บทความ
พาชมไฮไลท์รถเด่นในงาน Paris Motor Show 2024
Autoinfo Online พาไปชมไฮไลท์รถเด่นในงานมหกรรมยานยนต์ปารีส (Paris Motor Show) หรือที่รู้จักกันในชื่อ Mondial de l‘Auto จัดขึ้นที่ Paris Expo Porte de Versailles เมืองปารีส ประเทศฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ 14-20 ตุลาคม 2024 ทัพรถยนต์ใหม่จากยุโรป รถยนต์หน้าใหม่จากแดนมังกร และเวทีแสดงนวัตกรรมยานยนต์ แสดงสู่สายตาคนทั่วโลก
มหกรรมยานยนต์ปารีส ปีนี้จัดเป็นครั้งที่ 90 ซึ่งมีความคึกคักเป็นพิเศษ จัดใหญ่ จัดเต็มพื้นที่แสดงรถมากถึง 5 ฮอลล์ หลังจากฟื้นตัวกลับมาเมื่อปี 2022 ซึ่งกระแสงานแสดงรถหายไปมากในช่วงปีที่ผ่านมา ปีนี้ผู้ผลิตรถยนต์ระดับโลกยังคงสามารถดึงดูดความสนใจได้พอสมควร ทั้งรถยนต์เปิดตัวใหม่ รถยนต์ต้นแบบ และนวัตกรรมที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต จึงได้คัดตัวเด็ดๆ มาให้ชมกันอย่างจุใจ
Aito
พรีเมียมแบรนด์จากจีน พร้อมยกระดับนำเอารุ่น Aito 5 (ไอโท 5), Aito 7 (ไอโท 7) และ Aito 9 (ไอโท 9) มาจัดแสดง สำหรับตลาดต่างประเทศ Aito 7 เอสยูวีเวอร์ชัน 5 ที่นั่งขนาดใหญ่ เปิดตัวอย่างเป็นทางการ พละกำลังขับเคลื่อนมีให้เลือกทั้งระบบ PHEV และ EREV แบทเตอรี NMC 42 กิโลวัตต์ชั่วโมง จาก CATL โดยมาพร้อมการอัพเกรดเทคโนโลยีช่วยเหลืออัจฉริยะหลัก 6 รายการ อาทิ ระบบความปลอดภัยเชิงรุก ระบบช่วยจอด ฯลฯ นอกจากนี้ รถยนต์รุ่นนี้ยังมีระบบ Huawei ADS 3.0 ที่ได้รับการอัพเกรดให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์การขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง
Alfa Romeo
สุดยอดแบรนด์รถสปอร์ทจากอิตาลี นำ Alfa Romeo 33 Stradale (อัลฟา โรเมโอ 33 สตราดาเล) สปอร์ทคาร์ขุมพลังเบนซิน V6 3.0 ลิตร ทวินเทอร์โบ 620 เป็นอีกตำนานรุ่นสุดท้ายของค่ายที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน คงกลิ่นอายความเป็นรถสปอร์ทคลาสสิค นอกจากนี้ ยังมี Alfa Romeo Junior (อัลฟา โรเมโอ จูเนียร์) ครอสส์โอเวอร์คอมแพคท์รุ่นใหม่พลังไฮบริด เครื่องยนต์เบนซิน 1.2 ลิตร เทอร์โบชาร์จ พ่วงมอเตอร์ไฟฟ้าขนาดเล็ก ให้กำลังรวม 134 แรงม้า 0-62 ไมล์/ชั่วโมง ใน 8.9 วินาที มาจัดแสดงเป็นครั้งแรกในงานอีกด้วย
Alpine
