RANGE ROVER 2022 เอสยูวี 7 ที่นั่งจากแดนผู้ดี

RANGE ROVER (เรนจ์ โรเวอร์) สายพันธุ์ที่ 5 ใช้รหัสตัวถัง L460 เพิ่มทางเลือกด้วยรุ่น 7 ที่นั่งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของ RANGE ROVER โดยติดตั้งอยู่ในรุ่น AUTOBIOGRAPHY LWB (ออโทไบโอกราฟี ลองวีลเบส) เท่านั้น ขุมพลังในบางรุ่นยกมาจาก BMW X7 (บีเอมดับเบิลยู เอกซ์ 7) ขณะที่เวอร์ชันพลัก-อิน ไฮบริด (PHEV) และขับเคลื่อนด้วยพลังไฟฟ้า (EV) จะเปิดตัวในปี 2023 นี้ โดยรถรุ่นนี้จะมีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานดีที่สุดใน RANGE ROVER ทำได้เพียงแค่ 0.30 เท่านั้นเอง นอกจากนี้ ยังได้รับการปรับปรุงด้านการลดเสียงรบกวนจากระบบถ่ายทอดกำลังลงได้ถึง 24 % ห้องโดยสารเต็มไปด้วยความหรูหรา ที่นั่งมีให้เลือกทั้งแบบ 4, 5 หรือ 7 ที่นั่ง สามารถเลือกได้ทั้งเวอร์ชันฐานล้อปกติ และฐานล้อยาว ซึ่งจะแตกต่างกันอยู่ถึง 8 นิ้ว อุปกรณ์มาตรฐานประกอบไปด้วย มาตรวัดแบบฟูลล์ดิจิทอล ขนาด 13.7 นิ้ว จอแสดงภาพของระบบอินโฟเทนเมนท์ ขนาด 13.1 นิ้ว แผ่นที่วางเพื่อชาร์จไฟให้แก่สมาร์ทโฟนแบบไร้สาย และระบบฟอกอากาศในห้องโดยสาร ที่สามารถกรองฝุ่น PM2.5 พร้อมเทคโนโลยี NANOE X ที่จะช่วยลดกลิ่นไม่พึงประสงค์, แบคทีเรีย, ไวรัส และสารก่อภูมิแพ้ รวมไปถึงไวรัส COVID-19 ด้วย ระบบเครื่องเสียงระดับไฮเอนด์จาก MERIDIAN มีกำลังขับถึง 1,600 วัตต์ พร้อมลำโพงเสริม 20 วัตต์ แบบฝังที่พนักพิงศีรษะ นอกจากนี้ ชุดลำโพงทั้ง 35 ตัว จะทำหน้าที่เป็นระบบตัดเสียงรบกวน เพื่อเพิ่มความเงียบในห้องโดยสารด้วย สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง RANGE ROVER มีชุดระบบ REAR SEAT ENTERTAINMENT แบบใหม่ ประกอบด้วย จอทัชสกรีน ขนาด 11.4 นิ้ว ติดตั้งอยู่ที่ด้านหลังของพนักพิง เบื้องต้นจะเริ่มทำตลาดโลกด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 2 รุ่น โดยรุ่น P400 ใช้เครื่องยนต์เบนซินแบบ 6 สูบเรียง ความจุ 3.0 ลิตร เทอร์โบ เสริมกำลังด้วยระบบ MILD HYBRID 48V ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ จาก ZF กำลังรวมทั้งระบบผลิตได้ 400 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 56.0 กก.-ม. อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 5.5 วินาที มีสมรรถนะในการลากจูง 7,700 ปอนด์ น้ำหนักตัว 2,540 กก. อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ในเมือง/นอกเมือง/โดยรวม อยู่ที่ 7.7/11.1 /8.9 กม./ลิตร ส่วนรุ่น P530 ซึ่งมีจุดเด่นอยู่ที่การใช้เครื่องยนต์เบนซิน ตระกูล N63 ของ BMW แบบเบนซิน วี 8 สูบ ความจุ 4.4 ลิตร ทวิน-เทอร์โบชาร์จ กำลังสูงสุด 530 แรงม้า แรงบิดสูงสุดถึง 76.4 กก.-ม. อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 4.4 วินาที ซึ่งปัจจุบัน BMW ใช้งานอยู่ในรุ่น X7 M50I (เอกซ์ 7 เอม 50 ไอ) ระบบรองรับแบบถุงลม มาพร้อมฟังค์ชันการทำงานที่แปรผันอัตโนมัติ โดยอาศัยข้อมูลจากระบบนำทางในการประเมินสภาพเส้นทางเบื้องหน้า เพื่อเตรียมปรับระบบรองรับให้ตอบสนองได้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ ยังมีระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ADAPTIVE CRUISE CONTROL) และระบบช่วยบังคับเลี้ยว (STEERING ASSIST) ซึ่งทำงานร่วมกันเพื่อให้สัมพันธ์กับการเปลี่ยนความเร็วเป็นไปได้อย่างราบรื่น นอกจากนี้ RANGE ROVER ยังสามารถรองรับการลุยน้ำได้ลึกถึง 90 ซม. อีกด้วย แม้ว่าจะเป็นรถที่หรูหรา เต็มไปด้วยข้อดีมากมาย แต่ผู้ที่ต้องการเป็นเจ้าของอาจจะต้องรอสักระยะหนึ่ง เนื่องจากปัญหาการขาดแคลนชิพ ซึ่งเกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลก แต่รับรองว่าคุ้มค่ากับการรอคอยอย่างแน่นอน

คุณรู้หรือไม่ ?

ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ ออลล์ วีล ดไรฟ มีจุดเด่นที่ระบบ IDD หรือ INTELLIGENT DRIVELINE DYNAMICS ที่จะคอยปรับแรงบิดแบบอัตโนมัติ โดยตรวจจับอาการของตัวรถ และปรับแรงบิดส่งไปยังเพลาด้านหน้าทันที หากตัวรถมีแนวโน้มว่าจะสูญเสียการทรงตัว นอกจากนี้ ยังมีระบบป้องกันการพลิกคว่ำ และได้ปรับปรุงเรื่องวงเลี้ยวให้มีรัศมีแค่ 11.4 ม. ซึ่งถือว่าแคบที่สุดในตระกูล RANGE ROVER