บทความ
ตำนานที่ล้มเหลว ! รถคอนเซพท์ที่ไม่เคยถึงฝั่งฝัน
Concept Car แม้จะสร้างความฮือฮาในวงการยานยนต์ แต่สุดท้ายหลายรุ่นที่หลายคนตั้งตารอ กลับไม่เคยถูกผลิตจริง ด้วยเหตุผลหลากหลาย ภาพสะท้อนของความกล้าคิด กล้าฝัน ของนักออกแบบ และวิศวกร แม้จะไม่เคยถึงเส้นชัย แต่มักกลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับรถรุ่นใหม่ในอนาคตHighlight
รถแนวคิด หรือ "Concepts Cars" คือ ความฝันของนักออกแบบ และวิศวกรที่ถูกถ่ายทอดออกมาในรูปรถยนต์สุดล้ำ อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีแห่งอนาคต ดีไซจ์นล้ำยุค และแนวคิดที่หวือหวา แต่น่าเศร้าที่หลายคันไม่เคยได้ออกจากงานแสดงรถยนต์ ไม่มีแผนพัฒนาต่อ กลับกลายเป็นเพียงตำนานที่ไม่เคยถึงฝั่งฝัน วันนี้เราจะพาไปรู้จักกับรถคอนเซพท์ที่ล้ำสมัย เทคโนโลยีสุดปังที่สุดท้ายแผนล้มเหลวอย่างน่าเสียดาย
Aston Martin Bulldog
ในปี 1980 Aston Martin ซึ่งกำลังประสบปัญหาทางการเงิน วางแผนที่จะผลิตรถยนต์รุ่นใหม่ที่ใช้เครื่องยนต์ 8 สูบเทอร์โบคู่จำนวน 25 เครื่อง และหวังเป็นซูเพอร์คาร์รุ่นแรกของบแรนด์ ด้วยการออกแบบที่สุดโต่งในด้านหลักอากาศพลศาสตร์ พร้อมเอกลักษณ์ประตูแบบปีกนก Gullwing Door แต่สุดท้ายเจ้ารถรุ่นนี้กลับผลิตได้เพียง 1 คัน หรือมีเครื่องเดียวเท่านั้นในโลก และไม่ประสบความสำเร็จในที่สุด Aston Martin อ้างว่าเครื่องยนต์ V8 ขนาด 5.3 ลิตร 600 แรงม้า ของพวกเขาสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 200 ไมล์/ชม. ราวๆ 322 กม./ชม. แต่กว่ารถที่ได้รับการบูรณะใหม่จะพิสูจน์ได้ก็ต้องใช้เวลานานถึงปี 2023
Carbon Motor E7
รถซีดานคอนเซพท์ที่ออกแบบมาเพื่อเป็นรถตำรวจโดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา เปิดตัวในปี 2008 โดยบริษัท Carbon Motors Corporation รถคันนี้ถูกออกแบบให้มีเทคโนโลยีล้ำสมัย เช่น ระบบจดจำป้ายทะเบียนอัตโนมัติ, กล้องวงจรปิด 360 องศา และอุปกรณ์สื่อสารในตัว ใช้เครื่องยนต์ดีเซลจาก BMW เพื่อประสิทธิภาพ และความทนทานสูง อย่างไรก็ตาม โครงการนี้ต้องล้มเหลวอย่างหนักเนื่องจากปัญหาทางการเงิน และไม่สามารถระดมทุนได้เพียงพอ และรัฐบาลสหรัฐฯ ยังปฏิเสธคำขอกู้เงินจำนวน 310 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากกระทรวงพลังงาน เพื่อนำมาช่วยวิกฤตบริษัททำให้ต้องยุติกิจการในปี 2013 โดยที่ E7 เป็นรถต้นแบบที่ไม่เคยเข้าสู่สายการผลิตจริงแม้แต่คันเดียว นับเป็นหนึ่งในโครงการรถคอนเซพท์ที่มีเป้าหมายชัดเจนแต่ไม่เคยมีใครได้ใช้งานจริงแม้แต่คันเดียว
