พิเศษ
มหกรรมยานยนต์เจนีวา 2020 งานแสดงรถยนต์รายการใหญ่ แพ้ภัยไวรัสตัวเล็ก ประกาศยกเลิกการจัด ก่อนวันเริ่มงานเพียง 4 วัน
มหกรรมยานยนต์เจนีวา ซึ่งมีขึ้นเป็นประจำทุกปี เป็นงานแสดงรถยนต์ระดับ “อินเตอร์” ที่ทีมงานของ “สื่อสากล” คุ้นเคยที่สุด เพราะยาวนานกว่า 30 ปีแล้วที่เราเดินทางไปเยือนงานนี้เป็นประจำไม่เคยขาด ปีนี้ก็เช่นกัน เราเตรียมการด้านตั๋วเครื่องบิน และโรงแรมที่พักไว้เรียบร้อยแล้วตั้งแต่ก่อนวันเริ่มปีใหม่ ครั้งนี้คณะทำงาน และผู้สมทบจะมีอยู่รวม 7 ชีวิต ที่พิเศษกว่าทุกปีก็คือ เรากำหนดแผนไว้ว่า หลังเสร็จงานที่เจนีวา ทั้งคณะจะเดินทางไปสัมผัสน้ำทะเลที่เมืองนีศ (NICE) ของฝรั่งเศสด้วย การเดินทางจากเจนีวาไปเมืองนี้ทำได้ง่ายมาก คือ ด้วยยานพาหนะติดปีกของสายการบินสวิสส์แอร์ (SWISS AIR) ซึ่งใช้เวลาเพียงชั่วโมงเศษ และค่าโดยสารไม่ถึง 3,000 บาทหลังวันเริ่มปีใหม่ ปัญหาไวรัสตัวร้ายทำให้ต้องตั้งคำถามว่า ปีนี้สมควรเดินทางไปเยือนเมืองนาฬิกาหรือไม่ ? เราปล่อยให้เวลาล่วงเลยไปเรื่อยๆ จนถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์นั่นแหละจึงมีการตัดสินใจครั้งแรก ว่าจะยังเดินทางตามกำหนดการเดิมแต่จะไม่ไปฝรั่งเศส คือ จะอยู่แต่ในสวิทเซอร์แลนด์ อย่างไรก็ตาม ข่าวคราวเกี่ยวกับการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของไวรัสในยุโรป โดยเฉพาะในภาคเหนือของอิตาลี ซึ่งมีพรมแดนติดต่อกับภาคใต้ของสวิทเซอร์แลนด์ ทำให้หัวหน้าทีมของเรา คือ คุณขวัญชัย ผู้มีชื่อเล่นว่า ขวัญ แต่ตัวจริงไม่เปี๊ยก ต้องตัดสินใจอีกครั้งตอนปลายเดือนกุมภาพันธ์ คือ ก่อนวันเริ่มงานไม่ถึงสัปดาห์ ให้ยกเลิกการเดินทางทั้งหมด นับเป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาด และเหมือนรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า เพราะ 2-3 วันหลังจากนั้น คือ ในวันศุกร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ นั่นเอง ผู้จัดงานก็ประกาศยกเลิกการจัดงานครั้งนี้อย่างเป็นทางการ ตามนโยบายของรัฐบาลสวิสส์ ซึ่งให้ระงับการจัดงานทุกรายการที่มีผู้ร่วมงานมากกว่า 1,000 คน ในคำประกาศล้มเลิกงานที่ว่านี้ มีส่วนหนึ่งที่ระบุไว้อย่างน่าฟังว่า “เราเศร้าเสียใจกับสถานการณ์นี้ แต่สุขภาพความปลอดภัยของผู้ชมงาน คือ สิ่งที่เรา และผู้ร่วมงานของเราทุกราย ถือเป็นความสำคัญอันดับแรก” เสียหายกันถ้วนหน้า ขนาดรายเล็กรายย่อยอย่าง “สื่อสากล” ยังสูญเงินไปหลายแสนบาท เพราะค่าเครื่องบินเรียกคืนได้เพียงบางส่วน และเป็นส่วนน้อย ค่าโรงแรมบางแห่งแจ้งยกเลิกได้ แต่บางแห่งต้องจ่ายเต็มแม้ไม่ได้พัก ที่หนักหนาสาหัส คือ ผู้จัดงานและผู้ร่วมงาน ไม่มีตัวเลขชัดเจนว่ามูลค่าความเสียหายโดยรวมสูงขนาดไหน ? ได้ข้อมูลบางส่วนจากนิตยสารรถยนต์ AUTOCAR ของอังกฤษว่า ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่รายหนึ่งซึ่งไม่ยอมให้เปิดเผยชื่อ ลงทุนกับงานนี้ 6 ล้านยูโร (ประมาณ 200 ล้านบาทไทย) และได้เงินชดเชยจากผู้จัดนิดเดียว เมื่อไม่มีงานแล้วจะทำข่าวงานได้ยังไง ? คำตอบก็คือ ก่อนการจัดงานผู้ผลิตรถยนต์แทบทุกรายล้วนบอกกล่าวกันก่อนแล้ว ว่าจะนำรถอะไรบ้างออกอวดตัวในงาน นอกจากนั้นเมื่อต้องล้มเลิกงาน ผู้จัดงาน และผู้ผลิตรถยนต์หลายรายก็คิดหาวิธีแก้เกม โดยการเปิดตัวรถเหล่านั้น ณ ที่ทำการของบริษัท หรือโดยผ่านระบบออนไลน์ด้วยระบบเสมือนจริง อย่างที่เรียกกันในภาษาฝรั่งว่า VIRTUAL PRESENTATION รายงานข่าว มหกรรมยานยนต์เจนีวา ครั้งนี้ จึงเป็นการเล่าสู่กันฟังว่า จะได้สัมผัสรถอะไรกันบ้าง ? กรณีงานเป็นไปตามกำหนด
RINSPEED METROSNAP
เริ่มรายงานมหกรรมยานยนต์เจนีวาครั้งพิเศษด้วย รินสปีด เมทโรสแนพ (RINSPEED METROSNAP) ผลงานใหม่ของค่าย รินสปีด (RINSPEED) ผู้ชำนาญการด้านรถแนวคิดของเมืองนาฬิกา ซึ่งมีถิ่นฐานที่ทำการอยู่ในเมืองซูริค (ZURICH) และเป็นขาประจำของมหกรรมยานยนต์รายการนี้ เพิ่งปรากฏตัวแบบ WORLD PREMIERE หรือ “ครั้งแรกในโลก” ที่งาน CES (CONSUMER ELECTRONIC SHOW) หรือมหกรรมสินค้าอีเลคทรอนิคเพื่อผู้บริโภค ซึ่งมีขึ้นที่เมืองลาสเวกัส ในสหรัฐอเมริกา เมื่อต้นเดือนมกราคม 2020 และมีกำหนดฉายซ้ำสองที่งานนี้ เป็นรถแนวคิดในรูปลักษณ์ของรถใช้งานในเขตเมืองไร้ผู้ขับ ที่เป็นได้ทั้งรถโดยสาร รถจำหน่ายสินค้า และรถรับ/ส่งขนย้ายสิ่งของ ตัวถังทรงกล่องเดียว ขนาด 3.699x1.764x1.800 ม. ซึ่งเป็นผลลัพธ์ของการออกแบบอย่างที่เรียกกันในภาษาอังกฤษว่า MODULAR SYSTEM แยกเป็น 2 ส่วนหลัก คือ ส่วนล่างซึ่งเรียกชื่อในภาษาอังกฤษว่า SKATEBOARD มีน้ำหนักตัว 690 กก. ทำหน้าที่เป็นส่วนขับเคลื่อน ติดตั้งระบบขับด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ ที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าซึ่งให้แรงบิดสูงสุด 57 นิวตัน-เมตร/5.8 กก.