เรื่องราวต่อไปนี้ เป็นวรรณกรรมอีกเรื่องหนึ่งที่ โจวานนี บกกักโช นักเล่านิทานเชื้อชาติมะกะโรนีประพันธ์ไว้ เป็นเรื่องราวของเมียคนหนึ่งที่ใช้สติปัญญาแก้ไขภาวะวิกฤตรอดตัวพ้นจากโทษทัณฑ์ของสามีกิรดังได้ยินมา ตทากาเล...กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในเมืองเนเปิลส์ ยังมีช่างก่ออิฐคนหนึ่งยากจน แบบหาเช้ากินค่ำ ผลกระทบทำให้เมียสาวแสนสวยของเขาที่ชื่อ ปีโรเนลลา ต้องปั่นกรอฝ้ายช่วยสามีเลี้ยงชีพ และเพื่อยังชีวิต วันหนึ่ง ความงามของ ปีโรเนลลา กระทบสายตาหนุ่มเพื่อนบ้านอย่างแรง อารมณ์พิสมัยก่อตัวด้วยความร้อนเร็วยิ่งกว่าพายุปาบึกถล่มนครศรีธรรมราช วันหนึ่งๆ หมดไปด้วยการเฝ้ามองความงามของหล่อน ขณะใจก็คิดเรื่อยเปื่อย อยากจะออกกำลังมากกว่าการทอดสายตามองความงาม ผู้ชายมองผู้หญิง เป็นธรรมชาติ และผู้หญิงที่ถูกมองก็ย่อมรู้ตัวว่ามีผู้ชายเฝ้ามอง ปีโรเนลลา เห็นดวงตา จาเนลโล ก็รู้เป้าหมาย นางเป็นผู้หญิงที่นอกจากมีความสวยเป็นทุนแล้ว ยังมีสติปัญญา ครั้นเห็นดวงตาของไอ้หนุ่มข้างบ้านก็ส่งสัญญาณเงียบทางสายตาของหล่อน ฝันไปเถอะเอ็ง ชาตินี้ทั้งชาติจะเป็นความจริงได้หรือไม่ก็ไม่รู้ การตอบโต้ด้วยสายตาระหว่างกัน แปลเป็นไทยได้อย่างเดียว คือ ทั้ง 2 ฝ่ายมีความเข้าใจที่ตรงกัน เมื่อระดับความเข้าใจค่อยสูงขึ้นทีละเล็กละน้อย ไม่ช้าทั้ง 2 ฝ่ายบรรลุข้อตกลงข้อแรก คือ หนุ่ม จาเนลโล ต้องเปลี่ยนสายตาจากมองความงามของหล่อน ไปเพ่งมองดูประตูบ้านในตอนเช้า ซึ่งช่างก่ออิฐจะเปิดประตูออกไปทำงาน ประตูบ้านเปิดเมื่อไหร่ เมื่อนั้นแสดงว่าสามีนางไม่อยู่บ้าน ให้เข้ามาหาได้ ด้วยประการฉะนี้ ปรากฏว่า ปีโรเนลลา บรรลุสุขในการต้อนรับแขกหนุ่มของนางหลายเช้า... ทว่า เช้าวันหนึ่ง เหตุขัดข้องก็เกิดขึ้นโดยไม่คาดฝัน ขณะที่ ปีโรเนลลา กำลังเริ่มต้นรับความสุขจาก จาเนลโล เหมือนเคย ปรากฏว่าสามีนางกลับมาบ้าน ครั้นเห็นประตูบ้านลอคใส่กุญแจ ช่างก่ออิฐก็ยิ้มอย่างมีความสุขกับชายที่มาด้วยอีกคน ขณะเขาเคาะบานประตูในใจก็คิดว่า “...โอ้ พระเจ้า...ข้าน้อยผู้นี้โชควาสนาดีแท้ แม้จะยากจนแต่ก็ได้เมียแสนซื่อ รีบลงกลอนใส่กุญแจบ้านทันทีที่ข้าละจากบ้านไปทำงาน ช่างเป็นหญิงที่มีปัญญาเสียนี่กระไร นางทำเช่นนี้ก็เพื่อให้รอดพ้นจากผู้ร้ายทางกาม ที่จะบุกเข้าไปทำลายความดีงามของออเจ้า” ปีโรเนลลา ได้ยินเสียงเคาะประตูก็รู้ทันทีว่า สามีนางกลับบ้าน “ตายจริง จาเนลโล” นางกล่าวกับชายหนุ่ม “ผัวฉันมา ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าวันนี้ทำไมเขากลับบ้านเร็วกว่าทุกวัน หรือเขาเห็นคุณเข้าบ้านก็ไม่รู้อีก แต่เอาเถอะ คุณต้องซ่อนตัวโดยเร็วในถังเบียร์เปล่าใบนี้ เพราะฉันจำเป็นต้องเปิดประตู” จาเนลโล จึงคลานเข้าไปในถังเบียร์ ปีโรเนลลา ก็ไปเปิดประตูบ้านด้วยความระมัดระวัง ด้วยอากัปกิริยาที่แสร้งทำ นางร้องเอะอะกับสามีว่า “นี่มันอะไรกันล่ะคุณ ? คุณเอาเครื่องมือหากินกลับบ้านแต่หัววันอย่างนี้ แปลว่า คุณไม่ทำงานแล้วอย่างนั้นหรือ ?” สามีนางมึน ปีโรเนลลา ก็ร่ายเวทย์ต่อ “อนิจจา เราจะเอาอะไรกินกันล่ะทีนี้ เอาตังค์ที่ไหนซื้อขนมปัง หรือว่าจะให้ฉันแกะฝาเรือนกิน การที่ฉันเสี่ยงอันตรายใช้นิ้วมือปั่นกรอฝ้ายทุกวัน เพื่อหาตังค์มาซื้อน้ำมันจุดตะเกียงมันยังไม่ใช่สิ่งที่พอเพียงอีกหรือ ?” สามียังมึน ปีโรเนลลา ว่าต่อไปอีก “คุณรู้บ้างมั้ย ฉันนี่เป็นตัวตลกของชาวบ้านละแวกนี้ไปแล้ว ในการที่ฉันเอาชีวิตมาอดเช้ากินค่ำกับคุณเช่นนี้...