Nissan Mid4
สปอร์ทคอนเซพท์หนึ่งในตำนานที่น่าเสียดาย ในอดีตเราทุกคนคงเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับวิธีที่ Honda สร้าง NSX เพื่อนำมาต่อกรกับ Ferrari รวมถึงซูเพอร์คาร์ค่ายอื่นๆ ต้องยกระดับตัวเองขึ้นมาอีกขั้น แน่นอนว่า Nissan ได้ลงทุนกับสปอร์ทของเขาเช่นเดียวกัน รถแนวคิดคันนี้ใส่เครื่องยนต์ไว้บริเวณกลางลำเป็น Mid-Engine แบบ V6 ขนาด 3.0 ลิตร ให้กำลัง 242 แรงม้า พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ เน้นการออกแบบขับขี่ด้วยสมรรถนะสูง ซึ่งแน่นอนว่าการพัฒนารถเข้าสู่สายการผลิตต้องมีงบประมาณในการพัฒนาที่สูงมากตามมาด้วย แต่หากการพัฒนา Mid4 ของ Nissan ในปี 1985 และ Mid4 II ทวินเทอร์โบในปี 1987 ไม่ถูกยกเลิกไปนั้น สปอร์ทคอนเซพท์ของ Nissan ก็คงได้รับเสียงชื่นชมจากแฟนๆ จนถึงปัจจุบันไม่น้อย
BMW M1 Homage
รถแนวคิดครบรอบ 30 ปี ผลงานของ Chris Bangle อดีตหัวหน้าฝ่ายออกแบบของ BMW เปิดตัวที่ Concorso d’Eleganza ริมทะเลสาบโคโม ประเทศอิตาลี เมื่อฤดูใบไม้ผลิปี 2008 โดยได้รับแรงบันดาลใจจาก BMW Turbo ในปี 1972 ซึ่งเป็นรถแนวคิดคันแรกของแบรนด์จากเยอรมนี รวมถึงนำกลิ่นอายรถยนต์ BMW M1 รถยนต์สปอร์ทเครื่องใหญ่ที่หลายคนรู้จัก และชื่นชอบ สำหรับ M1 Homage เป็นรถยนต์ต้นแบบที่มีเพียงงานออกแบบเพื่อศึกษาการออกแบบเท่านั้น ยังไม่ระบุระบบส่งกำลัง หรือเครื่องยนต์ขับเคลื่อนใดๆ แม้ว่าจะไม่เคยพิจารณาอย่างจริงจังถึงรุ่นที่ผลิตออกจำหน่าย แต่แนวทางการออกแบบบางส่วนก็ได้รับการถ่ายทอดไปสู่รถสปอร์ทที่หลายคนคุ้นเคยอย่าง BMW i8 สปอร์ทประตูปีกนกพลังไฮบริดที่ออกสู่ตลาดมาในปี 2013
Chrysler ME-412
ความสำเร็จของรถแนวคิด GT40 ที่เกิดใหม่อีกครั้งของ Ford เป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ Chrysler เผยโฉม Chrysler ME-412 ในอีกสองปีต่อมา ซึ่งมันไม่ได้เปิดตัวในฐานะรถแนวคิด แต่เป็นรถที่ออกแบบมาสำหรับการขับขี่บนท้องถนน และพร้อมแข่งขันกับ Lamborghini และ Ferrari โดยตรง ด้วยพละกำลังเครื่องยนต์วางกลาง 6.0 ลิตร พร้อมเทอร์โบ 4 ตัว 12 สูบ ตัวถังคาร์บอนไฟเบอร์ อ้างว่าผลิตกำลังได้ถึง 850 แรงม้า ที่พัฒนาโดยพันธมิตรอย่างแผนก AMG จาก Mercedes-Benz และประกาศว่าจะเดินหน้าโครงการผลิตขึ้นภายในฤดูร้อนปี 2004 แต่สุดท้ายโครงการนี้กลับถูกยกเลิกการผลิต เนื่องจาก ME-412 เป็นรถยนต์ที่ใช้ทรัพยากร และงบประมาณมหาศาลในการพัฒนามากกว่ารถซูเพอร์คาร์บริษัทแม่อย่าง Mercedes-McLaren SLR ในตอนนั้นมีรถยนต์การผลิตสมรรถนะสูงอยู่แล้วทำให้ต้องชะลอการพัฒนา และยุติแผนลงในที่สุด หลังจากนั้นความร่วมมือทั้งสองยักษ์ใหญ่ก็พังทลายลงในปี 2009 ด้วยการขายหุ้นให้กลุ่มทุนใหม่