-ม. ทำงานร่วมกันกับแบทเตอรีลิเธียม-ไอออน (LITHIUM-ION) ขนาด 12.2 กิโลวัตต์ชั่วโมง กับส่วนบนซึ่งเรียกชื่อในภาษาอังกฤษว่า POD เป็นส่วนตัวถัง ซึ่งเมื่อออกแบบเพื่อบรรทุกผู้โดยสารรวม 6 คน และติดตั้งเก้าอี้ที่นั่งแบบเดียวกันกับที่นั่งในเครื่องบินโดยสาร โบอิง 737 (BOEING 737) เหมือนที่เห็นในภาพใหญ่ ก็จะมีน้ำหนักตัว 500 กก. แต่เมื่อออกแบบเป็นรถบรรทุกสินค้าน้ำหนักตัวจะเพิ่มขึ้นเป็น 580 กก. การประกอบส่วนตัวถัง และส่วนขับเคลื่อนเข้าด้วยกัน ผู้รังสรรค์ยืนยันว่า ทำได้อย่างรวดเร็วประดุจการขับรถแข่งเข้าไปเปลี่ยนยางในพิท เป็นรถที่วิ่งได้เร็ว 85 กม./ชม. และชาร์จไฟแบทเตอรีแต่ละครั้งจะวิ่งได้ไกลประมาณ 130 กม.AUDI E-TRON SPORTBACK
เปิดตัวผ่านสื่อต่างๆ พร้อมเริ่มรับการสั่งจองเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายนของปีหมูทองน่องลีบ และค่าย “สี่ห่วง” ตั้งใจจะนำออกงานเป็นครั้งแรกที่งานนี้ คือ รถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ขนาดกลางติดป้ายชื่อ เอาดี อี-ทรอน สปอร์ทแบค (AUDI E-TRON SPORTBACK) รถขับเคลื่อนด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ แบบที่ 2 ของค่ายนี้ ตัวถังขนาด 4.901x1.935x1.618 ม. ซึ่งตั้งใจออกแบบให้นั่งได้รวม 5 คน และมีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศที่ต่ำเพียง 0.25 ไม่ใช่ผลงานที่ออกแบบขึ้นใหม่ทั้งหมด แต่เป็นการนำตัวถังของรถพลังไฟฟ้าแบบแรกที่เริ่มจำหน่ายเมื่อปลายปี 2018 คือ เอาดี อี-ทรอน (AUDI E-TRON) มาปรับเปลี่ยนส่วนท้ายให้มีรูปลักษณ์เหมือนรถคูเป ในระยะแรกจะมีรถให้เลือกเพียง 2 โมเดล คือ AUDI E-TRON SPORTBACK 50 QUATTRO (230 กิโลวัตต์/313 แรงม้า) และ AUDI E-TRON SPORTBACK 55 QUATTRO (265 กิโลวัตต์/360 แรงม้า)PORSCHE MACAN GTS
รถใหม่อีกแบบหนึ่งที่ค่าย โพร์เช ตั้งใจจะเปิดโอกาสให้ผู้คนได้สัมผัสตัวจริงเสียงไม่จริงเป็นครั้งแรกที่งานนี้ คือ รถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ขนาดเล็กกะทัดรัดติดป้ายชื่อ โพร์เช มาคัน จีทีเอส (PORSCHE MACAN GTS) รถโมเดลใหม่เพิ่มเติมจากเดิมซึ่งมีอยู่แล้ว 3 โมเดล คือ PORSCHE MACAN (180 กิโลวัตต์/245 แรงม้า) PORSCHE MACAN S (260 กิโลวัตต์/354 แรงม้า) และ PORSCHE MACAN TURBO (324 กิโลวัตต์/440 แรงม้า) รถโมเดลล่าสุดซึ่งค่าตัวรวมภาษีในเยอรมนีเริ่มต้นที่ 77,880 ยูโร หรือประมาณ 2.73 ล้านบาทไทยนี้ ติดตั้งเครื่องยนต์ไบ-เทอร์โบเบนซินฉีดตรง วี 6 สูบ 2,894 ซีซี 280 กิโลวัตต์/380 แรงม้า ส่งกำลังสู่ล้อคู่หน้า/คู่หลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 7 จังหวะ PDK สมรรถนะความเร็วตามตัวเลขของผู้ผลิต อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ใน 4.9 วินาที อัตราเร่ง 0-200 กม./ชม. ทำได้ใน 19.5 วินาที ความเร็วสูงสุด 261 กม./ชม.MERCEDES-AMG GLA 45 4MATIC+
