สัมภาษณ์พิเศษ(formula)
สุนทรพันธ์ เดชะเทศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เบลฟอร์ต ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด
PEUGEOT ประเทศไทย ลั่นกลองรบ เตรียมลุยเต็มสูบ พร้อมเปิดตัวรถรุ่นใหม่ ปีละ 1 รุ่น และเร่งขยายโชว์รูมพร้อมศูนย์บริการ ตั้งเป้า 3 ปี 25 สาขา “ฟอร์มูลา” สัมภาษณ์พิเศษ สุนทรพันธ์ เดชะเทศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เบลฟอร์ต ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด (PEUGEOT ประเทศไทย)ฟอร์มูลา : คุณมีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับรถยนต์ PEUGEOT (เปอโฌต์) ในปัจจุบันนี้ ? สุนทรพันธ์ : รถยนต์ PEUGEOT ถือว่าเป็นรถยนต์ที่มีประวัติศาสตร์มายาวนานกว่า 211 ปี นับถึงปัจจุบันได้มีการวิจัย และพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง สำหรับประเทศไทย รถยนต์ PEUGEOT เริ่มเข้ามาเป็นที่รู้จักเมื่อปี 2515 แต่ส่วนใหญ่จะเป็นคนในกลุ่มเจเนอเรชัน X และในกลุ่ม BABY BOOMER โดยจะเป็นคนที่มีอายุ รวมถึงจะเป็นบางกลุ่มที่มีความรัก และหลงใหลในรถยุโรป สัญชาติฝรั่งเศส แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากที่บริษัท เบลฟอร์ต ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ PEUGEOT ในประเทศไทย เมื่อเดือนสิงหาคม 2562 และทางบริษัทแม่ PSA GROUP มีนโยบายเชิงรุกที่จะเติบโตทั้งยอดขาย และผลกำไรในระดับโลก หลังจากที่เป็นอันดับ 1 ในประเทศฝรั่งเศส และหลายประเทศในยุโรป ที่ผ่านมาในภูมิภาคอาเซียน PEUGEOT ได้ตั้งสำนักงานที่ประเทศมาเลเซีย และมีแผนที่จะประกอบรถยนต์ เอสยูวี และพิคอัพ รวมถึงรถยนต์นั่งเพื่อจำหน่ายในภูมิภาค ส่งผลให้ประเทศไทย ราคารถยนต์ PEUGEOT ถูกกว่านำเข้าจากฝรั่งเศส ฟอร์มูลา : คุณวางนโยบาย และทิศทางของรถยนต์ PEUGEOT ในประเทศไทยไว้อย่างไร ? สุนทรพันธ์ : หลังจากที่ บริษัท เบลฟอร์ต ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้นำเข้า และจัดจำหน่ายรถยนต์ PEUGEOT ตั้งแต่ปี 2562 จนถึงปัจจุบันนับว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้า โดยมียอดขายสะสม 800 คัน โดยตามแผนงานของบริษัทฯ มุ่งเน้นการสร้างบแรนด์ให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงสร้างการรับรู้ให้ขยายในกลุ่มลูกค้าให้มากยิ่งขึ้น โดยล่าสุดได้แนะนำรถยนต์ PEUGEOT 3008 (เปอโฌต์ 3008) เอสยูวี ใหม่ ภายใต้คอนเซพท์ “FACE THE NEW FACE” ที่ถือว่าเป็นการปรับรูปโฉมให้ดูชัดเจนยิ่งขึ้น และสะดุดตากับกระจังหน้าไร้กรอบ สวยงามทันสมัย และให้ความรู้สึกลื่นไหลเพิ่มความชัดเจนด้วยเส้นครีบทอดยาวใต้ไฟหน้าแบบฟูลล์แอลอีดี ที่สามารถให้เป็นไฟตัดหมอกได้ในตัว เมื่อผู้ขับเปิดไฟตัดหมอกหลัง ไฟหน้าจะติดโดยอัตโนมัติ ด้วยระดับความเข้มของแสงที่ต่ำกว่าปกติ ขนาบข้างด้วยไฟเดย์ไทม์ รันนิงไลท์ แนวตั้งคล้ายเขี้ยวสิงโต เพิ่มความสปอร์ทด้วยช่องดักลมสีดำบนกันชนหน้า ขณะที่ปลายฝาประโปรงหน้า ติดตั้งตัวเลขลายนูน 3008 ระบุรุ่นชัดเจน พร้อมราวหลังคาดีไซจ์นใหม่ ให้ดูสปอร์ทยิ่งขึ้น ส่วนด้านท้ายไฟแบบฟูลล์แอลอีดี (รวมไฟถอยหลัง) สะท้อนกรงเล็บสิงโต(LION CLAWS) ได้อย่างทรงพลัง พร้อมไฟเลี้ยวแบบไล่ระดับ ครอบแผงไฟท้ายทั้งหมดด้วยกระจกรมดำ ยาวจรดตัวถัง 2 ฝั่ง ช่วยให้รถดูกว้างขึ้นเมื่อมองจากด้านหลัง ทั้งนี้ ตามแผนงานของบริษัทฯ ทุกปีจะแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ 1 รุ่น โดยปีนี้นอกจากรถยนต์ที่มีจำหน่ายในปัจจุบัน PEUGEOT 3008 และ PEUGEOT 5008 (เปอโฌต์ 5008) บริษัทฯ ได้แนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ PEUGEOT 2008 (เปอโฌต์ 2008) เป็นรถรุ่นที่ขายดีที่สุดในยุโรป พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ยังได้ปรับกลยุทธ์ในด้านราคา โดยได้ปรับแผนเรื่องของราคาจำหน่าย จึงทำให้ PEUGEOT 3008 ใหม่ มีราคาที่ถูกลงกว่าเดิม ซึ่งการทำราคาให้ถูกลงในครั้งนี้ เป็นการปรับนโยบายเรื่องการบริการหลังการขาย โดยไม่ได้นำค่าบำรุงรักษามาบวกกับราคารถยนต์ แต่ปรับเป็นการเปิดตัวแพคเกจการบริการหลังการขายแบบใหม่ ภายใต้คอนเซพท์ PEUGEOT CARE ทำแพคเกจเพื่อรองรับลูกค้ารถยนต์ PEUGEOT ทั้งเก่า และใหม่ให้ได้รับความคุ้มค่าในเรื่องการบริการ ทั้งนี้เนื่องจากปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการบริการ และราคาอะไหล่ ของรถยนต์ PEUGEOT ในปัจจุบัน ไม่ได้มีราคาแพงอย่างที่คิด ซึ่งจะว่าไปแล้ว มีราคาใกล้เคียงกับรถยนต์ญี่ปุ่น โดยแพคเกจ PEUGEOT CARE เพิ่มอิสระในการเลือกซื้อให้ลูกค้าด้วย 2 ทางเลือก บำรุงรักษา ครอบคลุมตั้งแต่ 10,000 กม. ถึงสูงสุด 100,000 กม. กับการเชคระยะ 2 ครั้ง พร้อมส่วนลดค่าอะไหล่ 10 %หรือการเชคระยะ 4 ครั้ง พร้อมส่วนลดค่าอะไหล่ 15 % โดยมาพร้อมการรับประกันคุณภาพ 3 ปี หรือ 100,000 กม. และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชม. ทั่วประเทศ 3 ปีเต็ม เพื่อให้รถยนต์ PEUGEOT เป็นทางเลือกอันดับ 1 ของรถยนต์ยุโรป นอกจากนี้ ยังเน้นสร้างการรับรู้ของบแรนด์ให้มากยิ่งขึ้น เพื่อขยายกลุ่มลูกค้าในวงกว้าง โดยที่ผ่านมาได้สร้างมิติใหม่ของการทำธุรกิจ และการตลาดผ่าน LINE โดยให้ผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อรถผู้บริหารป้ายแดง ไมล์ต่ำ พร้อมนัดหมายเพื่อทดลองขับรถยนต์ PEUGEOT ผ่าน LINE และหลังจากนี้จะมุ่งเน้นการทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ มากยิ่งขึ้น โดยล่าสุดที่เห็นชัดเจนมากที่สุด คือ การทำโฆษณาบนป้ายบิลล์บอร์ดกว่า 10 จุด ทำให้กลุ่มคนได้เห็นบแรนด์ รวมถึงการขยายโชว์รูมพร้อมศูนย์บริการให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ฟอร์มูลา : คุณวางแผนการขยายโชว์รูมพร้อมศูนย์บริการไว้อย่างไร ? สุนทรพันธ์ : ปัจจุบัน PEUGEOT มีโชว์รูมพร้อมศูนย์บริการครบวงจร 5 สาขาในกรุงเทพฯ และ 3 สาขาต่างจังหวัด ได้แก่ สุขุมวิท เยาวราช, เกษตร-นวมินทร์ PEUGEOT สตูดิโอ ชั้น 2 ศูนย์การค้าสยามพารากอน PEUGEOT สตูดิโอ สาขาวงเวียนพระราม 5-ราชพฤกษ์ สาขาอุบลราชธานี สาขาภูเก็ต และสาขาหาดใหญ่ เพื่อให้สอดคล้องกับการเติบโตของยอดขายในแต่ละปี บริษัทฯ ตั้งเป้าอีก 3 ปี จะมีโชว์รูมพร้อมศูนย์บริการเพิ่มเป็น 25 สาขาทั่วประเทศ โดยหลังจากนี้มุ่งเน้นการรับสมัครการเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ PEUGEOT โดยมุ่งเน้นไปที่หัวเมืองใหญ่ เช่น เชียงใหม่ นครสวรรค์ พิษณุโลก อุดรราชธานี นครราชสีมา (โคราช) รวมถึงกรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่บริษัทฯ มีแผนจะขยายเพิ่มอีกประมาณ 7 สาขา เน้นกรุงเทพฯ บริเวณรอบนอก เช่น ดอนเมือง หลักสี่ บางกอกน้อย บางกอกใหญ่ ทุ่งครุ พระราม 2 สมุทรปราการ บางนา มีนบุรี และหนองจอก ฟอร์มูลา : คุณตั้งเป้ายอดขายไว้เท่าไร ? สุนทรพันธ์ : PEUGEOT ได้สนับสนุนรถยนต์ใหม่อย่างต่อเนื่อง ตามเป้าหมายที่จะมีรถยนต์รุ่นใหม่ปีละ 1 รุ่น ส่งผลให้ยอดขายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2564 บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 500-550 คัน และตั้งเป้าในอีก 3 ปีข้างหน้า จะมียอดขายมากกว่า 4,000 คัน ฟอร์มูลา : ปัจจุบัน PEUGEOT ประสบความสำเร็จมากน้อยเพียงใด ? สุนทรพันธ์ : นับตั้งแต่บริษัทฯ ได้ทำตลาดรถยนต์ PEUGEOT ในครั้งนี้นับว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยมียอดขายอันดับที่ 18 ในปี 2563 และหลังจากนี้คาดว่าจะมียอดขายเติบโตอยู่อันดับ 15 ภายใน 3 ปีข้างหน้า พร้อมตั้งเป้าหมายที่จะขึ้นอันดับที่ 10 ภายระยะเวลา 10 ปี พร้อมกันนี้จะเห็นได้ว่า PEUGEOT มุ่งเน้นการทำตลาดรถยนต์ เอสยูวี มาตั้งแต่เริ่มต้น เนื่องจากช่วงนี้ในประเทศไทย รถ เอสยูวี กำลังได้รับความนิยม แต่ก็ไม่ได้มีจำนวนมากนัก โดยมียอดขายปีละประมาณ 20,000 คัน ในกลุ่ม ซีเอสยูวี ส่วนตลาดในกลุ่ม บี เอสยูวี ตลาดในกลุ่มนี้จะใหญ่กว่า โดยมียอดขายปีละประมาณ 40,000-50,000 คัน ซึ่ง PEUGEOT มีรถยนต์ เอสยูวี จำหน่ายในช่วงแรกนี้ถึง 3 รุ่น ทำให้บริษัทฯ ตั้งเป้ามีส่วนแบ่งการตลาดในกลุ่มรถยนต์ เอสยูวี อยู่ที่ 3 % รวมถึงในอนาคต PEUGEOT พร้อมที่จะนำรถยนต์ซีดานเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยอย่างแน่นอน การทำตลาดในครั้งนี้ บริษัทฯ มุ่งเน้นที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้า เพื่อที่จะต่อสู้กับเจ้าตลาดที่มีอยู่เดิม โดย PEUGEOT มุ่งเน้นที่จะสร้างความแข็งแกร่งของผลิตภัณฑ์ และสร้างบแรนด์ให้แข็งแกร่งขึ้นมาอีกครั้ง สำหรับรถซีดานนั้น คงต้องนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เหนือกว่าคู่แข่งในตลาดที่มีอยู่ จะว่าไปแล้ว สำหรับ PEUGEOT ก็ถือว่ามีชื่อเสียงในส่วนของรถซีดานอย่างมาก และถือว่าเป็นรถยุโรปที่สามารถจับต้องได้ ในราคาที่ไม่เกินเอื้อม ฟอร์มูลา : แผนการนำรถยนต์พลังงานทางเลือกเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย ? สุนทรพันธ์ : PEUGEOT มีความพร้อมอย่างมากในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เป็นพลังงานทางเลือก โดยเฉพาะรถยนต์พลังงานไฟฟ้า และคาดว่าทุกบริษัทที่เป็นผู้ผลิตรถยนต์ในโลก ก็มีความพร้อมเช่นกัน แต่บางค่ายอาจจะไม่ได้มีรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100 % แต่ก็จะมี ไฮบริด พลักอิน-ไฮบริด แต่องค์ประกอบในการตัดสินใจ และการนำเข้ามาของแต่ละค่ายจะแตกต่างกัน สำหรับเมืองไทยนั้น ถ้าเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม PEUGEOT มีความพร้อมอย่างแน่นอน หากมองที่ประเทศไทย เน้นที่อุตสาหกรรมยานยนต์ และไทยเป็นฐานการผลิตติด 1 ใน 10 ของโลก มีแชร์มาร์เกทประมาณ 2 % ของทั่วโลก รัฐบาลต้องสนับสนุนผู้ผลิต แต่พอมาพูดถึงรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยมีบริษัทผู้ผลิตรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปมาก แต่เมื่อมาพูดถึงมลภาวะ ซึ่งเป็นปัญหาทั่วโลก และยุโรปก็มีข้อกำหนดให้เป็นรถไฟฟ้าทั้งหมด แต่เมื่อมองย้อนดูที่ประเทศไทย ต้องมองว่าพร้อมหรือยัง เพราะถึงแม้ว่ารัฐบาลจะส่งเสริมในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนเรื่องการลงทุน ผลประโยชน์ทางด้านภาษี แต่อย่าลืมว่า รัฐบาลได้มีการทำการเปิดเขตการค้าเสรี ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าจากจีนเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยเต็มไปหมด และทำราคาได้ถูกกว่าผู้ผลิตในประเทศ เพราะฉะนั้นผู้ผลิตในประเทศ จึงไม่ผลิต ดังนั้นในขณะนี้จึงยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสม แต่อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันในส่วนแผนงานของประเทศไทย ก็ยังไม่ชัดเจน เพราะหากดูที่ด้านการผลิตแล้วในส่วนของซัพพลาย ยังไม่มีความพร้อมในหลายด้าน รวมถึงโครงสร้างพื้นฐาน ก็คงจะต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง จึงมองว่าความเป็นไปได้ของรถยนต์พลังงานไฟฟ้านั้น คงต้องรอจังหวะ และเวลาที่เหมาะสม คาดว่าถ้าจะให้มีความพร้อมจริงๆ น่าจะอีก 10 ปีข้างหน้า
ABOUT THE AUTHOR
นุสรา เงินเจริญ
ภาพโดย : เกรียงศักดิ์ ปันสมนิตยสาร 399 ฉบับเดือน ธันวาคม ปี 2564
คอลัมน์ Online : สัมภาษณ์พิเศษ(formula)
คำค้นหา