แล้วดูเถอะ ฉันได้รับการตอบแทนยังไง สามีหอบเครื่องมือกลับบ้านแต่หัววัน...” สามีมึนๆๆ นางก็ปล่อยน้ำตาไหลพรากประกอบคำบอกเล่าสามี “ในโลกนี้ จะหาหญิงคนใดทุกข์ทรมานสาหัสเช่นฉันคงไม่มีอีกแล้ว พระเจ้าคงสาปแช่งฉันตั้งแต่ฉันลืมตามองดูโลก ฉันน่าจะเป็นเมียใครก็ได้แทนที่จะต้องมาทนทุกข์กับสามีขี้เกียจอย่างคุณ” “ดูเมียคนอื่นสิ คบชู้สู่ชายกันเป็นว่าเล่น ส่วนฉันสิ ทั้งซื่อสัตย์ไม่นอกใจ แถมยังช่วยสามีเลี้ยงชีพ ทำไมฉันไม่ริอ่านคบชู้อย่างเขาบ้าง ทำไมฉันจึงไม่ทำ ทั้งที่ฉันก็ควรทำตั้งนานแล้ว ใครหลายคนต่างก็ต้องการตัวฉัน แล้วทำไมฉันจึงปฏิเสธ ?” “จะบอกให้ ฉันอ่อนแอจนไม่อาจหลอกลวงคุณได้ แต่ผลแห่งการที่ฉันไม่หลอกลวงคุณ คือ ผัวฉันหอบเครื่องมือกลับบ้านแต่หัววัน...” “เมียจ๋า...” ช่างก่ออิฐระเบิดเสียงขึ้น “เธอไม่จำเป็นต้องกล่าวเช่นนั้นเลย ความดีงามของเธออยู่ในใจฉันสิ้นแล้ว ความจริงวันนี้ฉันก็ตั้งใจออกไปทำงานตามปกติ แต่ฉันลืมสนิทว่า วันนี้เป็นวันซาน กาเลโอเน วันหยุดงาน ฉันจึงกลับบ้าน และมีเงินกลับมาด้วยนี่ไง” ช่างก่ออิฐผายมือไปทางเพื่อนที่ตามมาด้วย บอกเมียว่า “เธอเห็นถังเบียร์เปล่าของเราใบนั้นไหม ? มันไร้ประโยชน์ และฉันก็ขายให้ชายคนนี้ได้ราคาตั้ง 5 เหรียญฟลอริน” อันที่จริงได้ยินเช่นนั้น ปีโรเนลลา น่าจะตกใจ แต่นางกลับสวนความกับสามีว่า “ยิ่งหนักใหญ่ มีอย่างที่ไหนกัน คนถนัดค้าอย่างคุณขายถังเบียร์เปล่าได้ราคา 5 เหรียญ ฟลอริน ฉันเป็นผู้หญิงแท้ๆ ยังขายได้ถึง 7 เหรียญฟลอริน ดูสิ คนซื้อยังอยู่ในถังเบียร์...” ช่างก่ออิฐ หันไปทางชายที่มาด้วยบอกว่า “ได้ยินไหม คุณไม่ได้ถังเบียร์ของเราแล้ว เมียผมขายได้ราคาดีกว่าผมเสียอีก” ชายผู้นั้น ทำอะไรไม่ถูก กล่าวคำลาแล้วก็ออกไปจากบ้าน เมียพูดกับสามีว่า “คุณกลับบ้านมาก็ดีเหมือนกัน จะได้พูดจากับคนซื้อของเราเลย” จาเนลโล ได้ยินเรื่องตลอด เขาคลานออกมาจากถังเบียร์แล้วพูดว่า “ไม่ไหวครับ ถังเบียร์คุณสกปรกสิ้นดี ผมไม่ซื้อแล้ว เว้นแต่จะมีการทำความสะอาดให้เรียบร้อยก่อน” “ผัวฉันมาบ้านแล้ว เขาจะขอเข้าไปทำความสะอาดเองค่ะ” “ใช่ครับใช่” ช่างก่ออิฐรีบพูด คว้าตะเกียงกับน้ำมันเข้าไปขัดสนิมในถังเบียร์ ปีโรเนลลา ยืนโก้งโค้งอยู่ปากถังคอยสั่งผัวให้ขัดตรงนั้นตรงนี้ ไม่หยุดปาก ผู้หญิงสวยงามระดับ ปีโรเนลลา ยืนสะบัดสะโพกหันหลังให้ จาเนลโล ผู้ชายที่ไหนจะยอมเสียเวลาดูเปล่า เป็นอันว่าความสุขเช่นยามเช้าวันอื่นๆ ของ 2 คนเป็นความเรียบร้อยไปอีกวัน ช่างก่ออิฐ เสร็จจากการขัดสนิมถังเบียร์ก็คลานออกมา บอกกับ จาเนลโล ว่า “นำตะเกียงเข้าไปด้วยสิ เผื่อถังเบียร์เปล่าใบนี้จะถูกใจคุณ” จาเนลโล ทำเช่นนั้น และเขาก็พอใจควักเงินจ่าย 7 เหรียญฟลอริน ก่อนจะกลิ้งถังเบียร์เปล่าออกไปจากบ้านของ ปีโรเนลลา...!