ค่ายรถสปอร์ทแดนน้ำหอมที่ไม่ค่อยคุ้นหู นำไฮไลท์รถยนต์ต้นแบบคอนเซพท์มาจัดแสดงถึง 2 รุ่น ได้แก่ Alpine A390_β Concept (อัลไพน์ เอ 390 เบทา คอนเซพท์) เอสยูวีสปอร์ทสไตล์ฟาสต์แบคพลังไฟฟ้ารุ่นแรก สร้างขึ้นเพื่อเป็น A110 for five สำหรับคันที่จัดแสดงในงานจะเป็นเพียงรถต้นแบบ ซึ่งการออกแบบเน้นสอดคล้องกับตัวรถที่จะออกจำหน่ายจริงถึง 85 % พร้อมเปิดตัวรุ่นผลิตจริงอย่างเป็นทางการในปี 2025 เหมาะสำหรับทุกไลฟ์สไตล์ นอกจากนี้ ยังมี Alpine Alpenglow HY6 (อัลไพน์ อัลเพนโกลว์ เอชวาย 6) ไฮเพอร์คาร์แนวคิดพลังงานไฮโดรเจน เครื่องยนต์ V6 3.5 ลิตร เทอร์โบคู่ เชื้อเพลิงเก็บในถังไฮโดรเจนแรงดันสูง 3 ถัง ตัวรถถูกออกแบบมาเพื่อเป็นรถสำหรับการแข่ง Endurance และเป็นต้นแบบให้แก่ซูเพอร์คาร์ในอนาคตอย่างแท้จริง
Audi
ค่ายสี่ห่วงได้เปิดตัวรถเอสยูวีรุ่นใหม่ กับ Audi Q6 Sportback e-tron (เอาดี คิว 6 สปอร์ทแบค อี-ทรอน) เป็นครั้งแรกในโลก เพิ่มรุ่น Sportback ที่โฉบเฉี่ยวสไตล์รถคูเป มาเป็นรถเอสยูวีพลังงานไฟฟ้า มอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนล้อหลัง และแบบ 4 ล้อ แบทเตอรีทุกรุ่นยังมาพร้อมสถาปัตยกรรม 800V ติดตั้งแบทเตอรีลิเธียม-ไอออน ขนาด 100 กิโลวัตต์ชั่วโมง ให้ระยะทางวิ่งสูงสุด 607 กม./การชาร์จ 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP ไฮไลท์โดดเด่นอยู่ที่ ไฟหน้าใหม่แบบดิจิทอล Active Digital Light Signature และไฟท้ายแบบ OLED เจเนอเรชันที่ 2 ที่เป็นครั้งแรกของโลก กับฟังค์ชันปรับเปลี่ยนกราฟิคไฟเพื่อสื่อสารแจ้งเตือนผู้ใช้รถคันอื่นได้ เช่น การปรับเปลี่ยนเป็นสัญลักษณ์สามเหลี่ยม ไฟฉุกเฉิน ยกระดับความปลอดภัยขั้นสูงสุด
BMW
ค่ายใบพัดเครื่องบินสีฟ้าขาวจากเยอรมนี ปีนี้นำรถนวัตกรรมมาจัดแสดงเช่นกัน โดยเฉพาะไฮไลท์อย่าง BMW Vision Neue Klasse X (บีเอมดับเบิลยู วิชัน นิว คลาสส์ เอกซ์) ยนตรกรรมแห่งอนาคตในรูปแบบครอสส์โอเวอร์ SAV มาพร้อมระบบปฏิบัติการ BMW iDrive และระบบขับเคลื่อน eDrive เจเนอเรชัน 6 ที่ขับขี่ไฟฟ้าได้ไกลขึ้น 30 % โดดเด่นด้วยการออกแบบด้านหน้าใหม่ที่มาพร้อมกระจังหน้าไตคู่ดีไซจ์นย้อนยุคทศวรรษปี 1930 ผสมผสานกับการปรับแต่งให้มีความล้ำสมัย สไตล์มีนีมอล และโครงสร้างแชสซีส์ที่พัฒนาขึ้นเพื่อโครงสร้างแบบ Neue Klasse โดยเฉพาะใน BMW รุ่นอนาคต
นอกจากนี้ ยังมีรถยนต์พลังงานไฟฟ้าทางเลือก BMW iX5 Hydrogen fuel cell (บีเอมดับเบิลยู ไอเอกซ์ 5 ไฮโดรเจน ฟิวล์ เซลล์) เป็นการร่วมพัฒนากับทั้ง 2 บริษัทยักษ์ใหญ่ของโลกอย่าง BMW และ Toyota (โตโยตา) ที่จะร่วมกันพัฒนาผลิตเทคโนโลยีเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน ให้พละกำลัง 170 แรงม้า ทำงานร่วมกับระบบขับเคลื่อนอย่าง BMW eDrive Gen 5 คือ ระบบมอเตอร์ไฟฟ้า ชุดเกียร์ และพลังงานไฟฟ้าที่ทำงานในชุดเดียวกัน และยังจัดแสดง BMW M Hybrid V8 (บีเอมดับเบิลยู เอม ไฮบริด วี 8) รถแข่งต้นแบบ มาพร้อมขุมพลังไฮบริด 671 แรงม้า โดยพัฒนาภายใต้ธีม Le Mans Daytona h prototype โดยเฉพาะ
