สัมภาษณ์พิเศษ(formula)
ปิยะเทพ ศิวากาศ ผู้จัดการทั่วไป MASERATI ประเทศไทย
รถยนต์จากค่าย "ตรีศูล" ในตลาดบ้านเราได้รับการตอบรับดีพอสมควร “ฟอร์มูลา” สัมภาษณ์พิเศษ ปิยะเทพ ศิวากาศ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท โมเดน่า มอเตอร์เวอร์ค จำกัด ในนาม MASERATI ประเทศไทย ภายใต้ บริษัท มาสเตอร์ กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (MGC-ASIA)ฟอร์มูลา : คุณวางนโยบายของ MASERATI ประเทศไทย ไว้อย่างไร ? ปิยะเทพ : MASERATI ประเทศไทย เปิดดำเนินการเป็นปีที่ 4 แล้ว ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ตลอดเวลา โดยปัจจุบันได้นำรถเข้ามาจำหน่ายในตลาดเมืองไทยครบทุกรุ่นแล้ว ไม่ว่าจะเป็น GRAN TURISMO (กัน ตูริสโม) QUATTROPORTE (กวัตตโรโปร์เต) GHIBLI (กีบลี) และ LEVANTE (เลวันเต) ซึ่งช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ในต่างประเทศไม่ได้มีการแนะนำรถรุ่นใหม่ เพราะเป็นช่วงรอยต่อของผลิตภัณฑ์ แต่ในประเทศไทยก็มียอดขายเติบโตอย่างน่าพอใจ โดยเฉพาะในปี 2562 เติบโตเพิ่มขึ้นจากปี 2561 ถึง 100 % แสดงให้เห็นว่า MASERATI (มาเซราตี) ได้รับการต้อนรับจากคนไทย และทำให้เราได้รับการชื่นชมจากบริษัทแม่ที่ทำตลาดได้ดี ฟอร์มูลา : อะไรทำให้ MASERATI ประสบความสำเร็จในเมืองไทย ? ปิยะเทพ : MASERATI เป็นรถยนต์ที่มีตำนานเก่าแก่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2457 ผลิตขึ้นโดยครอบครัว MASERATI กวาดรางวัลมากมายในการแข่งขัน ซึ่งถือเป็นจุดเด่น และซิกเนเจอร์ของบแรนด์ และอีก 2 จุดเด่นของรถ MASERATI ที่แตกต่างจากรถยนต์บแรนด์อื่น คือ เสียงของเครื่องยนต์จากปลายท่อ และเครื่องหนังที่เป็นแฟชัน และศิลปะของชาวอิตาเลียน ส่วนในประเทศไทย ผมเชื่อว่าสิ่งที่ทำให้ MASERATI ประสบความสำเร็จเกิดขึ้นจาก 2 ปัจจัยหลัก คือ 1. ความเชื่อมั่นของลูกค้า และลักษณะพิเศษของ MASERATI โดยหลังจากที่ MGC-ASIA เข้ามาทำตลาด MASERATI ในประเทศไทย บริษัทฯ ได้ให้ความเชื่อมั่นแก่ลูกค้าในเรื่องศูนย์บริการ เราลงทุนด้วยอุปกรณ์ และเครื่องมือพิเศษ รวมถึงมีการสำรองอะไหล่ให้เพียงพอกับปริมาณของรถ ส่วนอะไหล่อื่นๆ บริษัทฯ จะขนส่งทางอากาศเพื่อย่นระยะเวลาให้สั้นที่สุด ด้วยระบบ MODISC รถทุกคันมีการระบุหมายเลขตัวถัง ที่แสดงว่าซื้อจากผู้นำเข้า และจัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการเท่านั้น เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพรถ และความปลอดภัย โดยเฉพาะการทำ TECHNICAL UPGRADE ซึ่งจะมีเวอร์ชันใหม่ๆ ออกมาเป็นระยะ และลูกค้าที่ซื้อผ่านตัวแทนจำหน่ายอย่างถูกต้องจะได้รับ การรับประกัน 3 ปี ไม่จำกัดระยะทาง และฟรีค่าบำรุงรักษาตลอด 3 ปี หรือ 60,000 กม. 2. MASERATI เป็นรถยนต์ที่มีคาแรคเตอร์พิเศษจากอิตาลี ซึ่งขึ้นชื่อเรื่อง ซูเพอร์คาร์ โดย MASERATI เป็นรถที่เกิดจากสนามแข่ง ไม่ได้เกิดจากการผลิตแบบรถปกติ เมื่อลูกค้าได้สัมผัสแล้วจะรู้สึกว่า MASERATI ไม่เหมือนระดับพรีเมียมบแรนด์อื่น ทำให้มีความภาคภูมิใจ และสนุกกับการขับขี่ ซึ่ง 2 อย่างนี้ ทำให้ลูกค้ามีความมั่นใจในบแรนด์ MASERATI เพิ่มขึ้น ฟอร์มูลา : MASERATI มีโชว์รูมพร้อมศูนย์บริการกี่แห่ง ? ปิยะเทพ : ปัจจุบันมีโชว์รูม 3 แห่ง ที่สุขุมวิท 26, พารากอน และไอคอนสยาม ส่วนศูนย์บริการมีเพียงแห่งเดียวที่สุขุมวิท 26 เป็นจุดรับบริการลูกค้า ที่เพียงพอแก่ความต้องการของลูกค้าทั่วประเทศ นอกจากนี้ ยังมีบริการพิเศษ พรีเมียม โมบิลิที เซอร์วิศ ไม่ว่าลูกค้าจะเกิดปัญหาที่ใดทั่วประเทศ บริษัทฯ จะจัดรถสไลด์ไปรับรถมาที่ศูนย์บริการ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ลูกค้าของ MASERAT 70 % จะอยู่ในเขตกรุงเทพฯ และ 30 % จะอยู่ต่างจังหวัด บริษัทฯ จึงยังไม่มีแผนที่จะขยายโชว์รูม และศูนย์บริการเพิ่มในขณะนี้ ฟอร์มูลา : ลูกค้าให้ความสนใจรถยนต์ MASERAT รุ่นใดมากที่สุด ? ปิยะเทพ : ลูกค้าให้ความสนใจ LEVANTE มากที่สุด ซึ่งปัจจุบันยอดขายของ MASERATI 60 % จะเป็นรุ่นนี้ รองลงมา คือ GHIBLI, QUATTROPORTE และ GRAN TURISMO ตามลำดับ ฟอร์มูลา : ปีนี้จะแนะนำรถรุ่นใหม่หรือไม่ ? ปิยะเทพ : ในต่างประเทศ ปีนี้เป็นปีที่ของ MASERATI พัฒนาสินค้าใหม่ออกสู่ตลาดมากเป็นพิเศษ มีรถ GHIBLI HYBRID (กีบลี ไฮบริด) ที่มีสมรรถนะ และพละกำลังที่มากขึ้น นอกจากนี้ MASERATI ยังผลิตรถเซกเมนท์เดียวกับซูเพอร์คาร์ คือ MC 20 (เอมซี 20) ซึ่งเป็นรถรุ่นล่าสุดที่หลายคนรอคอย โดยใช้เครื่องยนต์ วี 6 ที่ให้กำลังสูงถึง 630 แรงม้า ผ่านการพัฒนาจาก MASERATI INNOVATION LAB ประกอบที่โรงงาน VIALE CIRO MENOTTI คาดว่าจะนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยช่วงปลายปีนี้ ฟอร์มูลา : กลยุทธ์ที่ใช้แข่งขันในตลาด ? ปิยะเทพ : ความแตกต่างของผลิตภัณฑ์ หากมองในตลาดรถยนต์เมืองไทย ในอดีตรถกลุ่มลักชัวรีบแรนด์ยังไม่ค่อยมีตัวเลือกในตลาดมากนัก ปัจจุบัน MASERATI ถือเป็นทางเลือกให้ลูกค้า และด้วยความมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทำให้ MASERATI จับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการมีบุคลิกพิเศษไม่เหมือนใคร อย่างไรก็ตาม จุดนี้ถือเป็นแค่จุดเริ่มต้นของ MASERATI เพราะบริษัทฯ ยังต้องการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นสร้างความเชื่อมั่น สร้างการรับรู้ รวมถึงการโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้ บแรนด์ MASERATI เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังต้องหาผลิตภัณฑ์เข้ามาเสริมตลาดให้มีความโดดเด่น และตอบสนองกลุ่มลูกค้าได้กว้างขวางเหมือนกับเจ้าตลาดในปัจจุบัน โดยจุดนี้ บริษัทแม่ได้วางแผนในเรื่องผลิตภัณฑ์ไว้แล้ว นอกจากนี้ ในช่วง COVID-19 ลูกค้ามีอัตราส่วนการเข้าเยี่ยมโชว์รูมน้อยลง โดยเฉพาะที่พารากอน และไอคอนสยาม ที่ปิดให้บริการ แต่ส่งผลให้มีลูกค้าเข้ามาเยี่ยมชมผลิตภัณฑ์ที๋โชว์รูมสุขุมวิท 26 มากยิ่งขึ้น อีกทั้งบริษัทฯ ยังได้จัดพโรแกรม ONE ON ONE โดยเชิญลูกค้าเข้ามาเป็นครอบครัว แล้วทำพรีเซนท์ให้ลูกค้ารู้จักรถยนต์ MASERATI