การออกแบบภายในห้องโดยสารทำได้สวยงาม กะทัดรัด คุณภาพของวัสดุที่ใช้ตกแต่งถือว่าดีทีเดียว ปุ่มสวิทช์ต่างๆ ใช้งานง่าย เบาะที่นั่งผู้ขับขี่ปรับด้วยไฟฟ้าถึง 6 ทิศทาง ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ ระบบอินโฟเทน เมนท์ทำงานได้อย่างน่าประทับใจ ใช้งานง่าย ผ่านหน้าจอแบบทัชสกรีน ขนาด 9 นิ้ว รองรับทั้งระบบ APPLE CAR PLAY และ ANDROID AUTO พร้อมระบบนำทาง และกล้อง 360 องศา แบบมองรอบคัน ห้องเก็บสัมภาระท้ายรถมีเนื้อที่ 390 ลิตร เบาะนั่งด้านหลังพับลงได้แบบ 40:20:40 เพื่อเพิ่มพื้นที่บรรทุก ฝาท้ายเปิด/ปิดด้วยไฟฟ้าโดยไม่ต้องใช้มือเปิด
ขุมกำลังแบบไฮบริดในรหัส M15A-FXE ที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ เทอร์โบ 1.5 ลิตร พื้นฐานเดียวกันกับรุ่นเบนซิน 1.5 ลิตร ให้มีกำลังสูงสุด 91 แรงม้า ที่ 5,500 รตน. แรงบิดสูงสุด 12.2 กก.-ม. ที่ 3,800-4,800 รตน. พ่วงด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 80 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 14.4 กก.-ม. โดยในรุ่นนี้มีทั้งระบบขับเคลื่อนล้อหน้า และ 4 ล้อ แบบ E-FOUR ที่มีมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 5.3 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 5.3 กก-.ม. ทำหน้าที่ ในการช่วยขับเคลื่อนสำหรับเพลาล้อหลังด้วย แบทเตอรีเป็นแบบลิเธียม-ไอออน สำหรับใช้กับรถไฮบริด ส่งพละกำลังทั้งหมดผ่านระบบเกียร์แบบ E-CVT โดยในช่วงแรก เครื่องยนต์เบนซินจะทำงานก่อน แต่เมื่อมีการเคลื่อนตัว ระบบจะตัดเข้าสู่โหมดไฮบริด ซึ่งจะพบว่ามีอาการกระตุกบ้างเล็กน้อยในช่วงตัดต่อแหล่งพลังงาน
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ใน 11.2 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 170 กม./ชม. อัตราความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงทำได้ประมาณ 21.8-22.6 กม./ลิตร ถือว่าประหยัดอย่างน่าพอใจ เมื่อเติมน้ำมันเต็มถัง 42 ลิตร จะมีรัศมีการเดินทางได้ไกลกว่า 800 กม. เลยทีเดียว
ในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ มอเตอร์จะไปขับเพลาหลังที่ทำงานอย่างอิสระ เน้นการยึดเกาะถนน เพิ่มความปลอดภัย โดยเฉพาะในขณะเข้าโค้ง หรือวิ่งบนพื้นถนนที่ลื่น การปรับความสมดุลในการถ่ายทอดกำลังระหว่างเพลาหน้า/หลัง ทำได้ในอัตรา 100:0 ไปจนถึง 40:60 ทำงานโดยอัตโนมัติ ซึ่งขึ้นอยู่กับสภาพถนน
นอกจากนี้ ยังมี 5 โหมดให้เลือกใช้งานด้วยกัน คือ NORMAL/MUD & SAND/ROCK & DIRT/SNOW และ TRAIL MODE การทำงานของระบบขับเคลื่อนแบบ AWD ระบบจะส่งแรงบิดไปที่เพลาล้อคู่หลังเมื่อออกตัว หรือเร่งความเร็ว ส่วนในการขับขี่ปกติ ระบบจะส่งกำลังไปที่ล้อคู่หน้า แต่เมื่อตรวจพบว่ามีสภาพการยึดเกาะถนนต่ำ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อจะเริ่มทำงาน เพื่อให้การควบคุมรถทำได้ง่าย และปลอดภัยยิ่งขึ้น ส่วนในโหมด SNOW จะมีอัตราเร่งที่นุ่มนวลขณะวิ่งบนพื้นผิวที่ลื่น ระบบจะคอยควบคุมแรงบิดให้ส่งกำลังมาแบบค่อยเป็นค่อยไป เพื่อให้ล้อเกิดอาการหมุนฟรี ส่วนโหมด TRAIL จะเพิ่มการยึดเกาะถนนโดยส่งแรงบิดไปยังแต่ละล้อได้อย่างเหมาะสมในขณะที่รถวิ่งบนพื้นผิวที่ลื่น
YARIS CROSS ในรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้า มีระบบรองรับด้านหน้าแบบ แมคเฟอร์สันสตรัท ด้านหลังแบบทอร์ชันบีม ส่วนในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ จะเป็นแบบดับเบิลวิชโบน เพื่อให้ความสบายในการขับขี่สูง การควบคุมบังคับทำได้ดี พวงมาลัยมีความแม่นยำ และว่องไว ระบบห้ามล้อแบบจาน ทั้ง 4 ล้อ มาพร้อมระบบตัวช่วยเพื่อเพิ่มความปลอดภัยมากมาย เป็นรถ ครอสส์โอเวอร์ที่ขับสนุกรุ่นหนึ่งของ TOYOTA โดยมีระยะใต้ท้องรถสูงจากพื้นดิน 170 มม. ซึ่งทำให้พอจะใช้งานแบบลุยได้บ้าง ในรุ่นสูงสุดจะใช้ล้อขนาดถึง 18 นิ้ว แม้ว่า YARIS CROSS จะมอบความสปอร์ทมาให้ไม่เท่ากับ FORD PUMA แต่ก็เหนือกว่า NISSAN JUKE คู่แข่งอยู่พอสม ควรทีเดียว
TOYOTA YARIS CROSS รถอเนกประสงค์ขนาดกะทัดรัด มีข้อดีในการใช้งานมากมาย มีระบบไฮบริด และระบบขับเคลื่อนที่ทันสมัย เป็นรถเล็กที่ติดตั้งอุปกรณ์ทั้งในแง่อำนวยความสะดวก และปลอดภัยมาให้ครบครัน รถแบบนี้เป็นที่ต้องการทั่วโลก สำหรับเมืองไทย เราต้องรอลุ้นกันว่าจะมีเข้ามาจำหน่ายหรือไม่ ?
คุณรู้หรือไม่ ?
TOYOTA YARIS CROSS เป็นรถอเนกประสงค์ขนาดเล็ก ถูกนำมาทดสอบการชนตามมาตรฐาน ANCAP และสามารถทำคะแนนสูงสุดในระดับ 5 ดาวไปครอง ถือว่าเป็นรถขนาดเล็กที่ให้ความปลอดภัยสูงมาก 