Cadillac
ค่ายรถยนต์พรีเมียมจากสหรัฐอเมริกา ปีนี้เปิดตัวรถยนต์ขนาดกลางแบบครอสส์โอเวอร์ทั้ง 2 รุ่น ได้แก่ Cadillac Lyriq (แคดิลแลค ไลริค) เอสยูวีไฟฟ้าหรูสร้างขึ้นบนพื้นฐาน EV Platform รุ่นแรกในเครือ GM ชื่อว่า Ultium Platform ออกแบบล้ำสมัยทั้งภายนอก ภายใน ขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้า 340 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 440 นิวทันเมตร แบทเตอรีมีขนาดให้เลือกตั้งแต่ 50 กิโลวัตต์ชั่วโมง ไปจนถึง 200 กิโลวัตต์ชั่วโมง และ Cadillac Optiq (แคดิลแลค ออพทิค) คอมแพคท์เอสยูวีไฟฟ้า 5 ขุมพลังไฟฟ้าไฮไลท์ทั้ง 2 รุ่น คือ ได้พัฒนาระบบ Ultium Energy Recovery ปั๊มควบคุมการทำงานของระบบอีเลคทรอนิคส์ เก็บความร้อนที่เป็นพลังงานส่วนเกิน และระบบขับเคลื่อนให้มีเสถียรภาพที่สุด เป็นอีกค่ายที่หันมาพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าได้เทคโนโลยีล้ำไม่ธรรมดา
Citroen
แบรนด์รถยนต์สัญชาติฝรั่งเศสที่เปิดตัวรถใหม่ต้นแบบมากถึง 4 รุ่น เริ่มต้นด้วยน้องเล็กปรับลุคใหม่ Citroen AMI (ซีตรอง เอมี) รถ 4 ล้อไฟฟ้าขนาดเล็กสุดแปลก มาพร้อมชุดแต่งสายลุย Buggy Vision รวมไปถึง Citroen e-C4/C4X Hybrid (ซีตรอง อี-เซ 4/เซ 4 เอกซ์ ไฮบริด) ที่อัพเกรดอุปกรณ์ ชุดไฟหน้า กระจังหน้าที่ออกแบบใหม่ ภายในเพิ่มลูกเล่นจอแสดงผล 10 นิ้ว ฯลฯ และไฮไลท์ต้นแบบ Citroen C5 Aircross (ซีตรอง เซ 5 แอร์ครอสส์) เอสยูวีพลังงานไฟฟ้าล้วนรุ่นใหม่ เตรียมผลิตจริงในตลาดยุโรป ปี 2025
Dacia
อีกหนึ่งผู้ผลิตรถยนต์ Dacia (ดาเซีย) ซึ่งเป็นพันธมิตรร่วมกับค่าย Renault (เรอโนลต์) ส่งรถเอสยูวีรุ่นใหม่ออกสู่ตลาดยุโรปอย่าง Dacia Bigster (ดาเซีย บิกสเตอร์) เอสยูวีขนาดกลางดีไซจ์นดุดันเหลี่ยมคมเป็นเอกลักษณ์ สำหรับครอบครัว มิติขนาดใหญ่เน้นใช้งานอเนกประสงค์ แต่ราคาเป็นมิตร พื้นที่เก็บสัมภาระขนาดมหึมา 667 ลิตร ไฮไลท์อยู่ที่ขุมพลังเบนซินแบบ Mild Hybrid พร้อมระบบขับเคลื่อนล้อหน้า หรือ 4 ล้อ รวมถึงระบบไฮบริดพ่วงมอเตอร์ไฟฟ้า และแบทเตอรีขนาด 1.4 กิโลวัตต์ชั่วโมง กำลังสูงสุด 155 แรงม้า สามารถขับเข้าโหมด EV มากกว่า 80 % ช่วงขับขี่ในเมือง พร้อมจำหน่ายในช่วงต้นปี 2025
Delage