Audi Quattro Spyder
หนึ่งในสปอร์ทมีผู้สนใจสั่งซื้อมากที่สุดรุ่นหนึ่งของค่าย รถสปอร์ท 2 ประตูเป็นคอนเซพท์ต่อยอดจากรุ่น Quattro และเครื่องยนต์ V6 ขนาด 2.8 ลิตร 168 แรงม้า ที่ชนะการแข่งขันแรลลีหลายครั้ง ทำให้มีผู้สนใจรถคันนี้มากกว่า 3,000 ราย หลังจากเปิดตัวครั้งแรกที่งาน Paris Motor Show ในปี 1991 แต่ด้วยปัญหาด้านลอจิสติคส์การผลิต และความกังวลเกี่ยวกับต้นทุนที่พุ่งสูงขึ้น รวมถึงรถยนต์ซูเพอร์คาร์ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อที่กินส่วนแบ่งการตลาดของ Porsche รถสปอร์ทร่วมค่ายนั้น ทำให้บริษัทต้องยุติการผลิตในอีกหนึ่งปีต่อมา
Ford GT90
คอนเซพท์สานต่อรถแข่งในตำนานจาก Ford GT40 เปิดตัวที่งาน Detroit Auto Show ในปี 1995 โดย Ford อธิบายว่า GT90 เป็นรถต้นแบบที่ใช้งานได้จริง โดยทางผู้ผลิตได้ให้สื่อมวลชนผู้โชคดีได้ทดลองขับไม่นานหลังจากเปิดตัว ขุมพลังมาจากเครื่องยนต์ V12 ที่พัฒนาโดย Ford พร้อมเทอร์โบชาร์เจอร์ Garrett สองตัว ซึ่งให้กำลังถึง 720 แรงม้า และแรงบิด 894 นิวทันเมตร และส่งกำลังไปยังล้อหลังผ่านเกียร์ Ricardo 5 จังหวะ สำหรับ GT90 ก็เป็นความฝันที่ไม่เกิดขึ้นจริงเพราะเนื่องจากข้อจำกัดด้านงบประมาณของ Ford ในขณะนั้น แต่ผู้ที่ชื่นชอบหลายคนคงทราบดีอยู่แล้วว่า Ford ได้ผลิตซูเพอร์คาร์ GT แยกกันสองรุ่นนับตั้งแต่เปิดตัว GT90 รถคันนี้จึงถูกพับแผนไปอย่างถาวร
Honda HSV 010/Acura Advanced Sports Car Concept
Honda HSV 010 และ Acura Advanced Sports Car Concept เปิดตัวครั้งแรกในปี 2007 ตั้งใจให้เป็นรถรุ่นต่อจาก NSX รุ่นแรกที่มีเครื่องยนต์ V10 ที่วางอยู่ด้านหน้า แต่แล้ววิกฤตเศรษฐกิจในปี 2008 ทำให้ Honda ต้องยุติโครงการดังกล่าวไปอย่างน่าเสียดาย แต่โครงการดังกล่าวก็ยังคงดำเนินต่อไปในฐานะรถแข่งเครื่องยนต์ที่วางอยู่ด้านหน้าซึ่งมีชื่อว่า HSV 010 ซึ่งผลิตเข้ามาเพื่อใช้ในการแข่งขันคลาสส์ GT500 ของซีรีส์ Super GT อย่างไรก็ตาม Honda ไม่ยอมแพ้ต่อแนวคิดในการฟื้นคืนชีพรถยนต์สมรรถนะสูง ในปี 2015 Honda ก็ได้ปลุกตำนาน NSX รุ่นที่สองมาเผยโฉมครั้งแรกที่เมืองดีทรอยท์ และยังคงผลิตอยู่จนถึงปัจจุบัน
