ตัวถังซึ่งยาว 4.756 ม. กว้าง 2.010 ม. สูง 1.261 ม. และมีช่วงฐานล้อ 2.720 ม. เป็นผลลัพธ์จากความพยายามของนักออกแบบและผู้เชี่ยวชาญทางอากาศพลศาสตร์ เพื่อให้เกิดความสมดุล รวมทั้งเพื่อให้มี DOWNFORCE (ดาวน์ฟอร์ศ) หรือแรงกดลงสู่พื้นถนนมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผลลัพธ์ก็คือ แม้เมื่อวิ่งเร็วเพียง 50 กม./ชม. ก็ยังมีแรงกดที่ว่านี้ เป็นตัวถังซึ่งใช้ส่วนประกอบของคาร์บอนไฟเบอร์และพลาสติคผสมในการทำเปลือกตัวถัง กับใช้วัสดุหลายชนิดรวมทั้งคาร์บอนไฟเบอร์และไททาเนียมในการทำแชสซีส์ หน้าตาและรูปทรงองค์เอวของตัวถังภายนอก มีจุดเด่นสะดุดตาอยู่มากมาย รวมทั้งประตูข้างทั้งสองด้านที่เปิดโดยผลักไปข้างหน้าและยกเฉียงขึ้นข้างบน อย่างที่อธิบายในภาษาอังกฤษว่า THE DOORS OPEN DIAGONALLY FORWARDS AND UPWARD
เป็นรถขับเคลื่อนทุกล้อ ด้วยระบบ PLUG-IN HYBRID หรือไฮบริดชนิดต้องมีการเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟแบทเตอรี ซึ่งใช้เครื่องยนต์เทอร์โบเบนซินฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง DOHC วี 6 สูบ 1,599 ซีซี 422 กิโลวัตต์/574 แรงม้า (พัฒนาต่อกิ่งต่อก้านจากเครื่องยนต์ที่ทำให้รถแข่งฟอร์มูลา-1 ของค่ายนี้ คว้าตำแหน่งแชมพ์โลกมาแล้ว 8 สมัยติดต่อกัน) ทำงานร่วมกันกับมอเตอร์ไฟฟ้า 4 ชุด (ให้กำลังรวม 450 กิโลวัตต์/611 แรงม้า) ป้อนพลังไฟฟ้าด้วยแบทเตอรี ลิเธียม-ไอออน ขนาดความจุ 8.4 กิโลวัตต์ชั่วโมง และส่งกำลังสู่ล้อผ่านเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ เป็นระบบเกียร์ที่เรียกกันในภาษาอังกฤษว่า AUTOMATED MANUAL GEARBOX
มอเตอร์ไฟฟ้า 4 ชุดที่กล่าวข้างต้น ชุดหนึ่งซึ่งมีขนาด 120 กิโลวัตต์/163 แรงม้า ติดตั้งและทำงานร่วมกับเพลาข้อเหวี่ยงของเครื่องยนต์ซึ่งติดตั้งแบบวางกลางลำ/ตามยาว อีกชุดหนึ่งซึ่งมีขนาด 90 กิโลวัตต์/122 แรงม้า ทำงานร่วมกับคอมพเรสเซอร์และเทอร์โบชาร์เจอร์ซึ่งมีแรงบูสต์สูงสุด 3.5 BAR หรือ 3.5 เท่าของความดันบรรยากาศ ส่วนอีก 2 ชุด ซึ่งแต่ละชุดมีขนาด 120 กิโลวัตต์/163 แรงม้า ทำหน้าที่ขับล้อคู่หน้า
ผู้ผลิตบอกว่า ระบบขับไฮบริดชนิดต้องเสียบปลั๊กที่ว่านี้ ให้กำลังรวมสูงสุดที่สูงถึง 782 กิโลวัตต์ หรือ 1,063 แรงม้า คือ เหนือกว่ารถที่น่าจะเทียบกันได้อย่างรถไฮบริดชนิดต้องเสียบ FERRARI SF90 STRADALE (แฟร์รารี เอสเอฟ 90 สตราดาเล) ซึ่งมีกำลังสูงสุด 735 กิโลวัตต์/1,000 แรงม้า แต่ยังเป็นรองอยู่นิดหน่อย เมื่อเทียบกับรถไฮบริด ASTON MARTIN VALKYRIE (แอสตัน มาร์ทิน วัลคีรี) ซึ่งมีกำลังสูงสุด 849 กิโลวัตต์/1,155 แรงม้า ที่ดูแปลกหน่อยก็คือ ไม่บอกค่าแรงบิดสูงสุด ? โดยให้เหตุผลว่า เป็นระบบขับที่ทำงานซับซ้อนมากจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะระบุตัวเลข !!!