อีกหนึ่งผู้ผลิตรถยนต์ และรถแข่งระดับหรูสัญชาติฝรั่งเศส จัดแสดงไฮบริดไฮเพอร์คาร์อย่าง Delage D12 (เดอลาจ ดี 12) ใช้เทคโนโลยีจากรถแข่ง F1 ตัวถังหลักของรถถูกแยกส่วนกับชุดสปอยเลอร์หน้าคาร์บอนไฟเบอร์ ด้านข้างยังมาพร้อมช่องดักอากาศขนาดใหญ่ ใช้ลดอุณหภูมิภายในเครื่องยนต์ ขุมพลังเป็นเครื่องยนต์ V12 ขนาด 7.6 ลิตร ไร้ระบบอัดอากาศ เสริมด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า และส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ กำลังสูงสุดจากเครื่องยนต์ 990 แรงม้า เสริมจากมอเตอร์ 110 แรงม้า รวมทั้งสิ้น 1,100 แรงม้า กับน้ำหนักตัวรถไม่เกิน 1.4 ตันเท่านั้น ผลิตจำกัดเพียง 30 คัน
Ford
ค่ายรถดาวเด่นจากอเมริกันพร้อมบุกตลาดยุโรป จัดแสดงรถใหม่หลากหลายรุ่น ไฮไลท์อย่าง Ford Capri (ฟอร์ด กาปรี) เอสยูวีสไตล์คูเป ขุมพลังไฟฟ้าล้วน ดัดแปลงชิ้นส่วนจาก Ford Explorer (ฟอร์ด เอกซ์พลอเรอร์) คืนชีพรถฟาสต์แบคในยุค 70s ด้วยการใช้พแลทฟอร์ม MEB ของ Volkswagen Group (โฟล์คสวาเกน กรุพ) มาผลิตรถครอสส์โอเวอร์ เอสยูวีขนาดคอมแพคท์ ขุมพลังของรุ่นพื้นฐานจะใช้มอเตอร์เดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลัง พละกำลังสูงสุด 286 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 545 นิวทันเมตร แบทเตอรีชาร์จไฟวิ่งไกลสุด 624 กม./การชาร์จ 1 ครั้ง
และเผยโฉมครั้งแรกกับ Ford Ranger PHEV (ฟอร์ด เรนเจอร์ พีเอชอีวี) รถพิคอัพแบบพลัก-อิน ไฮบริด ยังคงเน้นความบึกบึน ทนทาน สามารถบรรทุก ลากจูง และลุยเส้นทางขรุขระได้เหมือนกับรุ่นเครื่องยนต์สันดาป แต่รุ่นนี้เป็นการผสมผสานระหว่างขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ EcoBoost ขนาด 2.3 ลิตร เข้ากับระบบขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า แบทเตอรีขนาด 11.8 กิโลวัตต์ชั่วโมง รวมพละกำลังสูงสุด 275 แรงม้า แรงบิด 690 นิวทันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ วิ่งในโหมดไฟฟ้าล้วนไกล 45 กม. ตามมาตรฐาน WLTP ไฮไลท์ยังมาพร้อมระบบ Pro Power Onboard สามารถจ่ายไฟสูงสุด 2.3 กิโลวัตต์ แก่อุปกรณ์ไฟฟ้าภายนอก ตอบโจทย์การใช้งานนอกสถานที่เป็นอย่างดี
Forthing
อีกหนึ่งค่ายรถยนต์จากประเทศจีนที่เป็นเจ้าของโดย Dongfeng Liuzhou Motor ส่งแบรนด์น้องใหม่เข้าสู่ตลาดยุโรป นำรถตู้รุ่นเรือธงอย่าง Forthing V9 (ฟอร์ธิง วี 9) เอมพีวีพลัก-อิน ไฮบริดรุ่นใหม่ 7 ที่นั่ง และมีนีเอมพีวี Forthing S7 (ฟอร์ธิง เอส 7) เน้นกลุ่มตลาดครอบครัว พร้อมประกาศเดินหน้าพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า และระบบอัจฉริยะต่อไป โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมสู่ตลาดโลกในปี 2025