เปิดตัวผ่านสื่อต่างๆ เมื่อวันพุธที่ 26 กุมภาพันธ์ 2020 และค่าย “ดาวสามแฉก” ตั้งใจจะเปิดโอกาสให้ผู้คนได้สัมผัสตัวจริงเสียงไม่จริงแบบ “ครั้งแรกในโลก” ที่งานนี้ คือ รถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ขนาดเล็กแต่แรงสุดๆ และเร็วสุดๆ ที่เห็นได้ในภาพขวามือ เป็นหัวกะทิของรถ เมร์เซเดส-เบนซ์ จีแอลเอ (MERCEDES-BENZ GLA) รุ่นใหม่ ซึ่งเป็นรถรุ่นที่ 2 และเพิ่งเปิดตัวเมื่อกลางเดือนพฤศจิกายน 2019 นี่เอง จะมีรถให้เลือก 2 โมเดล คือ MERCEDES-AMG GLA 45 4MATIC+ กับ MERCEDES-AMG GLA 45 S 4MATIC+ ทั้ง 2 โมเดลติดตั้งเครื่องยนต์ 4 สูบที่ทรงพลังที่สุดของค่ายนี้ กล่าวคือ โมเดลแรกซึ่งจำกัดความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. ติดตั้งเครื่องเทอร์โบเบนซินฉีดตรง DOHC 4 สูบเรียง 1,991 ซีซี 285 กิโลวัตต์/387 แรงม้า ส่วนโมเดลหลังซึ่งจำกัดความเร็วสูงสุด 270 กม./ชม. ติดตั้งเครื่องยนต์บลอคเดียวกัน แต่ปรับแต่งจนได้กำลัง 310 กิโลวัตต์/421 แรงม้าMERCEDES-BENZ GLA 250 E
รถไฮบริดชนิดต้องมีการเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟแบทเตอรีอีกโมเดลหนึ่งที่ค่าย “ดาวสามแฉก” ตั้งใจใช้งานนี้เป็นที่เปิดตัว คือ รถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ขนาดเล็กกว่าเล็กกะทัดรัดติดป้ายชื่อ เมร์เซเดส-เบนซ์ จีแอลเอ 250 อี (MERCEDES-BENZ GLA 250 E) ซึ่งก็ต้องรอจนถึงฤดูใบไม้ผลิของปีหนูทองร้องไล่ลุงนี้จึงจะเริ่มการจำหน่ายในเมืองเบียร์ เช่นเดียวกับรถอีก 2 โมเดลที่เพิ่งผ่านตาไป รถโมเดลนี้ติดตั้งระบบขับล้อหน้าซึ่งใช้เครื่องยนต์เทอร์โบเบนซินฉีดตรง DOHC 4 สูบเรียง 1,332 ซีซี 118 กิโลวัตต์/160 แรงม้า ทำงานร่วมกันกับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 75 กิโลวัตต์/102 แรงม้า และแบทเตอรีลิเธียม-ไอออน ขนาดประมาณ 15.6 กิโลวัตต์ชั่วโมง ได้กำลังสุทธิสูงสุด 160 กิโลวัตต์/218 แรงม้า และส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 8 จังหวะ สามารถทำความเร็วสูงสุด 220 กม./ชม. และวิ่งด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ ได้ไกล 53-61 กม. เมื่อวัดตามมาตรฐาน WLTPVOLKSWAGEN TOUAREG R
