เรื่องเด่นจาก GADGET/HOW IT WORKS
เส้นทางสู่ยานยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ แบทเตอรีไฟฟ้า พลิกโฉมการขับขี่รถยนต์ไปตลอดกาล
รู้หรือไม่ ? การขับเคลื่อนของรถยนต์ไฟฟ้านั้นเงียบสนิท จนผู้ผลิตต้องประดิษฐ์เสียงเครื่องยนต์จำลอง เพื่อความปลอดภัยของผู้ร่วมใช้เส้นทาง
รถยนต์นั้นอยู่คู่กับเรามาตั้งแต่สมัยปี 1800 และได้มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง จากรถรุ่นคุณปู่ในยุคแรกๆ ที่แค่พาเราเคลื่อนที่จากจุด A ไปที่จุด B ได้ก็นับเป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่แล้ว นับมาจนถึงรถยนต์รุ่นปัจจุบัน ที่เน้นความเป็นมิตรต่อธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ในขณะที่บริษัทรถยนต์ยักษ์ใหญ่ ต่างก็พยายามมองหาสิ่งใหม่ๆ ที่ดีที่สุดมานำเสนอ และหนึ่งในเป้าหมายหลัก ก็คือ การแทนที่เครื่องยนต์แบบเก่าด้วยเครื่องยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ที่ใช้งานได้อย่างยั่งยืน
คำว่า รถยนต์ไฟฟ้า ไม่ได้หมายถึงเฉพาะรถที่สลับมาใช้พลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบเท่านั้น เพราะที่จริงแล้ว รถยนต์ไฟฟ้าแบ่งได้เป็น 3 ประเภทหลัก ทว่ามีเพียงประเภทเดียวเท่านั้น ที่ถูกแทนที่เครื่องยนต์แบบเก่าด้วยเครื่องยนต์ไฟฟ้าโดยสมบูรณ์แบบ
รถยนต์ที่ใช้พลังงานทั้งหมดจากแบทเตอรีไฟฟ้า หรือรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ เหมาะสำหรับคนที่ยอมรับยุคสมัยใหม่ของการขับขี่ได้ แบทเตอรีไฟฟ้านั้นจุพลังงานได้มากพอที่จะจ่ายให้ทั้งการขับเคลื่อน และระบบไฟฟ้าต่างๆ ภายในรถได้อย่างสบาย
รถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบยังเป็นรถเพียงประเภทเดียวที่มีอัตราการปล่อยแกสเรือนกระจกเป็นศูนย์ อีกทั้งยังสามารถชาร์จไฟฟ้าอย่างรวดเร็วจากระบบ DC ได้ด้วย
ส่วนรถยนต์ไฟฟ้าไฮบริดนั้น เปรียบเสมือนตัวกลางระหว่างรถที่ใช้น้ำมันกับไฟฟ้า โดยอาศัยพลังงานจากมอเตอร์ไฟฟ้าขนาดเล็ก ร่วมกันกับเครื่องยนต์แบบดั้งเดิม จึงทำให้รถไฮบริดสามารถเคลื่อนที่ในระยะทางสั้นๆ ด้วยความเร็วต่ำ โดยใช้พลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว ก่อนที่จะส่งไม้ต่อให้กับเครื่องยนต์หลัก แบทเตอรีภายในรถไฮบริดสามารถชาร์จได้โดยการเสียบปลั๊กแบบเดียวกับรถไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ทว่ารถไฮบริดนั้นใช้พลังงานจากทั้ง 2 อย่าง ซึ่งข้อแตกต่างของรถไฮบริดกับรถไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ก็คือ รถไฮบริดยังสามารถชาร์จไฟได้จากระบบเบรคของรถอีกด้วย
