เชฟโรเลต์ บเลเซอร์ ชื่อนี้ถูกใช้อ้างอิงรถหลายรุ่นจากค่าย จีเอม เริ่มจากในปี 1969 เป็นชื่อรุ่นของ ฟูลล์ไซซ์ทรัค จนมาถึงในปัจจุบันได้เปิดตัวครอสส์โอเวอร์อเนกประสงค์ขนาดมิดไซซ์ 5 ที่นั่ง ในนาม บเลเซอร์ ที่ด้านหน้ามีรูปทรงอยู่ในแนวสปอร์ทเช่นเดียวกับ คามาโร โดยเฉพาะในส่วนของกระจังและแผงดักลมด้านหน้า โครงสร้างเป็นยูนิบอดี เฉพาะสำหรับรถเอสยูวี แทนที่จะเป็นบอดีออนเฟรม ดังเช่นในอดีต ผลิตที่โรงงาน RAMOS ARIZPE ของ จีเอม ที่ประเทศเมกซิโก โดยใช้สายการผลิตควบคู่ไปกับ เชฟโรเลต์ อีควินอกซ์ และครูซ แฮทช์แบคเชฟโรเลต์ บเลเซอร์ ถูกวางตำแหน่งทางการตลาดให้อยู่ระหว่าง อีควินอกซ์ และทราเวอร์ส ผลิตออกมาเพื่อเป็นคู่แข่งกับ ฟอร์ด เอจ, โตโยตา ไฮแลนเดอร์, เกีย โซเรนโต และนิสสัน มูราโน ที่เน้นความอเนกประสงค์ สะดวกสบายในการใช้งานเป็นหลัก เชฟโรเลต์ บเลเซอร์ มี 3 รุ่นด้วยกัน คือ รุ่นธรรมดา จะติดตั้งล้อขนาด 18 นิ้ว ส่วนรุ่น อาร์เอส จะเน้นไปที่รูปลักษณ์สปอร์ท และรุ่นทอพ ได้แก่ พรีเมียร์ เน้นความหรูหรา ซึ่งทั้ง 2 รุ่นหลังจะติดตั้งล้อขนาด 21 นิ้ว เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง ห้องเก็บสัมภาระเมื่อพับเบาะแถวที่ 2 ลงจะมีพื้นที่ถึง 1,818 ลิตร มีการปรับอุณหภูมิให้กับพวงมาลัย และเบาะคู่หน้า ให้มีความอบอุ่นโดยอัตโนมัติ และติดตั้งระบบระบายอากาศที่ตัวเบาะ นอกจากนี้ ยังติดตั้งอุปกรณ์สำหรับการเป็นรถเอสยูวีไว้อย่างมากมาย เช่น กล้องหลังแสดงภาพและเส้นกลาง เมื่อต้องถอยในขณะลากจูงทเรเลอร์, กล่องเก็บของขนาดใหญ่ที่แผงคอนโซลหน้า, ฝาท้ายเปิด/ปิดไฟฟ้า พร้อมระบบแฮนด์-ฟรี ฯลฯ ส่วนระบบควบคุมความเร็วอัจฉริยะ (ADAPTVE CRUISE CONTROL) เป็นอุปกรณ์พิเศษให้เลือกติดตั้งเพิ่มเติมได้ เชฟโรเลต์ บเลเซอร์ ติดตั้งพอร์ท USB มาให้ถึง 6 ช่อง ซึ่งจะมีให้ตั้งแต่รุ่น พรีเมียร์ เป็นต้นไป ทั้งนี้ในทุกรุ่นย่อยจะได้รับระบบ CHEVROLET INFOTAINMENT 3 พร้อมจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อทั้ง WI-FI, 4G LTE, APPLE CAR PLAY และ ANDROID AUTO เครื่องยนต์เบนซิน มี 2 ขนาดให้เลือกใช้ คือ 2.5 ลิตร 4 สูบเรียง 193 แรงม้า ที่ 6,300 รตน. แรงบิด 26.0 กก.-ม. ที่ 4,400 รตน. อัตราความสิ้นเปลืองในเมือง/นอกเมือง โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 8.9/11.1 กม./ลิตร ส่วนรุ่นทอพจะติดตั้งเครื่องยนต์ 3.6 ลิตร วี 6 สูบ 305 แรงม้า ที่ 6,600 รตน. แรงบิด 37.2 กก.-ม. ที่ 5,000 รตน. เป็นเครื่องยนต์ที่ทำงานด้วยความนุ่มนวลและมีอัตราเร่งที่รวดเร็ว โดยมีอัตราสิ้นเปลืองในเมือง/นอกเมือง โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 7.7/10.6 กม./ลิตร มีความสามารถในการลากจูงถึง 2,040 กก. ระบบถ่ายทอดกำลังทุกรุ่นจะเป็นแบบเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ ในส่วนของระบบขับเคลื่อน มีทั้งแบบ 2 ล้อหน้า และ 4 ล้อ แบบ AWD ให้เลือกใช้ ระบบรองรับให้ความมั่นใจในขณะเข้าโค้ง แต่ยังให้ความนุ่มนวลในขณะที่ใช้งานบนเส้นทางทุรกันดาร บเลเซอร์ จึงเป็นรถครอสส์โอเวอร์ที่สามารถนำมาใช้งานได้ทุกๆ วัน คาดกันว่า เชฟโรเลต์ บเลเซอร์ จะเป็นรถครอสส์โอเวอร์ ที่ขายดีมากในปี 2019 จากรูปทรงที่สปอร์ทคอมแพคท์ เครื่องยนต์ ระบบถ่ายทอดกำลัง ระบบความบันเทิงอันทันสมัย รวมไปถึงระบบขับเคลื่อนได้รับการพัฒนามาให้เหมาะสมกับการใช้งานของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน คงต้องรอลุ้นกันว่าจะเข้ามาจำหน่ายในเมืองไทยหรือไม่ ?