้เห็น ได้ชม และได้สัมผัส ก็จะเป็นสุขทางใจไปเลยทีเดียวเมื่อเป็นดังนี้บแรนด์รถยนต์ดังๆ หลากหลายบแรนด์ เช่น โฟล์คสวาเกน โพร์เช หรือ บีเอมดับเบิลยู ก็เลยจัดการแปลงโฉมโรงงานให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวซะงั้น หรืออีกนัยหนึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์รถยนต์ไปเลย ทเรนด์พิพิธภัณฑ์รถยนต์ ขณะนี้กำลังเป็นที่นิยมกันในยุโรป และดูเหมือนว่าแม้แต่คนที่ไม่ได้คลั่งไคล้รถยนต์ก็ยังสนใจ และพิพิธภัณฑ์ที่ว่าก็จะมีทั้งเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม การออกแบบ และเทคโนโลยี ซึ่งหลายแห่งได้รับความสนใจ และประสบความสำเร็จ อย่างพิพิธภัณฑ์ของ โฟล์คสวาเกน ที่เรียกว่า AUTOSTADT หรือ AUTO CITY นั้น ตั้งอยู่ที่ โวล์ฟส์บวร์ก ซึ่งอยู่กึ่งกลางระหว่าง ฮันโนเฟร์ กับ เบร์ลิน ติดกับโรงงานผลิตรถ กอล์ฟ ซีดาน เชื่อว่าคอรถคนไทยหลายคนคงได้เคยไปชมมาแล้ว ที่นี่ไม่ได้เป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดเล็กธรรมดาๆ แต่ตั้งใจทำให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแบบสวนสนุก ให้เป็นตัวเลือกแข่งขันกับสถานที่ท่องเที่ยวอย่างทะเลแถบคาริบเบียน หรือ ดิสนีย์ เวิร์ลด์ นอกจากตัวพิพิธภัณฑ์ที่มีรถรุ่นต่างๆ แสดง พร้อมด้วยนิทรรศการประวัติความเป็นมา ก็ยังมีภัตตาคาร 11 แห่ง โรงแรมในเครือ ริทซ์ คาร์ลทัน แม้กระทั่งลานสนุกนอกอาคาร ที่ผู้ใหญ่ได้ขับรถ โฟล์คสวาเกน ตูอเรก ข้ามเครื่องกีดขวาง ตะลุยโคลน ส่วนเด็กๆ ก็ได้เรียนขับรถโดยรถ โฟล์คสวาเกน บีเทิล ขนาด มีนี กันอย่างสนุกสนาน และอีกยี่ห้อหนึ่ง แม้จะไม่เทียบเท่า โฟล์คสวาเกน แต่ก็เข้าใจลึกซึ้งถึงคุณค่าของพิพิธภัณฑ์เป็นอย่างดี เพราะนี่เป็นเครื่องมือที่ดีที่จะสื่อสารถึงประวัติความเป็นมา และความผูกพันทางใจที่คนรักรถกับบแรนด์ โพร์เช ที่เพิ่งเปิดพิพิธภัณฑ์ใหม่เอี่ยม ที่เมืองชตุทท์การ์ท ส่วน เมร์เซเดส-เบนซ์ ก็เพิ่งย้ายคอลเลคชันใหม่ ไปอยู่ตึกใหม่ที่อยู่ตรงประตูทางเข้าของโรงงาน ที่ อุนเทร์ทุร์คไฮม์ นอกจากนี้ในยุโรปยังมีพิพิธภัณฑ์ของ บีเอมดับเบิลยู เปอโฌต์ และ โรลล์ส-รอยศ์ ใครใคร่รักบแรนด์ไหน สามารถเลือกชมได้ พิพิธภัณฑ์ของ บีเอมดับเบิลยู อยู่ที่เมืองมิวนิค ในเยอรมนี ถ้าใครไปเยอรมนี การไปชมพิพิธภัณฑ์ของ บีเอมดับเบิลยู นับว่าเป็นไฮไลท์การไปเยือนประเทศนี้เลยทีเดียว พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีแนวคิด “ถนนอันไม่สิ้นสุดในห้วงอวกาศ” ถ้าใครเคยไปชมพิพิธภัณฑ์ กูจ์เกนไฮม์ ในนิวยอร์คแล้ว ก็จะรู้สึกคล้ายคลึงกัน และที่ บีเอมดับเบิลยู เขาจะโชว์รถที่ล้ำหน้าสุดๆ พิพิธภัณฑ์ของ บีเอมดับเบิลยู เปิดมาตั้งแต่ปี 1973 บอกกล่าวถึงอดีต ปัจจุบัน และอนาคต มีเนื้อหาเกี่ยวกับการขับเคลื่อน การสื่อสาร และสังคม เนื่องจาก บีเอมดับเบิลยู นั้นมีอายุถึง 8 ทศวรรษแล้ว เรื่องราวเต็มไปด้วยนวัตกรรมอันต่อเนื่อง พลัง คุณภาพ และความมีจิตสำนึก บีเอมดับเบิลยู ได้เก็บรักษาประวัติศาสตร์ไว้ให้เป็น 1 ในเอกลักษณ์ของความเป็นตัวตนของเขา พิพิธภัณฑ์ บีเอมดับเบิลยู อยู่ใกล้กับสนามกีฬาโอลิมปิคที่มิวนิค มีรูปร่างคล้ายเห็ดดังภาพ ภายในเป็นทางวนจากล่างขึ้นบน มีรถยนต์ พโรโทไทพ์ จอดเรียงไปตามทาง พร้อมด้วยวีดีทัศน์หลายภาษา อธิบายถึงปรัชญา และความสำเร็จด้านเทคโนโลยี ส่วนพิพิธภัณฑ์ของ โรลล์ส-รอยศ์ อยู่ด้านตะวันออกของเทือกเขาแอลป์ ที่ โดร์นบิร์น (DORNBIRN) ตัวอาคารเป็นคอมพเลกซ์ มีอายุถึง 160 ปี บริเวณคอมพเลกซ์นี้จะมีโรงงานเก่า ผู้ชมก็จะได้ทราบเรื่องราว และประวัติความเป็นมา มีการจำลองตั้งแต่ โรลล์ส-รอยศ์ ยังอยู่ที่เมืองแมนเชสเตอร์ ในอังกฤษ เมื่อ 100 ปีมาแล้ว ส่วนนี้ผู้ชมจะเห็นเครื่องยนต์ โรลล์ส-รอยศ์ รุ่นเก่าขนาดใหญ่ เดินถัดมาอีกนิด จะเห็นบริเวณทดสอบรถ ที่มีหนุ่มก้มหน้าก้มตาทดสอบชิ้นส่วนให้เห็นแบบเป็นจริงเป็นจัง บริเวณชั้นล่างจะเห็น โรลล์ส-รอยศ์ วานเทจ และรุ่นต่างๆ ตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 1 ถึงครั้งที่ 2 รถเหล่านี้บ้างก็เป็นของราชนิกูล บ้างก็เป็นของบรรดาจอมเผด็จการของโลกทั้งหลาย ที่นี่จะแตกต่างออกไปจากพิพิธภัณฑ์รถยนต์อื่น ตรงที่มีห้องรับประทานน้ำชาแบบอังกฤษแท้ ที่จะพาคุณย้อนอดีตไปยังยุค โคโลเนียล ภายในห้องตกแต่งด้วยไม้โรสวูด จากห้องนี้ก็จะเห็นวิวของชั้น 2 ซึ่งมีเพดานสูง มีแสงแดดยามบ่ายอ่อนๆ ส่องผ่านเข้ามา ทำให้คุณรู้สึกเหมือนหยุดกาลเวลาไว้ตรงนั้น สำหรับคุณๆ ที่เป็นแฟนพันธุ์แท้รถสปอร์ท ก็โน่นเลย ต้องไปที่ โมเดนา (MODENA) อิตาลี ในรัศมีทำการ 20 ไมล์ จะพบกับพิพิธภัณฑ์รถแข่งในดวงใจหลายบแรนด์ดัง ทั้ง แฟร์รารี และ มาเซราตี ซึ่งขณะนี้อยู่ภายใต้ร่มเงา เฟียต กรุพ ส่วน ลัมโบร์กินี อยู่ภายใต้ปีก โฟล์คสวาเกน กรุพ เขาล่ะ ไปเที่ยวแล้ว ก็อย่าลืมแวะซื้อ น้ำส้มบัลซามิก ที่มีชื่อของที่นั่น ติดไม้ติดมือมาฝากคนทางบ้านด้วย