GAC Group
มาถึงยักษ์ใหญ่จากจีนอย่าง GAC Group (จีเอซี กรุพ) นำรถยนต์หลายรุ่นมาจัดแสดงในงานนี้ ทั้งรุ่น GAC Trumpchi ES9 PHEV (จีเอซี ทรัมพ์ชิ อีเอส 9 พีเอชอีวี) เอสยูวีขนาดใหญ่ขุมพลังพลัก-อิน ไฮบริด 373 แรงม้า มีให้เลือกทั้ง 6-7 ที่นั่ง พร้อมขนทัพรถยนต์ไฟฟ้า 100 % จาก Aion (ไอออน) ได้แก่ Aion V (ไอออน วี) ซึ่งเป็นรถยนต์เชิงกลยุทธ์ระดับโลกรุ่นแรกของ GAC Aion และรถไฮเพอร์คาร์พรีเมียมอย่าง Hyptec SSR (ไฮพ์เทค เอสเอสอาร์) รถยนต์ไฟฟ้า 100 % มาพร้อมพละกำลังรวมสูงถึง 1224 แรงม้า วิ่งได้ไกลสุด 506 กม. โดยรถยนต์ในเครือ GAC Group เป็นอีกค่ายที่พร้อมบุกตลาดยุโรปเต็มตัว ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากก็ว่าได้
Hongqi
อีกหนึ่งยี่ห้อค่ายธงแดงจากประเทศจีนที่กระแสมาแรงที่สุด ณ เวลานี้ บุกตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง พร้อมเปิดตัวรถพลังงานใหม่ภายในงานอย่าง Hongqi EH7 (หงฉี อีเอช 7) ซีดานไฟฟ้าล้วน 100 % Hongqi EHS7 (หงฉี อีเอชเอส 7) เอสยูวีพลังงานไฟฟ้า โดยทั้ง 2 รุ่นขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า สร้างขึ้นบนพแลทฟอร์มไฟฟ้า "TianGong" มอบความหรูหราชั้นยอด และความสบายขั้นสุด อีกทั้งเริ่มเปิดจำหน่ายล่วงหน้าในยุโรปแล้ว
นอกจากนี้ ยังเผยโฉมรถซีดานหรูพลัก-อิน ไฮบริด Hongqi Guoya (หงฉี กั๋วหย่า) เตรียมบุกตลาดโลก พร้อมระบบส่งกำลังเครื่องยนต์ไฮบริด 2 แบบ พละกำลังมหาศาล กำลังสูงสุด 489 แรงม้า ดีไซจ์นเน้นความหรูหราเต็มพิกัด เตรียมบุกตลาดจีนในปีหน้า แสดงให้เห็นถึงวิศวกรรมที่ล้ำสมัย และความพร้อมของ Hongqi อย่างชัดเจน
Kia
ค่ายรถยนต์แดนกิมจิกลับมาสู่ตลาดยุโรปอีกครั้งในรอบ 6 ปี พร้อมยกระดับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า โดยมุ่งหวังที่จะมีฐานที่มั่นที่ใหญ่ขึ้นในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่มีการแข่งขันสูงของยุโรป มาพร้อมรถยนต์ต้นแบบ และรถยนต์ใหม่ที่จะมากระตุ้นความต้องการรถยนต์แปลกใหม่อย่าง Kia EV3 (เกีย อีวี 3) เอสยูวีไฟฟ้ารุ่นเล็ก มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว ให้กำลัง 204 แรงม้า แรงบิด 283 นิวทันเมตร แบทเตอรีขนาด 81.4 กิโลวัตต์ชั่วโมง วิ่งไกลสุด 600 กม./การชาร์จ 1 ครั้ง และยังมี Kia PV5 Concept (เกีย พีวี 5 คอนเซพท์) รถตู้ขุมพลังไฟฟ้าเจเนอเรชันใหม่ ภายใต้แนวคิด "On the Fly" ด้วยพแลทฟอร์มรถไฟฟ้าแบบ PBV (Platform Beyond Vehicle) มีกำหนดเปิดตัวในช่วงต้นปี 2025
