รู้ลึกเรื่องรถ
ปัจฉิมบทเครื่องยนต์สันดาปภายใน ?
เป็นที่รู้กันว่า เรากำลังอยู่ในช่วงปัจฉิมสมัย หรือยุคสุดท้ายของเทคโนโลยีเครื่องยนต์สันดาปภายใน เพราะอะไรที่คิดว่าน่าจะทำได้เพื่อต่ออายุเทคโนโลยีแห่งความสมดุลของ เชื้อเพลิง ไฟ และอากาศ ที่อยู่กับเรามานับศตวรรษ ก็ได้จับมันใส่ลงไปเครื่องยนต์ของเราเกือบหมดแล้ว เหลือแค่นับถอยหลังรอเวลาถูกแทนที่ด้วยเทคโนโลยีใหม่อย่างไรก็ตาม นาฬิกากลไกที่มีกลไกสลับซับซ้อน อย่าง ROLEX หรือ PATEK PHILLIPE ก็ยังสามารถขายได้ในยุค สมาร์ทวอทช์ แสนชาญฉลาด แน่นอนว่า มันอาจไม่ได้มีประสิทธิภาพในการทำงานด้วยฟังค์ชันล้ำสมัย แต่การได้สวมใส่นาฬิกากลไกบนข้อมือ กลับสร้างความพึงพอใจในแง่ของการได้ครอบครองงานศิลปะ และนี่เป็นสิ่งที่ผู้เขียนเชื่อว่า สักวันหนึ่งรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์กลไกแบบดั้งเดิม จะเป็นของสะสมที่ล้ำค่า และใช้งานในโอกาสพิเศษ เฉกเช่น นาฬิกากลไก นั่นเอง แล้วเครื่องยนต์แบบไหนกันเล่าที่เรียกว่าเป็น เครื่องยนต์ที่น่าหลงใหล และควรค่าต่อการสะสม ? สิ่งที่นักเลงรถต่างยอมรับว่าเป็นเสน่ห์ของเครื่องยนต์สันดาปภายในคือ “เสียง” และเสียงที่ว่านี้ก็คือ เสียงแผดก้องบาดลึก ที่สงวนไว้สำหรับเครื่องยนต์ที่หมุนที่รอบสูง ซึ่งในจุดนี้ก็จะเหลือเพียงเสียงของเครื่องยนต์ที่หายใจโดยปราศจากเครื่องอัดอากาศ ที่สามารถแผดเสียงผ่านท่อไอเสียออกมาโดยไม่มีกลไกอะไรขวางกั้นเท่านั้น ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา เราได้เห็นการถือกำเนิดของเครื่องยนต์ระดับตำนานหลายรุ่น ไม่ว่าจะเป็น เครื่องยนต์ของ GMA T.50 ซูเพอร์คาร์ผลงานออกแบบของ GORDON MURRAY (กอร์ดอน เมอร์เรย์) นักออกแบบที่ฝากผลงานไว้กับ McLAREN F1 (แมคลาเรน เอฟ วัน) ในอดีต โดยขุมพลังของ GMA T.50 เป็นผลงานการสร้างของ COSWORTH (คอสเวิร์ธ) เป็นเครื่องยนต์แบบ วี 12 สูบ ความจุ 4.0 ลิตร ที่มีแรงม้าสูงสุด 654 แรงม้า ที่รอบเครื่องยนต์สูงถึง 11,500 รตน. ! เพียงเห็นตัวเลขของรอบหมุนของเครื่องยนต์ เราก็พอจะเดาได้ว่า เสียงของมันนั้นน่าที่จะกรีดร้องราวกับเสียงของภูติพรายในตำนานเลยทีเดียว อีกเครื่องยนต์หนึ่งที่เปิดตัวไปสดๆ ร้อนๆ เป็นของค่ายม้าลำพอง FERRARI (แฟร์รารี) ที่ใช้ในรถระดับลิมิเทด พโรดัคชันของพวกเขา นั่นคือ เครื่องยนต์รหัส F140HC แบบ วี 12 สูบ ความจุ 6.5 ลิตร ที่ติดตั้งอยู่ใน DAYTONA SP 3 (เดย์โทนา เอสพี 3) รถที่ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 599 คัน (ขายเกลี้ยงตั้งแต่ก่อนเปิดตัว) ความพิเศษของขุมพลังบลอคนี้ คือ เป็นเครื่องยนต์รอบจัด ไม่มีเทอร์โบ ไม่มีระบบไฮบริด และมันคือ เครื่องยนต์ในรูปแบบบริสุทธิ์ที่มีพละกำลังมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของ FERRARI ที่เคยผลิตขึ้นมา โดยมีพละกำลังถึง 828 แรงม้า ที่ 9,250 รตน. โดยค่ายม้าลำพอง แจ้งว่า การที่เครื่องยนต์สามารถทำรอบได้สูงถึงขนาดนี้ เพราะพวกเขานำองค์ความรู้จากเครื่องยนต์ในรถแข่งสูตร 1 ที่ใช้วัสดุที่เบาแต่แข็งแกร่งอย่าง ไททาเนียม มาทำก้านสูบ ซึ่งลดน้ำหนักไปได้กว่า 40 % รวมถึงลดน้ำหนักลูกสูบ รวมชิ้นส่วนเคลื่อนที่ต่างๆ เมื่อถึงจุดนี้ เชื่อว่าท่านผู้อ่านคงจะส่ายหัวไปตามๆ กันว่า การจะครอบครองเครื่องยนต์ที่จัดจ้านแบบนี้ได้ เรียกว่าไกลเกินฝัน แต่ความคิดนี้ก็ไม่ถูกเสียทีเดียว เพราะยังมีรถยนต์รุ่นใหม่ที่เปิดตัวพร้อมกับเครื่องยนต์รอบจัด ไม่มีเทอร์โบ และมีราคาจับต้องได้เหมือนกัน (หมายถึงราคาในต่างประเทศ) ได้แก่ CHEVROLET CORVETTE (เชฟโรเลต์ คอร์เวทท์) เจเนอเรชันที่ 8 รหัส Z06 รุ่นปี 2023 ที่มีราคาเริ่มต้น 87,000 เหรียญสหรัฐฯ ประมาณ 2.9 ล้านบาท หัวใจของ CORVETTE Z06 คือ เครื่องยนต์แบบ วี 8 สูบ รหัส LT6 ที่มีความจุ 5.5 ลิตร มีพละกำลังสูงสุด 670 แรงม้าที่ 8,400 รตน. และไปต่อได้ถึง 8,600 รตน. ซึ่งให้พละกำลังมากกว่าบลอค LT4 ความจุ 6.2 ลิตร พ่วงซูเพอร์ชาร์จ ที่ประจำการใน CORVETTE Z06 รุ่นก่อนนี้เสียด้วยซ้ำ (LT4 พ่วงซูเพอร์ชาร์จ ให้กำลัง 650 แรงม้าที่ 6,400 รตน.)




ABOUT THE AUTHOR
ภ
ภัทรกิติ์ โกมลกิติ
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน มกราคม ปี 2565
คอลัมน์ Online : รู้ลึกเรื่องรถ
คำค้นหา