Cadillac Cien
Cien เป็นภาษาสเปนแปลว่า 100 นับเป็นรถที่ใช้ศาสตร์การตีความ ภาษาการออกแบบเชิงศิลปะ และวิทยาศาสตร์อันเฉียบคมของรถสปอร์ทของค่ายหรูแดนอเมริกัน ครั้งนี้ได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปีของแบรนด์ Cadillac แต่ผู้บริหารระดับสูงของ GM ได้พิจารณาอย่างจริงจังที่จะนำรถรุ่นนี้เข้าสู่การผลิต จนกระทั่งเกิดความตื่นตระหนกเกี่ยวกับความไม่ตรงกันระหว่างราคาจำหน่ายที่น่าจะสูงอยู่ที่ 200,000 เหรียญสหรัฐฯ ขึ้นไป และฐานลูกค้าของ Cadillac ที่ยังน้อยที่จะมีคนจับจองรถสปอร์ทคันนี้ ซึ่งทำให้แนวคิดการผลิตคันจริงถูกระงับไป
Jaguar CX-75
ซูเพอร์คาร์จากแดนผู้ดี ที่มาพลิกโฉมการออกแบบครั้งใหม่ เน้นการขับขี่สนุกเร้าใจ แต่ยังปล่อยมลพิษต่ำ และเดิมทีตั้งใจจะผลิตขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 75 ปีของแบรนด์หรูสัญชาติอังกฤษอย่าง Jaguar โดยเปิดตัวในปี 2010 ในฐานะรถต้นแบบ การพัฒนาประกอบด้วยเครื่องยนต์ 4 สูบ 1.6 ลิตร แบบชาร์จคู่ และระบบไฮบริดแบบมอเตอร์คู่ซึ่งให้กำลังถึง 890 แรงม้า ซึ่งเป็นระบบขับเคลื่อนที่อ้างว่าสามารถขับเคลื่อนรถยนต์ด้วยความเร็วสูงถึง 320 กม./ชม. หลังจากที่เขาเคยทำรถสมรรถนะสูงมาแล้วอย่าง Jaguar XJ220 แต่กับ CX-75 ดันเป็นเรื่องเศร้าอีกครั้ง หลังพโรเจคท์นี้ถูกระงับการพัฒนาลงในปี 2012 เนื่องจากวิกฤตเศรษฐกิจที่ยังคงดำเนินอยู่ และสถานะภาพทางการเงินที่ไม่ลงตัว ก็ยากที่จะปฎิเสธว่าควรต้องยุติความทะเยอทะยานไว้เพียงแค่นี้ แม้ว่า Jaguar จะยังเก็บรถรุ่นนี้ไว้เพื่อการตลาด และยังจ่ายเงินเพื่อให้นำไปแสดงในภาพยนตร์เรื่อง Spectre ของเจมส์ บอนด์ 007 ในปี 2015 อีกด้วย
Volkswagen W12 Concept
ผู้ที่ชื่นชอบรถยนต์เยอรมันก็อาจไม่รู้จัก Volkswagen W12 Concept เป็นรถซูเพอร์คาร์เปิดตัวครั้งแรกในชื่อ Volkswagen W12 Syncro ที่งาน Tokyo Motor Show ในปี 1997 โดยนำเสนอจุดเด่นกับเครื่องยนต์ W12 ที่วางตรงกลางลำซึ่งให้กำลังมากกว่า 400 แรงม้า และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ “Syncro” ของ VW ต่อมาได้เปิดตัวรุ่น Roer ในปี 1998 ก่อนที่จะเปิดตัวรุ่น Volkswagen W12 Nardo ที่มีการเพิ่มเทอร์โบชาร์จ 4 ตัว ในปี 2001 ซึ่งทำให้เพิ่มกำลังไปถึง 591 แรงม้า แม้ว่า Volkswagen W12 Concept จะไม่เคยถูกผลิตขึ้น แต่เทคโนโลยีเครื่องยนต์แบบเดียวกันนี้ก็ถูกนำมาใช้ในยอดซูเพอร์คาร์อย่าง Bugatti Veyron ที่มีเครื่องยนต์ W16 อันทรงพลัง และยังปรากฏในรถซีดาน VW Phaeton W12 แทนด้วย