ค่ายรถ เช่น HONDA (ฮอนดา) ได้เสนอวิธีการเข้าสู่รถไฟฟ้าในอนาคตอันใกล้ ด้วยการเปิดตัวรถ HONDA E (ฮอนดา อี) ที่เป็นรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบตัวแรกของ HONDA โดยมีเป้าหมายการตลาด มุ่งไปที่การเดินทางในตัวเมืองระยะทางสูงสุด 220 กม. หรือ 137 ไมล์/การชาร์จไฟ 1 ครั้ง ด้วยพื้นที่ในเมืองที่มีการจราจรคับคั่งตลอดเวลา กล่าวได้ว่ารถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบคันนี้จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการทำให้เมืองไร้ซึ่งมลพิษ และเสียงรบกวนในอนาคตอย่างแน่นอน
นวัตกรรมการขับขี่
รถยนต์ไฟฟ้า มีบทบาทอย่างไรในโลกสมัยใหม่
1. เป็นมิตรต่อโลก
การหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าจะทำให้มลพิษในอากาศลดลง เพราะลดอัตราการปล่อยแกสเรือนกระจกได้โดยสมบูรณ์ เนื่องจากไม่มีท่อไอเสีย
2. การเดินทางที่ประหยัด
รถไฟฟ้าสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากถึง 1 ใน 3/การเดินทาง 1 กม. เมื่อเทียบกับการเติมน้ำมัน/ครั้ง แถมค่าบำรุงรักษามอเตอร์ไฟฟ้ายังถูกมากๆ
3. ลดมลพิษทางเสียง
ไร้เสียงเครื่องยนต์ที่น่ารำคาญ เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้าจะเกิดเสียงแค่จากล้อที่เคลื่อนไปบนพื้นผิว และจากเสียงลมที่ปะทะเท่านั้น
4. ขับขี่ปลอดภัย
เครื่องยนต์รถไฟฟ้ามีขนาดเล็กกว่าเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันปกติพอสมควร ทำให้มีแรงขับเคลื่อนที่น้อยกว่า และยังลดอัตราเสี่ยงในการพลิกคว่ำอีกด้วย
5. ชาร์จไฟในบ้าน
ตัดปัญหาเรื่องเอารถออกไปเติมน้ำมันได้เลย เพราะรถยนต์ไฟฟ้าสามารถใช้ไฟบ้านในการชาร์จขณะจอดได้ ทำให้เราใช้ชีวิตได้สบาย และง่ายขึ้นมาก
ชาร์จอย่างไร ?
เตรียมรถยนต์ไฟฟ้าของคุณให้พร้อมสำหรับเส้นทางข้างหน้า
ตัวเลือกสำหรับชาร์จ (CHOICE OF CHARGE)
HONDA E สามารถเลือกได้ว่าจะชาร์จแบบปกติ เร็ว หรือแบบเร่งด่วนได้จากการเลือกใช้หัวต่อที่ให้กำลังไฟที่ต่างกัน ซึ่งตัวเลือกเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นแบบชาร์จเร็วในกรณีที่คุณไม่อยากเสียเวลา หรือแบบชาร์จปกติที่สามารถให้พลังงานมาก และอยู่นานกว่า จะมีให้ในจุดชาร์จไฟสาธารณะในหลายๆ แห่ง
หัวต่อแบบ TYPE 2 (TYPE 2 CONNECTOR)
หัวต่อประเภทนี้ สามารถชาร์จไฟรถของคุณได้ขณะจอดที่บ้าน หรือในจุดชาร์จไฟสาธารณะทั่วไป โดยการใช้ฟังค์ชันชาร์จไฟเร็ว ปกติจะใช้เวลาประมาณ 4 ชม. ในการชาร์จตั้งแต่ 0-100 % ในขณะที่การชาร์จแบบปกติจะใช้เวลาประมาณ 12 ชม.
ไฟบอกสถานะ (STATUS INDICATION)
แถบไฟ LED จะแสดงสถานะของพลังงาน ในขณะชาร์จไฟ เป็นสีฟ้า หากไฟเป็นสีแดง แปลว่า มีข้อผิดพลาดในการชาร์จ สถานะของไฟจะเห็นได้ทันทีเมื่อรถจอดเทียบ แม้จะยังไม่ได้เปิดที่เสียบชาร์จก็ตาม