เมื่อพูดถึงความซับซ้อนก็คงต้องยอมรับว่า นี่เป็นรถสปอร์ทระดับ HYPERCAR (ไฮเพอร์คาร์) ที่ค่อนข้างซับซ้อนจริงๆ การจะจ่ายเงินแล้วจู่ๆ ก็ขับรถออกสู่ถนนเลยคงเป็นไปไม่ได้ เพราะทำอย่างนั้นอาจขับรถไม่ถึงบ้าน คงจะมีการเข้าคอร์สฝึกอบรมทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติเสียก่อน เพื่อให้สามารถขับรถและใช้รถได้อย่างสมบูรณ์แบบ เพราะเป็นรถที่มีระบบต่างๆ ให้ผู้ขับเลือกใช้อยู่หลายระบบ เช่น การตั้งพโรแกรมการขับ การปรับคุณสมบัติทางอากาศพลศาสตร์ การเลือกใช้ระบบรองรับ (กันสะเทือน) ฯลฯ
พโรแกรมการขับเลือกได้มากถึง 6 แบบ คือ RACE SAFE-RACE-EV-RACE PLUS-STRAT 2-INDIVIDUAL และคงต้องใช้พื้นที่หลายหน้ากระดาษจึงจะอธิบายให้เข้าใจได้อย่างแจ่มแจ้งว่า แต่ละแบบแตกต่างกันอย่างไรบ้าง? ขอยกเป็นตัวอย่างและอธิบายอย่างสั้นๆว่า EV เป็นการขับด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ เครื่องยนต์ไม่ทำงาน และ INDIVIDUAL เป็นการตั้งลักษณะการขับบนถนนไม่ใช่ในสนามแข่งตามความชอบของผู้ขับ
การปรับคุณสมบัติทางอากาศพลศาสตร์ทำได้ 3 แบบ คือ HIGHWAY-TRACK-RACE DRS (DRAG REDUCTION SYSTEM) ส่วนลักษณะการทำงานของระบบรองรับเลือกได้ 3 แบบ คือ COMFORT-SPORT-SPORT PLUS โดยมีข้อแม้ว่า เลือกได้ระหว่าง COMFORT กับ SPORT เมื่อตั้งโหมดการขับ 4 แบบแรก คือ RACE SAFE-RACE-EV หรือ INDIVIDUAL และเลือกได้ระหว่าง SPORT กับ SPORT PLUS เมื่อใช้โหมดการขับ 2แบบหลัง คือ RACE PLUS หรือ STRAT 2
สมรรถนะความเร็วตามตัวเลขของค่าย “ดาวสามแฉก” อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ในเวลาแค่ 2.9 วินาที อัตราเร่ง 0-200 กม./ชม. ทำได้ใน 7.0 วินาที และอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ใน 15.6 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดคือ 352 กม./ชม. มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 8.7 ลิตร/100 กม. หรือ 11.5 กม./ลิตร และปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 198 กรัม/กม. เมื่อวัดตามมาตรฐาน WLTP กรณีชาร์จไฟเต็มและวิ่งด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ จะวิ่งได้ไกลประมาณ 18 กม.
เป็นรถสปอร์ท 2 ที่นั่ง ค่าตัวประมาณ 100 ล้านบาทไทย ซึ่งจะผลิตในจำนวนจำกัด คือไม่เกิน 275 คัน และทุกคันเป็นรถพวงมาลัยซ้าย
MERCEDES-AMG ONE
• รถสปอร์ท “ไฮเพอร์คาร์” ขับเคลื่อนทุกล้อด้วยระบบ พลัก-อิน ไฮบริด
• มิติตัวถัง 4.756x2.010x1.261 ม. น้ำหนักรถพร้อมขับ 1,695 กก.
• เครื่องเทอร์โบเบนซินฉีดตรง DOHC วี 6 สูบ 1,599 ซีซี+มอเตอร์ไฟฟ้า 4 ชุด
• กำลังรวมสูงสุดของระบบ พลัก-อิน ไฮบริด 782 กิโลวัตต์/1,063 แรงม้า
• ราคาโดยประมาณ 2.7 ล้านยูโร (ประมาณ 100 ล้านบาทไทย) 