Leapmotor
ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติจีนภายใต้การดูแลของ Stellantis (สเตลแลนทิส) นำรถใหม่พร้อมเปิดตัว Leapmotor B10 (ลีพมอเตอร์ บี 10) เผยโฉมเป็นครั้งแรกในโลก เอสยูวีซีรีส์ B ซึ่งมีขนาดกะทัดรัด สร้างขึ้นบนสถาปัตยกรรม Leap 3.5 ประกอบด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะขั้นสูง มาพร้อมระบบ ADAS รองรับระบบขับขี่อัตโนมัติ L3 เต็มรูปแบบ ถือเป็นก้าวสำคัญในการขยายธุรกิจทั่วโลกของ Leapmotor
MINI
อีกหนึ่งค่ายที่นำรถรุ่นพิเศษมาเปิดตัวในงานกับ MINI JCW Electric (มีนี จอห์น คูเพอร์ เวิร์คส์ อีเลคทริค) และ MINI JCW Aceman (มีนี จอห์น คูเพอร์ เวิร์คส์ เอศแมน) เป็นครั้งแรกของ John Cooper Works โมเดลพิเศษที่เสริมความสปอร์ทตัวแรง ครั้งนี้มาพร้อมระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วน 100 % กับขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้า 258 แรงม้า แบทเตอรีขนาด 54.2 กิโลวัตต์ชั่วโมง ชาร์จไฟวิ่งไกล 371 กม. ในรุ่น JCW Electric และ 355 กม. ในรุ่น JCW Aceman ซึ่งทั้ง 2 รุ่นในช่วงแรกจะถูกผลิตขึ้นในโรงงานจากประเทศจีน และจะเริ่มผลิตในโรงงานเมืองออกซ์ฟอร์ด ประเทศอังกฤษ ตั้งแต่ปี 2026 เป็นต้นไป คาดว่าจะเปิดตัวในประเทศไทยต้นปีหน้าอีกด้วย
Peugeot
มาต่อที่ค่ายสิงโตฝรั่งเศส ปีนี้นำเอารถครอสส์โอเวอร์สไตล์ฟาสต์แบครุ่นใหม่พลังไฟฟ้าล้วน นั่นคือ Peugeot E-408 (เปอโฌต์ อี-408) เปิดตัวเป็นครั้งแรก ก่อนหน้า 408 มีรูปแบบขุมพลังทั้งเบนซิน, ดีเซล Mild Hybrid และเบนซิน Plug-in Hybrid ครั้งนี้เลือกใช้ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 210 แรงม้า ขับเคลื่อนล้อหน้า จับคู่กับแบทเตอรี 58.2 กิโลวัตต์ชั่วโมง ให้ระยะวิ่งไกลสุด 453 กม./การชาร์จ 1 ครั้ง ความเร็วในการชาร์จสูงสุดที่ 120 กิโลวัตต์ มีรูปแบบการตกแต่งแบบ Allure เน้นหรูหรา และ GT Trims เน้นความสปอร์ท
ที่ขาดไม่ได้กับไฮไลท์รถต้นแบบ Peugeot 9X8 (เปอโฌต์ 9 เอกซ์ 8) ไฮเพอร์คาร์ที่สร้างเพื่อลงสนามแข่ง Le mans โดยเฉพาะ และ Peugeot Inception (เปอโฌต์ อินเซพชัน) รถที่ผสมผสานการออกแบบระหว่างรถยนต์ซีดาน และรถครอสส์โอเวอร์เข้าด้วยกัน สร้างบนพื้นฐาน STLA Large ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ ให้กำลังสูงสุด 680 แรงม้า ขับเคลื่อน 4 ล้อ สามารถทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3 วินาที
Renault