Porsche 919 Street
ช่วงปลายทศวรรษ 2010 Porsche ครองตำแหน่งแชมพ์การแข่งขันรถทางเรียบระดับโลกด้วยรถรุ่น 919 Hybrid เป็นรถในตำนานที่สร้างชื่อเสียงอย่างมาก ดังนั้นเพื่อสานต่อตำนาน Porsche ได้พัฒนา 919 Street เป็นรถสปอร์ทสมรรถนะสูงที่แยกตัวออกมาจากรหัส 911, 718 คาดว่าจะมาหวังส่วนแบ่งรถซูเพอร์คาร์ระดับสูงอย่าง Ferrari และ McLaren หรือไปถึงระดับไฮเพอร์คาร์อย่าง Pagani และ Koenigsegg แต่ในความจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น Michael Mauer หัวหน้าฝ่ายออกแบบของ Porsche อ้างว่าเครื่องยนต์ 2 ลิตร V4 ไฮบริดที่พัฒนามาจากมอเตอร์สปอร์ทเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้รถรุ่น 919 Street และ 918 Spyder รุ่นต่อจากนี้ไม่ได้รับความนิยม เนื่องจากข้อจำกัดด้านเทคนิค ความซับซ้อนในการดูแลรักษา และค่าใช้จ่ายในการพัฒนา และผลิตสูงเกินไป Porsche จึงเลือกเก็บ 919 Street ไว้เป็นเพียงรถแนวคิดเพื่อจัดแสดง และจัดการทรัพยากรที่เหมาะสมไปพัฒนารถยนต์รุ่นอื่นต่อไป
Toyota FT-HS
สปอร์ทคอนเซพท์ไฮบริดเปิดตัวในปี 2007 โดยมีเป้าหมายเพื่อเป็นรถสปอร์ทประสิทธิภาพสูงในราคาจับต้องได้ ภายใต้แนวคิด “Future Toyota Hybrid Sport” ตัวรถมาพร้อมเครื่องยนต์ V6 3.5 ลิตร ทำงานร่วมกับระบบไฮบริด ให้กำลังรวม 400 แรงม้า สามารถเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 4 วินาที นอกจากนี้ยังมีหลังคาสามารถพับได้แบบ Targa ซึ่งเป็นลูกเล่นที่โดดเด่น ด้วยความอรรถประโยชน์หลากหลาย หลายคนคาดเดาว่าพร้อมผลิตจริงแน่ แต่สุดท้ายวิกฤตเศรษฐกิจโลกในปี 2008 และความลังเลของตลาดต่อเทคโนโลยีไฮบริดในรถยนต์สปอร์ททั่วโลก ทำให้จำเป็นที่ต้องยุติแผนการผลิตลง แม้แนวคิดของ FT-HS จะไม่สำเร็จในอดีต แต่มันได้กลายเป็นแรงบันดาลใจสำคัญให้กับงานออกแบบรถสปอร์ทรุ่นเล็กอย่าง Toyota GR86 และ Toyota GR Supra รุ่นใหม่ในทศวรรษต่อมา
Lamborghini Calà
ซูเพอร์คาร์คอนเซพท์รุ่นเล็ก เปิดตัวในปี 1995 ออกแบบโดย Italdesign Giugiaro โดยมีเป้าหมายเพื่อเป็นรุ่นทดแทนของ Lamborghini Jalpa ซึ่งเลิกผลิตไปในยุค 80 ไฮไลท์สำคัญอยู่ที่ตัวรถใช้เครื่องยนต์ 10 สูบขนาด 4.0 ลิตร รุ่นแรกของ Lamborghini ให้พละกำลังประมาณ 400 แรงม้า ขับเคลื่อนล้อหลัง และมีโครงสร้างน้ำหนักเบาจากคาร์บอนไฟเบอร์ ดีไซจ์นภายนอกดูโฉบเฉี่ยวล้ำสมัยในสไตล์ซูเพอร์คาร์ยุค 90 อย่างไรก็ตาม Lamborghini Calà ก็ไม่เคยเข้าสู่สายการผลิตจริง สาเหตุในช่วงเวลานั้นบริษัทอยู่ในภาวะวิกฤตทางการเงิน และเปลี่ยนเจ้าของหลายครั้ง จนในที่สุด Volkswagen Group เข้ามาซื้อกิจการในปี 1998 โครงการ Calà จึงถูกพับไป และต่อมาถูกแทนที่ด้วยการพัฒนา Lamborghini Gallardo ซึ่งเป็นรถ V10 รุ่นแรกของแบรนด์ที่ผลิตจริงในปี 2003
Mazda Furai
สุดยอดรถแนวคิดที่บ้าระห่ำที่สุดแห่งยุค 2010 ที่พกนวัตกรรมรถแข่งเต็มขั้น เปิดตัวที่งาน North American International Auto Show เมื่อปี 2008 ในเมืองดีทรอยท์ สหรัฐอเมริกา Furai แปลว่า “เสียงแห่งสายลม” ในภาษาญี่ปุ่น มันถูกสร้างขึ้นให้เป็นรถแข่งอย่างชัดเจน สามารถใช้วิ่งบนท้องถนนได้ใช้งานได้จริง แรงบันดาลใจมาจาก Mazda 787B ที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์โรตารีซึ่งแข่งขันที่ Le Mans โดยรถรุ่นนี้ใช้แชสซีส์ร่วมกับรถแข่ง Courage C90 และมีเครื่องยนต์ 3 โรเตอร์วางกลางที่ให้พละกำลัง 450 แรงม้า Furai เคยถูกนำไปทดสอบที่ Laguna Seca และสนามแข่งอื่นๆ ในโลก มันได้รับกระแสตอบรับที่ดีเยี่ยมในการขับขี่ทุกด้าน แต่โชคร้ายที่แผนการพัฒนาต้องพังทลายลง Mazda กลับเผชิญความล้มเหลวทางการเงินในช่วง 2008 เคราะห์ซ้ำในระหว่างการทดสอบเครื่องยนต์โรตารีที่พัฒนาของพวกเขาเกิดเหตุระเบิด สร้างความเสียหายหลายครั้ง และที่น่าเสียดายที่สุดในรายการ Top Gear ปี 2008 Furai ประสบเหตุเพลิงไหม้รุนแรงขณะทำการทดสอบ ไฟลุกลามทำลายรถต้นแบบที่มีอยู่เพียงคันเดียวในโลกจนไม่สามารถซ่อมแซมได้ ส่งผลให้โครงการ Furai บริษัทแม่ต้องยุติลงอย่างเงียบๆ ในที่สุด
สำหรับรถคอนเซพท์เหล่านี้ คือ บทพิสูจน์ของความฝันอันยิ่งใหญ่ในโลกยานยนต์ บางคันถูกสร้างขึ้นเพื่อเปลี่ยนอนาคตค่ายรถยนต์ บ้างก็เกิดจากความกล้าท้าทายขีดจำกัดของเทคโนโลยี แม้บางรุ่นจะไม่เคยได้วิ่งบนถนนจริง ซึ่งแต่ละรุ่นได้ทิ้งร่องรอยไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ เป็นแรงบันดาลใจให้กับรุ่นต่อๆ มา เตือนใจว่าความฝันนั้นต้องมีความพร้อมทั้งด้านตลาด การเงิน และเทคโนโลยี ยังมีอีกหลายรุ่นมากมายในโลกที่เกือบเข้าสู่สายการผลิต ถึงจะเป็นรถที่ “ล้มเหลว” ก็ไม่ได้หมายความว่าหมดคุณค่า แต่มันจะเป็นหมุดหมายสำคัญของการทดลอง กล้าคิด และเรียนรู้ในอุตสาหกรรมที่ไม่เคยหยุดพัฒนาในอนาคตอันใกล้ และในวันที่พร้อมมันจะกลายเป็นฝันที่เป็นจริงอีกครั้ง
