ผลงานใหม่อีกชิ้นหนึ่งของค่าย แมคลาเรน ซึ่งนำเรื่องราวมาเล่าสู่กันฟังใน "ระเบียงรถใหม่" เดือนนี้ คือ แมคลาเรน เซนนา (McLAREN SENNA) รถระดับ "ซูเพอร์คาร์" ซึ่งเพิ่งเปิดตัวเมื่อต้นเดือนธันวาคมของปีไก่อ่อนสอนขัน พร้อมกับคำขวัญ CHALLENGE THE IMPOSSIBLE หรือ "ท้าทายสิ่งที่เป็นไปไม่ได้"เป็นรถรุ่นสุดพิเศษที่จำกัดจำนวนผลิตไว้เพียง 500 คัน และกำหนดค่าตัวรวมภาษีไว้ที่ระดับ 750,000 ปอนด์อังกฤษ หรือเท่ากับประมาณ 33.75 ล้านบาทไทย ตัวจริงเสียงไม่จริงมีกำหนดอวดตัวแบบ "ครั้งแรกในโลก" ที่งานมหกรรมยานยนต์เจนีวาซึ่งจะมีตอนต้นเดือนมีนาคม 2018 และผู้สั่งจองต้องรอนานหน่อย เพราะยอดผู้ผลิตรถสปอร์ทเมืองผู้ดีประกาศแล้วว่า ต้องรอจนถึงไตรมาส 3 นั่นแหละจึงจะสามารถเริ่มการผลิต เป็นการผลิตด้วยมือโดยศูนย์ผลิตของค่ายนี้ ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองโวคิง (WOKING) ของอังกฤษ
ที่ต้องกล่าวถึง ไม่กล่าวไม่ได้เด็ดขาด ก็คือที่มาของชื่อรุ่น คนรักรถที่ติดตามเรื่องราวของการแข่งรถฟอร์มูลา วัน ชิงแชมพ์โลกมาบ้างก็คงจะทราบกันดีว่า SENNA คือ ชื่อต้นของ อายร์ทัน เซนนา (AYRTON SENNA) นักขับรถแข่งชาวบราซิลผู้ยิ่งใหญ่ ซึ่งในช่วงปี 1984-1994 สามารถชนะเลิศการแข่งรวม 41 ครั้ง คว้าตำแหน่งแชมพ์โลก 3 สมัย ในปี 1988, 1990, 1991 และทุกครั้งเป็นการขับรถให้แก่ทีมแมคลาเรน ที่น่าเศร้าและเป็นโศกนาฏกรรมครั้งยิ่งใหญ่ของวงการรถแข่ง ก็คือ เขาต้องเสียชีวิตจากอุบัติเหตุในการแข่งขันซานมาริโน กรองด์ปรีซ์ (SAN MARINO GRAND PRIX) เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 1994 ขณะมีอายุเพียง 34 ปี
เป็นรถที่ออกแบบให้วิ่งได้ทั้งในสนามแข่งและบนถนนสาธารณะ หน้าตาและรูปทรงองค์เอวของตัวถังที่ใช้เวลาในการออกแบบ/พัฒนายาวนาน 2 ปี อธิบายได้ด้วยคำอังกฤษ BRUTAL AND UNFORGIVING ซึ่งคิดอยู่นานก็ยังคิดไม่ออกว่าสมควรใช้คำไทยคำไหน ? บอกได้แต่เพียงว่ามีจุดสะดุดตาสะดุดใจอยู่มาก และมากกว่ารถตลาดทุกรุ่น ทุกแบบ ที่ค่ายนี้เคยทำ ตัวอย่างเช่น ประตูข้างทั้ง 2 ด้านซึ่งทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ มีหน้าต่างกระจกที่ออกแบบให้แยกเป็น 2 ส่วน ส่วนบนเป็นกระจกติดตาย แต่ส่วนล่างซึ่งมีขนาดเล็กกว่าสามารถเปิด/ปิดได้ นอกจากนั้นส่วนครึ่งล่างของประตู ยังเป็นได้ทั้งแผงคาร์บอนไฟเบอร์ทึบแสง หรือเป็นกระจกใสอย่างที่เห็นในภาพ
เป็นรถขับล้อหลังด้วยพลังของเครื่องยนต์ทวินเทอร์โบเบนซิน วี 8 สูบ 4.0 ลิตร 588 กิโลวัตต์/800 แรงม้า วางกลางลำและถ่ายทอดกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 7 จังหวะ ด้วยเหตุที่รถมีน้ำหนักตัวเปล่าเพียง 1,198 กก. คือ เบากว่ารถทุกรุ่น ทุกแบบ ที่ค่ายนี้ผลิตขายปัจจุบัน รถรุ่นนี้จึงมีค่า POWER-TO-WEIGHT RATIO หรือ"อัตราส่วนกำลังต่อน้ำหนักตัว" ที่สูงมาก คือ สูงถึง 668 แรงม้า/ตัน
ยังไม่มีการระบุตัวเลขสมรรถนะความเร็วที่ชัดเจน แต่คาดหมายกันว่าอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. น่าจะใช้เวลาไม่ถึง 2.5 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดก็คงจะสูงกว่า 320 กม./ชม. แน่นอน