ผู้ผลิตรถยนต์แดนน้ำหอม ในปีนี้จัดเต็มทั้งรถยนต์ใหม่ และรถยนต์ต้นแบบ ออกสู่ตลาดโลกหลายรุ่น ได้แก่ Renault Embleme (เรอโนลต์ อังแบลม) คอนเซพท์คาร์สไตล์ Crossover Hatchback และ Shooting Brake ไว้ด้วยกัน เกิดจากแนวคิดของ Renault ที่ใช้สถาปัตยกรรม AmpR Medium พลังงานเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน CMF-EV วิ่งระยะทางได้ไกลขึ้น รวมทั้งยังลดการปล่อยคาร์บอนได้ถึง 90 % รูปทรงรถเน้นแอโรไดนามิค ค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ 0.25 Cd ยังมี Renault Twingo (เรอโนลต์ ทวิงโก) คอนเซพท์คาร์แฮทช์แบคใหม่ รูปทรงได้รับแรงบันดาลใจจากเจเนอเรชันแรก เพิ่มความทันสมัย และออกแบบไฟหน้าให้ดูสนุกสนานขึ้น ด้วยพแลทฟอร์มโมดูลาร์ "AmpR Small" และ Renault Estafette Concept (เรอโนลต์ แอสตาแฟตเตอ คอนเซพท์) รถต้นแบบ ตู้ขนของพลังไฟฟ้า ที่มีดีไซจ์นย้อนยุคคลาสสิคในยุค 1960 จุดเด่นอยู่ที่หลังคาสูง ใช้พแลทฟอร์ม FlexEVan ที่พัฒนาร่วมกับ Volvo (โวลโว) พร้อมเตรียมเปิดตัวรุ่นผลิตจริงปี 2026
นอกจากนี้ ยังมีรถยนต์เปิดตัวใหม่ Renault R5 Roland Garros E-Tech (เรอโนลต์ อาร์ 5 โรลองด์ การ์โรส อี-เทค) เพิ่มรุ่นพิเศษความร่วมมือระหว่าง Renault กับการแข่งขันเทนนิสเฟรนช์โอเพน "Roland-Garros" เน้นตกแต่งด้วยผ้ารีไซเคิลหุ้มเบาะภายใน แรงบันดาลใจจากเทคนิคการผลิตผ้าสำหรับชุดกีฬา และ Renault 4 เป็นรถคอมแพคท์เอสยูวีไฟฟ้ารุ่นหนึ่งที่ประสบความสำเร็จสูงสุด โดยมาพร้อมดีไซจ์นย้อนยุคล้ำยุคที่คล้ายคลึงกัน
Skoda
แบรนด์ที่ไม่มีในไทยจากประเทศสาธารณรัฐเชค เปิดตัวรถใหม่อย่าง Skoda Elroq (สโกดา เอลรค) รถไฟฟ้าเอ-เซกเมนท์ บนพแลทฟอร์ม MEB จากค่าย Volkswagen (โฟล์คสวาเกน) ภายนอกออกแบบ Tech-Deck Face พร้อมขุมพลังไฟฟ้าล้วน ราคาจับต้องได้ง่าย มอเตอร์ไฟฟ้ามีให้เลือกตั้งแต่ 168-296 แรงม้า ทำงานร่วมกับแบทเตอรีความจุ 82 กฺโลวัตต์ชั่วโมง ให้ระยะทางสูงสุด 581 กม. (ตามมาตรฐาน WLTP) ความเร็วสูงสุด 160-180 กม./ชม. ขึ้นอยู่กับพละกำลัง มีให้เลือกทั้งรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ และขับเคลื่อน 4 ล้อ สามารถชาร์จ 10-80 % ภายในเวลา 28 นาที เป็นตัวเลือกรถยนต์คันเล็กที่ช่วยมลพิษกลายเป็นศูนย์สำหรับตลาดยุโรปเป็นหลัก
Skyworth
