X
Driven
Driving Impression
Test Drive
Test Drive Data
New Cars
รถใหม่ในประเทศ
รถใหม่ต่างประเทศ
News
ข่าวรอบโลก
ข่าวสารยานยนต์
All Around
เครื่องเสียง/Gadgets
แต่งรถ
ดูแลรักษารถยนต์
สาระสะใจ
วาไรตี้ยานยนต์
สถิติยอดจำหน่ายรถยนต์
TV Programs
รายการ โลกรถยนต์
รายการ Carnatomy
รายการ พี่น้องลองรถ
รายการ เรื่องรถ…เรื่องง่าย
รายการ คุณลุงใจดี
About Autoinfo
About Us
Advertise With Us
Privacy Policy
Terms of use
Car Buyer's Guide
ติดตามเราได้ทาง
X
Popular search in Autoinfo
50,000+ contents and images from writers
#1
Deepal S07
Hilux Champ
BYD Seal
BYD
NETA
TATA
หัวชาร์จรถ EV
รถกระบะ
ยอดขายรถยนต์
ราคารถยนต์
รถ EV
เปิดตัวรถใหม่
วิธีไหว้แม่ย่านาง
ฤกษ์ออกรถใหม่
พ่วงแบทเตอรี
วิธีดูแลรักษารถยนต์
ต่อภาษีรถยนต์ออนไลน์
ขวัญชัย ปภัสร์พงษ์(formula)
24 Aug 2022
สงคราม น้ำมันแพง ชิพหาย !
ขออภัยครับ หัวเรื่องไม่ใช่คำอุทานหยาบคาย แต่เป็น 3 ปัจจัยหลักที่ปั่นป่วนตลาดรถยนต์ทั่วโลก รวมถึงในบ้านเรา ต่อเนื่องมานานหลายเดือน ถ้าจะโทษว่าเป็นอาการ LONG COVID ก็คงโทษได้เฉพาะปัญหา ชิพ หรือเซมิคอนดัคเตอร์ขาดแคลน เท่านั้น เพราะโรงงานผลิต ซึ่งส่วนใหญ่หยุดกิจการไปในช่วง COVID-19 ฟื้นตัวกลับมาไม่ทันกับความต้องการของตลาด ส่วนเรื่องสงครามรัสเซีย-ยูเครน กับ น้ำมันแพง เป็นเหตุที่มนุษย์ก่อขึ้นเอง ไวรัสไม่เกี่ยว ปัญหาทั้งหมดนี้ได้สามัคคีกันเป็นปัจจัยทำให้ยอดส่งออกรถยนต์ครึ่งแรกปี 2565 (มค.-มิย.) ของไทยอยู่ที่ 449,644 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 5.04 % มูลค่าส่งออก 266,654.08 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 1.5 % โชคดีที่ปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้น จากการที่มียอดขายในประเทศช่วยดัน โดยรถยนต์ที่เราผลิตได้ในเดือนมค.-มิย. 65 มีจำนวนทั้งสิ้น 870,109 คัน บวกจากช่วงเดียวกันปีก่อน 3.02 % ส่วนหนึ่งที่ทำให้ยอดผลิตไม่ตก เพราะบางค่ายมีทางเลือกให้ผู้บริโภครับรถที่ยังติดตั้งชิ้นส่วน (ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัย) ไม่ครบ (เนื่องจากขาดชิพ) เมื่อบริษัทได้รับชิ้นส่วนแล้ว ค่อยนำรถเข้าไปติดเพิ่มภายหลัง แม้ในบ้านเราจะมีการร่วมด้วยช่วยกันยาม “ชิพหาย” แต่ตลาดอินเตอร์ไม่เล่นด้วย แถมผู้ประกอบการยังกังวลเรื่องภาวะเงินเฟ้อช่วงครึ่งปีหลังที่อาจส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค ดังนั้น กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สอท. จึงตัดสินใจปรับเป้าคาดการณ์ยอดผลิตรถยนต์ปีนี้ลงตามสภาพ จากเดิม 1,800,000 คัน เหลือ 1,700,000 คัน ปิดท้ายด้วย ยอดขายรถยนต์รวม ตลอดครึ่งปีแรก อยู่ที่ 427,303 คัน เพิ่มขึ้น 14.5 % จากช่วงเวลาเดียวกัน เนื่องจากการปลดลอคดาวน์ เปิดประเทศให้นักท่องเที่ยว และนักลงทุนต่างชาติเดินทางเข้าประเทศได้สะดวกขึ้น การส่งออกที่เติบโตโดยเฉพาะสินค้าเกษตร การประกันรายได้เกษตรกร และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่นๆ ทำให้ประชาชนมีรายได้มากขึ้น ความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม และความเชื่อมั่นผู้บริโภคดีขึ้น ส่วนยอดขายรถยนต์ตลอดปีนี้ สอท. ไม่ได้พูดถึง แต่ TOYOTA (โตโยตา) ออกมาฟันธงแบบไม่เกรงใจน้ำมันแพง และเงินเฟ้อว่า จะอยู่ที่ 880,000 คัน เพิ่มขึ้น 16 % เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา อ้อ…อยากทราบใช่ไหมครับว่า การใช้งานยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย เติบโตแค่ไหนแล้ว ใกล้เคียงเป้าหมาย 5-7 แสนคันของรัฐบาลแล้วหรือยัง ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 30 มิย. 65 ระบุว่า ตอนนี้บนท้องถนนบ้านเรามีรถไฟฟ้ารวมทั้งสิ้น 284,613 คัน แบ่งเป็น HEV 228,894 คัน คิดเป็นสัดส่วน 80.42 % PHEV จำนวน 37,075 คัน คิดเป็น 13.03 % และ BEV 18,644 คัน คิดเป็น 6.55 % ถึงจะอีกไกล (มาก) แต่ขอเอาใจช่วยครับ โดยเฉพาะ HEV และ PHEV ซึ่งผมคิดว่าเหมาะกับการใช้งานในบ้านเรามากที่สุด
อ่านต่อ
เรื่องโดย : ขวัญชัย ปภัสร์พงษ์
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน กันยายน ปี 2565
คอลัมน์ Online : ขวัญชัย ปภัสร์พงษ์(formula)
ลิงค์สำหรับแชร์ :
https://autoinfo.co.th/article/420429
แชร์บทความ
Follow autoinfo.co.th
บทความแนะนำ คอลัมน์
ขวัญชัย ปภัสร์พงษ์(formula)
ขวัญชัย ปภัสร์พงษ์(formula)
28 Dec 2023
ดโรน : ยานยนต์ขวัญใจคนรุ่นใหม่
ขวัญชัย ปภัสร์พงษ์(formula)
25 Nov 2023
ความสุขส่งท้ายปี
ขวัญชัย ปภัสร์พงษ์(formula)
25 Oct 2023
จาก MUNICH ถึง GOODWOOD