มีกำหนดปรากฏตัวแบบ “ครั้งแรกในโลก” ที่งานนี้เช่นกัน คือ โฟล์คสวาเกน ตูอเรก อาร์ (VOLKSWAGEN TOUAREG R) รถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ขนาดใหญ่ที่สุด แรงที่สุด และเร็วที่สุด ของยักษ์ใหญ่เมืองเบียร์ รวมทั้งเป็นรถแรงรหัส R แบบแรกในประวัติศาสตร์ของค่ายนี้ที่ติดตั้งระบบขับ PLUG-IN HYBRID หรือไฮบริดชนิดต้องมีการเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟแบทเตอรี เป็นระบบเคลื่อนทุกล้อ (4MOTION) ที่ใช้เครื่องยนต์เทอร์โบเบนซินฉีดตรง DOHC วี 6 สูบ 2,995 ซีซี 250 กิโลวัตต์/340 แรงม้า ทำงานร่วมกันกับมอเตอร์ไฟฟ้า 100 กิโลวัตต์/136 แรงม้า แบทเตอรีลิเธียม-ไอออน ขนาด 14.1 กิโลวัตต์ชั่วโมง และระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ TIPTRONIC ได้กำลังสุทธิสูงสุดที่สูงถึง 340 กิโลวัตต์/462 แรงม้า สามารถทำความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. และวิ่งด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ ได้เร็ว 140 กม./ชม. ยังไม่ใช่รถตลาดแต่เป็นรถแนวคิดที่ใกล้จะเป็นรถตลาดเช่นกันVOLKSWAGEN SUV ID.4
ผลงานใหม่อีกชิ้นหนึ่งที่ยักษ์ใหญ่เมืองเบียร์ตั้งใจจะนำออกแสดงแบบ “ครั้งแรกในโลก” ที่งานนี้เช่นกัน คือ โฟล์คสวาเกน เอสยูวี ไอดี.4 (VOLKSWAGEN SUV ID.4) รถแนวคิดซึ่งใกล้จะเป็นรถตลาดอีกแบบหนึ่งของค่ายนี้ เป็นต้นแบบของ ALL-ELECTRIC CROSSOVER SUV หรือรถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์พลังไฟฟ้าล้วนๆ ที่มีกำหนดออกตลาดก่อนสิ้นปีหนูทองร้องหาวัคซีน ขณะรายงานข่าวนี้ยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลทางเทคนิคที่ชัดเจน บอกแต่เพียงว่า เป็นรถแบบที่ 2 ของค่ายที่ไม่มีการติดตั้งเครื่องยนต์ใดๆ จะมีจำหน่ายทั้งในทวีปยุโรป สหรัฐอเมริกา และสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยติดป้ายชื่อ โฟล์ค- สวาเกน ไอดี.4 (VOLKSWAGEN ID.4) เป็นรถขับเคลื่อนล้อหน้าขนาดเล็กกะทัดรัด ติดตั้งแบทเตอรีแรงดันสูงไว้ตรงกลางใต้พื้นรถ ทำให้รถมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำและทรงตัวดี การชาร์จไฟแบทเตอรีนี้แต่ละครั้งรถจะวิ่งได้ไกลถึง 500 กม.DS AERO SPORT LOUNGE
รถแนวคิดที่ค่าย เดแอส (DS) ประกาศว่าจะนำออกแสดงแบบ “ครั้งแรกในโลก” ที่งานนี้ คือ เดแอส แอโร สปอร์ท เลาน์จ์ (DS AERO SPORT LOUNGE) ที่เห็นใน 3 ภาพล่าง เป็นรถแนวคิดในรูปลักษณ์ของรถกิจกรรมกลางแจ้งยาว 5.00 ม. ที่ตัวถังส่วนท้ายมีรูปลักษณ์เหมือนรถคูเป ติดตั้งระบบขับด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ ซึ่งออกแบบ/พัฒนาด้วยเทคโนโลยีที่ค่ายนี้ใช้มาก่อนแล้วในรถแข่งที่นั่งเดี่ยวพลังไฟฟ้า FORMULA E เป็นระบบที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 500 กิโลวัตต์/680 แรงม้า ทำงานร่วมกันกับแบทเตอรีขนาด 110 กิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่งติดตั้งอยู่กับพื้นรถ การประจุไฟเต็มแต่ละครั้งรถจะวิ่งได้ไกลกว่า 650 กม. นับเป็นรถเอสยูวียุคอนาคตที่แรงสุดๆ และเร็วสุดๆ อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ในเวลาแค่ 2.8 วินาที ที่น่าสนใจไม่แพ้ระบบขับแต่ไม่มีเนื้อที่เพียงพอสำหรับคำอธิบาย คือ การลดพื้นที่ของแผงหน้าปัดอุปกรณ์โดยใช้ระบบควบคุมอัจฉริยะด้วยเสียงพูดRENAULT MORPHOZ
เรอโนลต์ (RENAULT) ยักษ์ใหญ่ของเมืองน้ำหอมเป็นผู้ผลิตรถยนต์อีกรายหนึ่ง ซึ่งตั้งใจยกกองทัพรถใหม่ออกแสดง “ครั้งแรกในโลก” ที่งานนี้ แถมบอกด้วยว่าจะมีทั้งรถตลาด และรถแนวคิด รถแนวคิดซึ่งมีอยู่เพียงคันเดียว คือ เรอโนลต์ โมร์โฟซ (RENAULT MORPHOZ) ที่เห็นทั้งในภาพใหญ่ และภาพเล็กซ้ายมือ เป็นรถแนวคิดในรูปลักษณ์ของรถพลังไฟฟ้าคันเดียวที่เป็นได้ทั้งรถเพื่อการใช้งานในเมือง และรถเดินทางไกล รวมทั้งเป็นแม่แบบของรถกิจกรรมกลางแจ้งพลังไฟฟ้าล้วนๆ อนุกรมใหม่ ที่อีกไม่นานจนเกินรอค่ายนี้จะนำออกสู่ตลาด ตัวถังขนาด 4.000x2.000x1.550 ม. ที่หน้าตา และรูปทรงไม่คล้ายคลึงกันเลยกับรถแบบใดๆ ที่มีขายขณะนี้ มีคุณลักษณะพิเศษ และพิสดาร ซึ่งก็ไม่เหมือนกันเลยกับยานพาหนะติดล้อคันใดในโลกใบนี้ คือ ตัวถังซึ่งออกแบบด้วยเทคโนโลยีการออกแบบปีกเครื่องบิน สามารถยืดความยาวจาก 4.000 เป็น 4.800 ม. ได้เมื่อต้องการRENAULT CLIO E-TECH/RENAULT CAPTURE E-TECH PLUG-IN/RENAULT MEGANE E-TECH PLUG-IN
ยักษ์ใหญ่เมืองน้ำหอมตั้งใจนำรถไฮบริดรหัส E-TECH ออกอวดตัวแบบ “ครั้งแรกในโลก” พร้อมกันทั้ง 3 อนุกรม คือ รถเก๋งแฮทช์แบคขนาดเล็กกว่าเล็กกะทัดรัด เรอโนลต์ กลีโอ (RENAULT CLIO) รถกิจกรรมกลางแจ้งขนาดเล็กกว่าเล็กกะทัดรัด เรอโนลต์ กัปตือร์ (RENAULT CAPTUR) และรถเก๋งแฮทช์แบคขนาดกะทัดรัด เรอโนลต์ เมกาน (RENAULT MEGANE) ภาพใหญ่คันกลาง คือ เรอโนลต์ กัปตือร์ อี-เทค พลัก-อิน (RENAULT CAPTUR E-TECH PLUG-IN) ติดตั้งระบบขับไฮบริดชนิดต้องเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟแบทเตอรี ซึ่งใช้เครื่องยนต์เบนซินทำงานร่วมกันกับมอเตอร์ไฟฟ้า และแบทเตอรีขนาด 9.8 กิโลวัตต์ชั่วโมง ได้กำลังสุทธิสูงสุด 118 กิโลวัตต์/160 แรงม้า เมื่อวิ่งด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ จะวิ่งได้ไกล 50 กม. (WLTP) และทำความเร็วสูงสุด 135 กม./ชม.ABOUT THE AUTHOR
ช
ชูศักดิ์ ชมจินดา
ภาพโดย : ชูศักดิ์ ชมจินดา ผู้จัดงาน และบริษัทผู้ผลิตนิตยสาร 417 ฉบับเดือน มิถุนายน ปี 2563
คอลัมน์ Online : พิเศษ(4wheels)
คำค้นหา