ผลงานใหม่อีกชิ้นหนึ่งของค่าย "ใบพัดเครื่องบินสีฟ้าขาว" ที่เลือกมาบรรจุไว้ใน "ระเบียงรถใหม่" เดือนนี้ คือ รถติดป้ายชื่อ บีเอมดับเบิลยู 225 เอกซ์อี ไอเพอร์ฟอร์มานศ์ (BMW 225XE IPERFORMANCE) นับเป็น 1 ในบรรดารถรวม 9 โมเดล ของ บีเอมดับเบิลยู ซีรีส์-2 แอคทีฟ ทัวเรอร์ (BMW 2-SERIES ACTIVE TOURER) รุ่นยกหน้า ที่เริ่มจำหน่ายแล้วในเมืองเบียร์เมื่อเดือนกรกฎาคมที่เพิ่งผ่านพ้นไปรถอนุกรมนี้ก่อนการปรับปรุงแบบ FACELIFT หรือ "ยกหน้า" ดังที่กล่าวอย่างละเอียดไปแล้ว ก็มีรถติดป้ายชื่อ บีเอมดับเบิลยู 225 เอกซ์อี ไอเพอร์ฟอร์มานศ์ (BMW 225XE IPERFORMANCE) ให้เลือกใช้เช่นกัน รถโมเดลดังกล่าวติดตั้งระบบขับไฮบริดชนิดต้องมีการเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟ หรือ PLUG-IN HYBRID ซึ่งใช้เครื่องยนต์เทอร์โบเบนซินฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง DOHC 3 สูบเรียง 1,499 ซีซี 100 กิโลวัตต์/136 แรงม้า ทำงานร่วมกันกับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 65 กิโลวัตต์/88 แรงม้า และแบทเตอรีลิเธียม-ไอออน (LITHIUM-ION) ขนาด 293 โวลท์ 7.6 กิโลวัตต์ชั่วโมง ให้กำลังสุทธิสูงสุด 165 กิโลวัตต์/224 แรงม้า ส่วนระบบเกียร์เพื่อส่งกำลังสู่ล้อคู่หน้าและคู่หลังเป็นเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ STEPTRONIC ส่วนรถรุ่นใหม่นี้ ได้รับการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงรายละเอียดในหลายๆ จุดเหมือนรถอนุกรมเดียวกันโมเดลอื่นๆ แต่จุดที่ไม่มีการแตะต้องใดๆ คือ ระบบขับไฮบริดชนิดต้องมีการเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟที่ยกมาทั้งชุดจากรถรุ่นก่อนการปรับปรุงแบบ "ยกหน้า" เป็นระบบที่ให้กำลังสุทธิสูงสุด 165 กิโลวัตต์/224 แรงม้า ดังที่กล่าวแล้ว เป็นระบบขับไอพิษต่ำที่ทำให้รถรุ่นใหม่นี้ สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาแค่ 6.7 วินาที ทำความเร็วสูงสุด 202 กม./ชม. มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยที่เยี่ยมยอดมาก คือแค่ 2.3-2.5 ลิตร/100 กม. หรือ 40.0-43.5 กม./ลิตร และปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 52-57 กรัม/กม.โดยเฉลี่ย กรณีวิ่งด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ จะวิ่งได้ไกล 45 กม. และสามารถทำความเร็วสูงสุด 125 กม./ชม. แบทเตอรีลิเธียม-ไอออน (LITHIUM-ION) ขนาด 293 โวลท์ 7.6 กิโลวัตต์ชั่วโมง ที่กล่าวข้างต้น ติดตั้งอยู่ใต้เก้าอี้ที่นั่งแถวหลังซึ่งเป็นเก้าอี้แบบม้ายาว เมื่อชาร์จไฟด้วยไฟบ้านจะใช้เวลาประมาณ 2.5 ชั่วโมง แต่จะลดเหลือเพียง 1.5 ชั่วโมง เมื่อใช้อุปกรณ์พิเศษที่มีชื่อว่า BMW I WALLBOX เช่นเดียวกับรถอนุกรมเดียวกันซึ่งติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน หรือดีเซลอีก 8 โมเดล นอกจากการตกแต่งและติดตั้งอุปกรณ์แบบมาตรฐานแล้ว รถไฮบริดโมเดลนี้ ซึ่งค่าตัวรวมภาษีในเยอรมนีเริ่มต้นที่ 39,650 ยูโร หรือเท่ากับประมาณ 1.58 ล้านบาทไทย ยังมีการตกแต่งและติดตั้งอุปกรณ์แบบพิเศษที่เพิ่มค่าตัวให้เลือกใช้อีก 4 ระดับ กำกับด้วยรหัส ADVANTAGE (เพิ่ม 1,100 ยูโร หรือประมาณ 44,000 บาทไทย) SPORT LINE (เพิ่ม 3,300 ยูโร หรือประมาณ 132,000 บาทไทย) LUXURY LINE (เพิ่ม 4,450 ยูโร หรือประมาณ 178,000 บาทไทย) และ M SPORT (เพิ่ม 5,850 ยูโร หรือประมาณ 234,000 บาทไทย) ส่วนสีตัวถังมีให้เลือกรวม 13 สี คือ สีดำ SCHWARZ สีขาว ALPINWEISS สีเทา MINERALGRAU สีดำ BLACK SAPPHIRE สีขาว MINERALWEISS สีครีม JUCAROBEIGE สีน้ำเงิน IMPERIALBLAU BRILLANTEFFEKT สีเงิน GLACIERSILBER สีน้ำตาล SPARKLING BROWN สีส้ม SUNSET ORANGE สีฟ้า ESTORIL BLAU สีเพลิง FLAMENCOROT BRILLANTEFFEKT และสีฟ้า MEDITERRANBLAU โดยที่ 2 สีแรกเป็นสีธรรมดา ส่วนที่เหลือเป็นสีเมทัลลิค (METALLIC)