หัวต่อแบบชาร์จไฟด่วน (RAPID CONNECTOR)
รถคันนี้กำลังชาร์จด้วยหัวต่อแบบชาร์จไฟด่วน ซึ่งจะทำให้รถถูกชาร์จไฟถึง 80 % ภายใน 30 นาที
แท่นชาร์จแบบ 2 ระบบ (COMBINED CHARGING SYSTEM)
แท่นชาร์จไฟตัวนี้ มีตัวเลือกในการชาร์จไฟให้แก่ผู้ใช้รถทั้งแบบ AC และ DC หัวชาร์จ AC นั้น สามารถชาร์จไฟได้ทั้งแบบปกติ และแบบเร็ว ในขณะที่หัวชาร์จ DC นั้นจะให้การชาร์จด่วนอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งกว่า ซึ่งรถ HONDA E ถูกออกแบบให้ชาร์จได้ทั้ง 2 ระบบ
ช่องเสียบชาร์จ (CHARGING PORT)
ติดตั้งด้านหน้าฝากระโปรงรถ ทำให้การเสียบชาร์จนั้นสะดวกยิ่งกว่าการอยู่ที่ด้านใดด้านหนึ่งเหมือนกับฝาน้ำมัน เพราะรถสามารถจอดฝั่งไหนก็ได้ หรือจะจอดเอาหน้ารถเข้าหาแท่นเลยก็ง่ายดี ตัวฝาปิดทำจากกระจกแข็งพิเศษ และสามารถเปิดฝาได้ด้วยรีโมท
ภายในของ HONDA E
พบกับรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กรุ่นใหม่ล่าสุดที่จะขับพาเราจากปั๊มน้ำมันยุคเก่าไปสู่ยุคใหม่ของรถไฟฟ้า
พลังที่มองเห็นได้ (VISUALISING POWER)
แบบเดียวกับรถเบนซิน และดีเซลจะแสดงว่ามีน้ำมันเหลือในถังมากแค่ไหน ด้านหลังพวงมาลัยของรถยนต์ไฟฟ้าก็แสดงถึงปริมาณแบทเตอรีที่เหลืออยู่ในรูปแบบของ % มาตรวัดยังแสดงระยะทางโดยประมาณการที่คุณสามารถขับไปได้ และจะมีการเตือนเมื่อไฟฟ้าเหลือน้อย แต่ก็ไม่ต้องตกใจ เพราะต่อให้มีสัญญาณเตือน คุณก็ยังมีเวลาพอที่จะไปยังจุดชาร์จที่ใกล้ที่สุดได้อย่างสบาย
จอแสดงผลดิจิทอล (DIGITAL DASHBOARD)
หน้าจอจะแสดงผลระบบดิจิทอลทั้งหมด โดยอาศัยพลังงานจากแบทเตอรีของรถ จอภาพมีถึง 5 จอ เพื่อแสดงแอพพลิเคชัน และระบบช่วยเหลือในการขับขี่อื่นๆ แถมตัวระบบของรถ ยังเชื่อมกับสมาร์ทโฟนของคุณ เพื่อเล่นแอพพลิเคชันเพลงสุดโปรด รวมถึงแสดงรายชื่อได้ในกรณีที่ต้องการคุยสายขณะขับขี่ ทั้งยังสามารถเล่นวีดีโอ และภาพยนตร์ได้ขณะที่รถจอดสนิท ส่วนจอด้านคนขับ และฝั่งผู้โดยสาร ก็สามารถสลับกันได้ในกรณีที่ต้องการใช้แอพพลิเคชันนำทาง หรือแอพพลิเคชันเพื่อความบันเทิงอื่นๆ สำหรับผู้โดยสาร
กล้องที่กระจกข้าง (CAMERAS FOR MIRRORS)
กระจกด้านข้าง ถูกแทนที่ด้วยกล้องสุดทันสมัย ทำให้คุณสามารถรับชมทัศนวิสัยได้รอบด้านผ่านหน้าจอ โดยกล้องเหล่านี้จะฉายภาพปัจจุบันเข้ามาในด้านริมสุดของจอแสดงผล และยังติดตั้งในจุดที่ลดจุดอับสายตาได้มากกว่ากระจกแบบเดิมที่อยู่ด้านนอก ทำให้สังเกตทัศนวิสัยได้ทั่วถึงในทุกสภาวะ และหากตัวรถเข้าใกล้สิ่งกีดขวางด้านข้างมากเกินไป กล้องจะเปลี่ยนเป็นภาพระยะห่างคงเหลือระหว่างตัวรถกับสิ่งนั้นแทนโดยอัตโนมัติ เวลากลางคืน กล้องของ HONDA E จะเปลี่ยนเข้าสู่โหมดกลางคืนที่ทำให้คุณยังสามารถมองเห็นได้ในที่มืด ตัวกล้องมีระบบตัดแสงสะท้อน เพื่อลดแสงจ้าจากไฟหน้ารถคันอื่น ซึ่งอาจลดทอนทัศนวิสัยของคุณอีกด้วย