เป็นอีกแบรนด์จากประเทศจีน อดีตเป็นบริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เพิ่งเข้าสู่อุตสาหกรรมรถยนต์ไม่นานนัก นำเอารถยนต์ต้นแบบมาแสดง Skyworth Y (สกายเวิร์ธ วาย) รถซีดานไฟฟ้า Skyworth Hongtu (สกายเวิร์ธ หงตู) รถตู้พลังงานไฟฟ้าล้วน 100 % และพร้อมออกสู่ตลาดยุโรปด้วยรถยนต์แฮทช์แบคไฟฟ้า Skyworth Q (สกายเวิร์ธ คิว) จะมาถึงในช่วงครึ่งหลังของปี 2025 โดยมีระยะทางวิ่งมากกว่า 300 ไมล์ และมีราคาที่คุ้มค่ากว่าคู่แข่ง เปิดตัวในตลาดสหราชอาณาจักรเมื่อไม่นานนี้
THK
จากบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์จากญี่ปุ่นสู่รถยนต์ไฟฟ้าต้นแบบ THK LSR-05 (ทีเอชเค แอลเอสอาร์-05) ครอสส์โอเวอร์สไตล์คูเป นำเสนอเทคโนโลยีของรถไฟฟ้าที่บริษัทพัฒนาขึ้นเอง ฝีมือการออกแบบของสตูดิโออิสระ SN Design Platform ที่มีอดีตหัวหน้านักออกแบบของ Nissan (นิสสัน) นั่นคือ Shiro Nakamura รูปทรงภายนอกดูทันสมัย และหรูหรา ผสมผสานรูปลักษณ์ภายนอกที่หรูหรา และสปอร์ท เข้ากับการตกแต่งภายในที่ทันสมัย และสะดวกสบาย ขุมพลังขับเคลื่อนเป็นแบบไฟฟ้า 800V มอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว รวมกำลังทั้งหมด 544 แรงม้า ทั้งหมดนี้สร้างขึ้นจากเทคโนโลยีขั้นสูงของ THK
Volkswagen
บริษัทรถยนต์อันดับต้นๆ ของโลก ปีนี้ก็ไม่น้อยหน้า กับการนำรถยนต์ต้นแบบ และเปิดตัวรถรุ่นใหม่ ได้แก่ Volkswagen ID. GTI Concept (โฟล์คสวาเกน ไอดี. จีทีไอ คอนเซพท์) รถยนต์ไฟฟ้าแฮทช์แบคตัวแรง ถูกต่อยอดมาจากรถต้นแบบ ID.2all Concept (ไอดี.2 ออลล์ คอนเซพท์) ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว พร้อมระบบลอคเฟืองขับล้อหน้าควบคุมด้วยระบบอีเลคทรอนิคส์ ซึ่งได้รับการปรับแต่งจากทีมงาน GTI Experience Control ได้กลิ่นอาย GTI รุ่นก่อน
และอีกรุ่นที่มาเปิดตัว Volkswagen Tayron (โฟล์คสวาเกน เทย์รน) รถเอสยูวี 7 ที่นั่งรุ่นใหม่ รุ่นต่อยอดจาก Tiguan (ทีกวน) มีความโดดเด่นในด้านพื้นที่เก็บสัมภาระมากขึ้น มีเครื่องยนต์ให้เลือก ได้แก่ เครื่องยนต์เบนซิน Mild Hybrid เบนซิน ดีเซล และ Plug-in Hybrid จะเน้นทำตลาดในยุโรปโดยเฉพาะ
Xpeng
แบรนด์ไฟฟ้าพรีเมียมใหม่ เปิดตัวรถซีดานอัจฉริยะรุ่นใหม่ Xpeng P7+ (เสี่ยวเผิง พี 7 พลัส) เรียกว่าเป็นรถยนต์ AI รุ่นแรกของโลก ไฮไลท์อยู่ที่นำเทคโนโลยี AI มาใช้ตลอดกระบวนการผลิต โดยในทุกรุ่นมาพร้อมกับเทคโนโลยี AI Eagle Eye Vision Solution รุ่นใหม่เป็นมาตรฐาน ซึ่งถือเป็นตัวช่วยระบบขับขี่อัจฉริยะระดับสูงผสานกับ AI Tianji XOS 5.4.0 เป็นผู้ช่วยขับขี่ ซึ่งสามารถเปิดใช้งานได้แม้รถจอดนิ่ง ช่วยให้ผู้ขับขี่เพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การขับขี่ที่ปลอดภัยกว่า ฉลาดกว่า เร็วกว่า ยั่งยืนกว่าที่เคย พร้อมเปิดจำหน่ายล่วงหน้าภายในงานอีกด้วย