ในทุกมุมอย่างละเอียด ซึ่งได้รับการตอบรับดีมาก ปกติผู้บริโภคจะไม่นิยมเข้ามาเยี่ยมโชว์รูม แต่ในช่วง COVID-19 ที่ทำแคมเปญนี้ ลูกค้าเข้าเยี่ยมโชว์รูมเพิ่มขึ้นกว่า 200 % เมื่อเทียบกับสภาวะปกติ ฟอร์มูลา : ปัจจุบัน รถยนต์ MASERATI ในประเทศไทยมีมากน้อยเพียงใด? ปิยะเทพ : MASERATI ในประเทศไทย น่าจะมีอยู่ประมาณ 400 คัน แต่ที่เข้ามาใช้บริการกับบริษัทฯ เป็นรถตั้งแต่ประมาณปี 2558 ขึ้นไปที่เหลือไม่ได้เข้ามาใช้บริการกับบริษัทฯ อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้พยายามสะท้อนเสียงภาพโดยรวมของลูกค้าออกมาทั้งเรื่องของ การบริการ อะไหล่ และราคารถมือสอง โดยเฉพาะเรื่องรถมือสองลูกค้าพึงพอใจอย่างมาก ลูกค้าที่นำรถมาทเรดกับบริษัทฯ จะได้ราคาสูงกว่าราคาเฉลี่ยของตลาด และลูกค้าที่ซื้อรถมือสองจากบริษัทฯ จะได้รับการรับประกัน 2 ปี ไม่จำกัดระยะทางอีกด้วย ฟอร์มูลา : เป้าหมายใน 3-5 ปี ? ปิยะเทพ : บริษัทฯ แม่จะทยอยเปิดตัวรถรุ่นใหม่ ครอบคลุมหลายเซกเมนท์ เช่น C20, GRAN TOURISMO เครื่องยนต์วางหน้า รถสปอร์ท 2 ประตู เอสยูวี เล็กกว่า LEVANTE ปัจจุบัน ซึ่งจะทำให้อีก 3-5 ปี MASERATI เติบโตอย่างแน่นอน บวกกับเทคโนโลยีไฟฟ้า เครื่องยนต์ไฮบริด หรือเครื่องยนต์ไฟฟ้า 100 % ลูกค้าจะเกิดความเชื่อมั่นในบแรนด์ MASERATI มากยิ่งขึ้น ฟอร์มูลา : มีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับยานยนต์ไฟฟ้า ? ปิยะเทพ : ปัจจัยสำคัญ คือ สถานีชาร์จ หากรัฐบาลส่งเสริมการติดตั้งสถานีชาร์จในอัตราที่พอเพียงกับปริมาณประชากรรถไฟฟ้า แน่นอน ทุกคนจะหันมาใช้รถไฟฟ้า เพราะรถไฟฟ้าจะส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อม มีสมรรถนะโดดเด่น กว่าบำรุงรักษาต่ำ แทบจะมองไม่เห็นข้อเสียเลย สำหรับ MASERATI รถที่มีจำหน่ายในตลาดขณะนี้ยังเป็นรถไฮบริด ซึ่งไม่จำเป็นที่ต้องใช้สถานีชาร์จ ฟอร์มูลา : ตั้งเป้ายอดขายไว้อย่างไร ? ปิยะเทพ : เป้าหมายที่บริษัทฯ ตั้งไว้ก่อนที่จะมีวิกฤต COVID-19 คือ เติบโตเพิ่มขึ้น 20 % แต่หลังจากเกิดวิกฤต คาดว่ายอดขายคงไม่เติบโต โดยจะพยายามรักษายอดขายให้ได้เท่าเดิม ซึ่งขณะนี้ก็ดีมียอดส่งมอบใกล้เคียงกับปีที่แล้ว เพราะถึงแม้ส่วนอุตสาหกรรมยานยนต์จะมีอัตราเติบโตลดลงจากวิกฤตในครั้งนี้ แต่เซกเมนท์ที่ได้รับผลกระทบจะเป็นกลุ่มแมสส์ ส่วนกลุ่มลักชัวรี ไม่ค่อยได้รับผลกระทบมากนัก และยังมีการเติบโตเพิ่มขึ้นอีกด้วย ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันได้ว่า ลูกค้าตลาดบนยังมีกำลังซื้ออยู่ สถานการณ์หลังจากนี้ต้องพยายามดึงความเชื่อมั่นให้กลับมา รวมถึงพยายามป้องกันไม่ให้เกิดการระบาดระลอกใหม่ พร้อมทั้งกระตุ้นการซื้อ ขยายฐานไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่อายุระหว่าง 30-50 ปี ที่เริ่มมีกำลังซื้อสูง เป็นกลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จ และต้องการความแตกต่าง
ABOUT THE AUTHOR
นุสรา เงินเจริญ
ภาพโดย : จินดา ลัยนันท์นิตยสาร 399 ฉบับเดือน พฤศจิกายน ปี 2563
คอลัมน์ Online : สัมภาษณ์พิเศษ(formula)