ควบคุมรถง่ายๆ ด้วยมือคุณ (CAR IN YOUR PALM)
ฟังค์ชันไฟฟ้าต่างๆ ไม่ได้เป็นเพียงแค่จุดเด่นหลักของรถที่จะเปลี่ยนยุคศตวรรษที่ 21 นี้เท่านั้น แต่ยังมีแอพพลิเคชัน MY HONDA+ บนสมาร์ทโฟนที่สามารถทำหน้าที่แทนรีโมทรถ รวมถึงบันทึกการใช้งานของรถได้อีกด้วย เพียงเปิดแอพพลิเคชันคุณก็สามารถลอค หรือปลดลอครถของคุณได้ทันที รวมถึงดูปริมาณแบทเตอรี เปิด/ปิดการชาร์จไฟได้โดยไม่ต้องลุกออกไปที่รถ อีกทั้งยังมีการแจ้งเตือนผ่านสมาร์ทโฟนของคุณหากแบทเตอรีของรถลดลงต่ำกว่า 15 % ทำให้ผู้ขับมั่นใจได้ว่า รถจะไม่หมดพลังงานกลางทางอย่างแน่นอน แอพพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนประสบความสำเร็จมากในการให้เจ้าของรถสามารถเชคสถานะรถยนต์ไฟฟ้าของคุณได้ทันที โดยเฉพาะกับผู้ที่ไม่เคยใช้รถยนต์ไฟฟ้ามาก่อน รวมถึงยังสามารถใช้แอพพลิเคชันตรวจหาแท่นชาร์จไฟที่ใกล้ที่สุดได้อีกด้วย
รู้หรือไม่ ? คุณสามารถเล่นเกมผ่านจอแสดงผลของ HONDA E ได้ในขณะที่รอรถชาร์จพลังงาน
แท่นชาร์จแนวหน้า (LEADING THE CHARGE)
เพราะค่ายรถยักษ์ใหญ่ ต่างมุ่งหน้าไปสู่เส้นทางสายรถยนต์ไฟฟ้า ทำให้เริ่มมีการระดมความคิดว่า จะทำอย่างไรให้จุดชาร์จไฟมีมากพอ เพื่อรองรับการใช้งาน และด้วยความที่ถนนทุกสายจะมีไฟถนนติดตามทางเป็นจำนวนมากอยู่แล้ว จึงเกิดแนวคิดที่จะนำจุดชาร์จไฟไปติดตั้งที่เสาไฟส่องทางเสียเลย และในอนาคตอันใกล้นี้ การชาร์จพลังงานอาจจะง่ายเพียงการแวะจอดรถข้างทางก็เป็นไปได้ โดยระบบนี้ได้เริ่มติดตั้งบ้างแล้วในบางเมือง เช่น ลอนดอน และเบร์ลิน
ระบบช่วยเหลือขณะจอดรถ (PARKING ASSISTANCE)
ในขณะที่กำลังถอยรถเข้าซอง คุณเคยต้องวานคนที่นั่งข้างๆ ลงไปช่วยโบกรถให้ไหม ? ถ้าเคย คนที่จะมารับหน้าที่นี้แทนใน HONDA E ก็คือ โหมด PARKING PILOT เพราะเทคโนโลยีระบบกล้อง และระบบโซนาร์ จะทำให้คุณรับรู้ถึงสิ่งกีดขวางโดยรอบ พร้อมกับส่งสัญญาณเตือนเวลาที่คุณขับเข้าใกล้มากเกินไป บนจอแสดงผลจะโชว์มุมมองของรถคุณจากด้านบน เพื่อให้สะดวกต่อการบอกตำแหน่งระหว่างตัวรถกับสิ่งรอบข้าง ซึ่งนั่นทำให้ผู้ขับขี่สามารถมองเห็นพื้นที่รอบๆ ได้ในจอเดียว และยังช่วยให้การจอดง่ายดาย และปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
อีกหนึ่งฟังค์ชันช่วยเหลือ คือ ระบบให้รถจอดโดยอัตโนมัติ ทำได้โดยการกดปุ่มจอดเพียงปุ่มเดียว ซึ่งกล้องทั้ง 4 ตัว และเซนเซอร์โซนาร์ 12 ตัว จะทำการสแกนพื้นที่รอบข้างเพื่อหาที่จอดให้เหมาะสม โดยตัวกล้องจะทำหน้าที่มองหาเส้นสีขาวบนพื้นถนน ในขณะที่เซนเซอร์ทำหน้าที่สแกนหาสิ่งกีดขวาง ตัวรถจะสามารถเข้าจอดได้โดยที่คนขับไม่ต้องแตะพวงมาลัย เกียร์ รวมถึงคันเร่ง และเบรค
