คือ ค่าตัวของรถ เอมจี เซดเอส อีวี รถไฟฟ้า 100 % ที่เพิ่งเปิดตัวรับกระแสรักษ์โลก รักสิ่งแวดล้อมในประเทศไทย ใครจะไปเชื่อว่า รถครอสส์โอเวอร์ พลังไฟฟ้าคันนี้ จะกล้าหาญเปิดตัวด้วยราคา และพโรโมชันที่เย้ายวนใจ จนกลายเป็นทอล์ค ออฟ เธอะ ทาวน์ ภายในเวลาแค่คืนเดียว !ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ ช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา เราได้รับเชิญจาก บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด และบริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายรถยนต์ เอมจี ให้ร่วมเดินทางในทริพ SAIC MOTOR GLOBAL MEDIA TOUR 2019 เพื่อศึกษาดูงานของกลุ่ม SAIC MOTOR CORPORATION ในประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ครั้งนั้นบอกเลยว่า เรามีข้อมูลของกลุ่มผู้ผลิตรถในจีน ไม่มากนัก การไปร่วมงานนี้ เสมือนเปิดโลกกว้างให้เราได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ เพิ่มขึ้น และทำให้เราได้รู้จักกับ เอมจี อีเซดเอส (ชื่อที่ใช้ในเมืองจีนและทั่วโลก) หรือ เอมจี เซดเอส อีวี (ชื่อที่ใช้ในเมืองไทย) คือ รถไฟฟ้ารุ่นเดียวกัน แต่เรียกชื่อต่างกันตามเหตุผลทางการตลาดของแต่ละประเทศ นอกจากจะได้สัมผัสตัวจริงแล้ว เรายังได้ทดลองขับรถยี่ห้อและรุ่นต่างๆ ในกลุ่ม SAIC MOTOR CORPORATION ที่ถูกใจและเกินความคาดหมาย เราต้องยกความดีความชอบให้กับรถครอสส์โอเวอร์ไฟฟ้า 2 ยี่ห้อนี้ มาร์เวล เอกซ์ และเอมจี อีเซดเอส เป็นรถไฟฟ้าที่ขับดีมาก มีสมรรถนะโดดเด่น ไม่แพ้รถยนต์ปกติ ความโดดเด่นของ เอมจี เซดเอส อีวี มีหลากหลายประเด็นที่ต้องพูดถึง ประเด็นแรก คือ “ราคา” เป็นค่าตัวของรถไฟฟ้า ที่ไม่น่าเชื่อว่า จะคุ้มสุดคุ้มขนาดนี้ และมันเป็นราคาที่แจ้งเกิดได้ทันที แถมมาพร้อมแคมเปญสุดเร้าใจ สำหรับลูกค้า 1,000 คนแรก ฟรีประกันภัยชั้น 1 พร้อมชุดอุปกรณ์ชาร์จไฟในบ้าน หรือ MG HOME CHARGER ส่วนใครที่คิดว่ารถไฟฟ้าจะยุ่งยาก มีเงื่อนไขการรับประกันที่ต่างจากรถทั่วไป ผิดคาดครับ เพราะ เอมจี เขากล้ารับประกันคุณภาพถึง 4 ปี หรือ 120,000 กม. (มากกว่ารถยนต์ทั่วไปหลายยี่ห้อ) แถมยังรับประกันแบทเตอรีแบบไม่จำกัดระยะทางนาน 8 ปี ถือว่าเป็นพโรโมชันที่ดีงาม เร้าใจสุดๆ และเป็นเกมการตลาดที่เปิดตัวออกมาแล้ว ทำให้รถไฮบริด และรถไฟฟ้ายี่ห้ออื่นๆ ต้องหนาวๆ ร้อนๆ วูบวาบกันเป็นแถว หมากเกมนี้ ผมเชื่อว่า จะช่วยเพิ่มดีกรีความร้อนแรงของตลาดรถไฟฟ้าในเมืองไทยขึ้นมาทันที ประเด็นที่ 2 เรื่องของสมรรถนะ บอกเลยว่า ไม่เป็นรองรถประเภทอื่นๆ แน่นอน เพราะขุมพลังจากแบทเตอรีลิเธียม-ไอออน ความจุ 44.5 กิโลวัตต์ชั่วโมง มีระยะทางในการวิ่งถึง 337 กม. มากพอสำหรับคนที่ขับรถไป/กลับสถานที่ท่องเที่ยวใกล้ๆ เมืองกรุง ได้แบบสบายๆ ประเด็นที่ 3 รองรับการชาร์จไฟทั้งแบบ NORMAL CHARGE ใช้เวลาเพียง 6.5 ชม. และแบบ QUICK CHARGE ที่ 80 % ในเวลาเพียง 30 นาที และยังเชื่อมต่อสั่งการผ่านระบบ I-SMART ที่รองรับภาษาไทย พร้อมฟังค์ชันตรวจสอบสถานะแบทเตอรี รวมถึงการค้นหาสถานีชาร์จไฟฟ้าบนมือถือได้ด้วย และประเด็นสุดท้าย การซ่อมบำรุง เรื่องนี้คุยกันเป็นคุ้งเป็นแควบนโลกออนไลน์ว่า มันยุ่งยากอย่างโน้น ยุ่งยากอย่างนี้ บอกเลยครับว่า รถไฟฟ้ามีเรื่องการซ่อมบำรุงน้อยกว่ารถยนต์ปกติหลายเท่า...มันช่วยเรื่องความสะดวกสบาย และใช้งบประมาณในการดูแลน้อยมาก เมื่อเทียบกับรถยนต์ปกติ คราวนี้เราต้องคิดต่อว่า ถ้ารถไฟฟ้ามาเร็วขนาดนี้ แล้วอุตสาหกรรมรถยนต์ที่มีเครื่องยนต์ จะปรับตัวกันอย่างไร เพื่อให้ “อยู่รอด” ผมเชื่อว่าผู้บริโภคหลายคนเขาพร้อมที่จะรับเทคโนโลยีใหม่ๆ ของรถไฟฟ้าแล้วละ...