พลังงานแบทเตอรี (BATTERY POWER)
แบทเตอรีลิเธียม-ไอออน 35.5 กิโลวัตต์ชั่วโมงนั้นให้พลังงานไฟฟ้าที่รถสามารถวิ่งได้มากถึง 220 กม./การชาร์จ 1 ครั้ง และเพื่อประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น ตัวแบทฯ ยังมีระบบจัดการอุณหภูมิในตัว ซึ่งสามารถปรับสภาพความร้อน หรือเย็นได้ตามสภาพที่เกิดขึ้นจริงในขณะนั้น
แกนหลักที่แข็งแกร่ง (STRONG CORE)
สำหรับการขับขี่ในที่แคบ HONDA E ถูกออกแบบมาเพื่อกระจายน้ำหนักแบบ 50:50 และมีจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำ มีพื้นที่กว้าง 50 ซม. จากช่วงล่างถึงพื้นถนน ตัวโครงรถที่แข็งแรงและมีน้ำหนักเบา มาพร้อมกับระบบลดการสั่นสะเทือนแบบแยกต่างหาก ที่ขอบด้านข้างยังมีแผ่นป้องกันเพื่อลดแรงกระแทกจากรอบทิศทาง ที่อาจกระทบแบทเตอรีที่อยู่ภายในรถ
ขับเคลื่อนล้อหลัง (REAR-WHEEL DRIVE)
ระบบขับเคลื่อนล้อหลังถูกติดตั้งเพื่อควบคุมรถที่ง่ายขึ้น พลังงานจะถูกส่งไปที่ล้อหลัง เพื่อให้การขับขี่นั้นสมดุล และมีพลังมากขึ้น เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบมีมากขึ้นในตลาด จะเห็นได้ว่ารถขับเคลื่อนล้อหน้าแทบจะไม่มีให้เห็นแล้ว ตัวเครื่องยนต์ของรถไฟฟ้านั้นเล็กกว่าเครื่องยนต์รถปกติมาก ทำให้ง่ายต่อการติดตั้งไม่ว่าจะเป็นด้านหน้า ด้านหลัง หรือส่วนท้ายของรถ ใน HONDA E พลังงานที่มาจากด้านหลังจะเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่มากขึ้น เนื่องจากติดตั้งเครื่องยนต์ไว้ด้านหลัง ทำให้การส่งกำลังเพื่อความเร็วไปในด้านหน้านั้นง่ายกว่ามาก เพราะไม่มีเครื่องยนต์ที่มีน้ำหนักมากอยู่ด้านหน้านั่นเอง
หูฟังแบบมีสาย
ท่ามกลางการแข่งขันอันเข้มข้นของตลาดหูฟัง เราขอแนะนำหูฟังแบบมีสายที่จะตอบสนองทุกความต้องการของคุณ ทั้งด้านราคา และคุณภาพเสียง
01. หูฟังที่ให้เสียงดีเลิศจนน่าตกใจ
AUDEZE LCD-1 ราคา 399 ปอนด์ audeze.com
หูฟังแบบ PLANAR MAGNETIC ของ AUDEZE LCD-1 ให้เสียงสมบูรณ์ ไม่เพี้ยน แม้เนื้อเสียงจะไม่หรูหราเท่า GRADO S325E หรือ FOCAL STELLIA แต่ก็ยังจัดว่าน่าประทับใจ จุดเด่นหลักๆ คือ ความสมดุลของเสียงที่ออกมา เสียงต่ำ และเสียงกลางที่ออกมานั้นจะให้อารมณ์อบอุ่น และกังวานกำลังดี ส่วนเสียงแหลม จะฟังดูใส ไม่บาดหู พูดได้เต็มปากว่า หูฟังรุ่นนี้นุ่มนวล ดูดี ทั้งรูปลักษณ์ภายนอก และความรู้สึกภายใน
02. หูฟังที่ให้เนื้อเสียงหรูหรา จนแทบไม่อยากเชื่อ
FOCAL STELLIA ราคา 2,799 ปอนด์ focal.com
FOCAL STELLIA ให้ทัศนียภาพของเสียงที่กว้างขวาง ตามมาตรฐานหูฟังระดับไฮเอนด์ พร้อมคุณภาพเสียงที่ดีจนน่าตกใจ แม้จะหนักแน่น แต่ก็นุ่มละมุน และไม่ทำให้เรารู้สึกดังเกินไป ส่วนเสียงหายใจ เสียงร้องของศิลปินก็ฟังดูเป็นธรรมชาติ จัดว่าเป็นหูฟังที่ดีที่สุดของหูฟังแบบปิดที่เคยฟังมา หรืออาจจะดีที่สุดในโลกก็ว่าได้ ส่วนเหตุผลที่ GRADO ได้รับความนิยมมากกว่านั้น คือ ความแตกต่างด้านราคา
โดยปกติ เวลาที่รวบรวมสินค้าหลายๆ ประเภท ก็จะได้ของที่มีคุณภาพหลากหลาย แต่ครั้งนี้ เรากลับพบว่า หูฟังแบบมีสายนั้น ได้รับการพัฒนาจนสมบูรณ์แบบมาเป็น 100 ปีแล้ว
ท้ายที่สุด เราจึงได้หูฟังแบบมีสายระดับ 5 ดาว ที่น่าหลงใหล มาถึง 4 คู่ ซึ่งตอนที่ทดสอบแบบกลุ่มนั้น ได้กลุ่มคนที่ชื่นชอบการฟังแผ่นเสียงและหูฟังมาช่วยออกความคิดเห็น ผลที่ได้ คือ แต่ละรุ่นต่างให้เสียงที่น่าประทับใจ และมีข้อดีในแบบของตน ดังนั้น เราจึงตอบไม่ได้ว่ารุ่นไหนดีที่สุด เพราะทุกรุ่นต่างเหมาะกับคนแต่ละประเภท ที่มีความต้องการแตกต่างกันไป และแน่นอน เราเลือกหูฟังเหล่านี้มา โดยไม่รู้ว่างบประมาณ และรสนิยมของคุณเป็นแบบไหน ดังนั้น ขอให้ลองอ่านดู แล้วจะรู้เองว่ารุ่นไหนเหมาะสมกับคุณมากที่สุด
03. หูฟังที่จะว่าแพงก็แพง จะว่าถูกก็ถูก
GRADO SR325E ราคา 258 ปอนด์ gradolabs.com
SR325E เป็นหูฟังแบบเปิด ที่มีส่วนเปิดมากที่สุดเท่าที่เราเคยลองมา จึงใช้งานได้ไม่ดีนักเมื่ออยู่ท่ามกลางฝูงชน และอาจไม่เหมาะสำหรับการเดินทาง แต่ถ้าอยู่ในห้องที่เงียบพอ คุณจะพบว่า คุณภาพเสียงของมันทัดเทียมกับหูฟังที่มีราคาแพงกว่าถึง 5 เท่า เนื้อเสียงที่ให้ แม้จะเป็นธรรมชาติ แต่ยังไม่เรียบ ราคาจัดว่าสูง แต่ก็ยังพอได้ เสียงมีพลัง แต่ก็ยังไม่ถึงระดับสุดยอด อย่างไรก็ตาม รายละเอียดอื่นๆ ของเสียง ถือว่าดีเกินคาด อาจยังไม่ใช่หูฟังที่เหมาะสำหรับทุกคน แต่ถ้าเทียบกับราคาที่ถูกขนาดนี้ ก็นับว่าคุณภาพคุ้มมากแล้ว
04. หูฟังที่ให้เสียงกว้าง และอบอุ่น
SENNHEISER HD 660 S ราคา 429 ปอนด์ sennheiser.com
หากคุณกำลังตามหาหูฟังที่จะพาคุณเข้าสู่โลกของเสียงในระยะยาวแล้วล่ะก็ SENNHEISER นั้นตอบโจทย์ ด้วย HD 660 S หูฟังแบบเปิด และโปร่งสำหรับให้อากาศเคลื่อนผ่าน มีนวมขนาดใหญ่ที่จะคลุมหูของคุณเพื่อการฟังที่สะดวกสบาย แม้เนื้อเสียงจะมีโทนอบอุ่นมากกว่าโทนที่เป็นธรรมชาติ แต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไร เสียงกลางที่สมดุล รับกับเสียงสูงที่ใส และเสียงต่ำก็คุมโทนได้นุ่มนวลน่าฟัง เป็นหูฟังแบบเปิด อาจจะไม่เหมาะกับสถานที่วุ่นวายเสียงดัง แต่ก็ฟังได้สนุก
ABOUT THE AUTHOR
T
T3 MAGAZINE
ภาพโดย : T3 MAGAZINEนิตยสาร 399 ฉบับเดือน เมษายน ปี 2564
คอลัมน์ Online : เรื่องเด่นจาก GADGET/HOW IT WORKS