X
Driven
Driving Impression
Test Drive
Test Drive Data
New Cars
รถใหม่ในประเทศ
รถใหม่ต่างประเทศ
News
ข่าวรอบโลก
ข่าวสารยานยนต์
All Around
เครื่องเสียง/Gadgets
แต่งรถ
ดูแลรักษารถยนต์
สาระสะใจ
วาไรตี้ยานยนต์
สถิติยอดจำหน่ายรถยนต์
TV Programs
รายการ โลกรถยนต์
รายการ Carnatomy
รายการ พี่น้องลองรถ
รายการ เรื่องรถ…เรื่องง่าย
รายการ คุณลุงใจดี
About Autoinfo
About Us
Advertise With Us
Privacy Policy
Terms of use
Car Buyer's Guide
ติดตามเราได้ทาง
X
Popular search in Autoinfo
50,000+ contents and images from writers
#1
Deepal S07
Hilux Champ
BYD Seal
BYD
NETA
TATA
หัวชาร์จรถ EV
รถกระบะ
ยอดขายรถยนต์
ราคารถยนต์
รถ EV
เปิดตัวรถใหม่
วิธีไหว้แม่ย่านาง
ฤกษ์ออกรถใหม่
พ่วงแบทเตอรี
วิธีดูแลรักษารถยนต์
ต่อภาษีรถยนต์ออนไลน์
มาตรวัดตลาดรถ
31 Aug 2022
พื้นที่ว่าง
เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์ประจำเดือนมิถุนายน 2022/2021
ตลาดโดยรวม +4.6 % รถยนต์นั่ง -13.0 % รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV) +23.5 % กระบะ 1 ตัน +13.4 % รถเพื่อการพาณิชย์ +4.3 %
เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์ประจำเดือนมกราคม-มิถุนายน 2022/2021
ตลาดโดยรวม +14.5 % รถยนต์นั่ง +12.9 % รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV) +15.6 % กระบะ 1 ตัน +15.7 % รถเพื่อการพาณิชย์ +10.3 % ทบทวนภาพที่ถูกฉายไว้เมื่อต้นปี 2565 เล็กน้อย มีการประเมินความต้องการรถยนต์ไทยในภาพรวมไว้ว่า จะมียอดขายรวม 860,000 คัน เติบโตเพิ่มขึ้น 13.3 % ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ลดขนาดการบริโภคลงอย่างเห็นได้ชัด ภายหลังการระบาดของ COVID-19 ผ่านไป 6 เดือน (มค.-มิย. 65) ตลาดมีการประเมินความต้องการใช้รถกันใหม่ ซึ่งเป็นการทบทวนเป้าหมายกลางปีตามรอบปกติ พบว่า ตลาดยังคงมีสภาพแวดล้อมเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ยังมีปัจจัยลบจากราคาน้ำมัน สงครามในยุโรป และอัตราเงินเฟ้อ ทำให้ร่องรอยของผลกระทบจากความถดถอยที่ผ่านมายังคงมองเห็นได้ แต่ก็มีสิ่งดีๆ ที่เอื้อต่อความต้องการใช้รถยนต์เพิ่มขึ้น นักอุตสาหกรรมจึงได้คาดการณ์ความต้องการใช้รถยนต์ตลอดปี 2565 ไว้ว่าจะมียอดที่ 880,000 คัน การประเมินใหม่นี้แสดงให้เห็นว่า ปริมาณความต้องการรถเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ซึ่งเป็นเรื่องดี อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่า การเพิ่มขึ้นจำนวน 2 หมื่นคัน น่าจะเป็นความต้องการที่ไม่ใช่ของจริง เพราะความต้องการจริงตลาดน่าจะต้องการรถมากกว่านี้ แต่ด้วยภาค “การผลิต” ไม่สามารถทำได้ ส่วนใหญ่เป็นปัญหาเรื้อรังต่อเนื่อง นั่นคือ การขาดแคลนชิ้นส่วนเซมิ-คอนดัคเตอร์ เป็นปัญหาที่ทุกคนทราบกันดี โรงงานประกอบรถบางแห่งทำได้แค่ 1 ใน 3 ของกำลังการผลิต ในขณะที่ไทยมีการผลิตรถเพื่อการส่งออกเกือบ 50 % ของกำลังการผลิต ตลาดต่างประเทศเองก็มีสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า ที่แสดงว่าตลาดมีความต้องการรถเพิ่ม สัดส่วนการผลิตในประเทศจึงถูกแบ่งไปยังตลาดส่งออกส่วนหนึ่ง ตัวเลขที่คาดการณ์จึงเป็นเช่นนี้ นั่นเป็นภาพกว้างๆ เป็นดัชนีให้เห็นความเป็นไปในไตรมาสที่ 3 การเติบโตนี้ต้องติดตามต่อเนื่องต่อไป หากมองกันไกลๆ ถามว่าประเทศไทยมีโอกาสขายรถในประเทศแตะที่ 1 ล้านคัน ได้เหมือนในอดีตหรือไม่ คำตอบ คือ “ได้” แต่อีกนานเท่าไรไม่มีใครรู้ สำหรับ 1 ล้านคัน ณ เวลานี้ ก็มีความเป็นไปได้ เพราะเริ่มมีสัญญาณให้เห็นบ้างแล้ว
ลองย้อนไป 3 ปีที่แล้ว โรคระบาดหนักมาก เศรษฐกิจโลกถดถอยลง ตามด้วยความผันผวนจากปัจจัยต่างๆ สภาพแวดล้อมเช่นนี้เป็นสิ่งที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการขยายงาน หรือการลงทุนใหม่ๆ ธุรกิจประคองตัวเพื่อความอยู่รอด ไม่มีการลงทุนใหม่สำหรับผู้ที่ไม่อยากรับภาระความเสี่ยง แต่อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยกลับแจ้งเกิดบแรนด์ใหม่ๆ ในตลาดได้อย่างน่าสนใจ โดยรถยนต์ใหม่จากจีน และปรากฏการณ์การยอมรับบแรนด์รถยนต์จีนอย่างรวดเร็วของผู้บริโภคชาวไทย นักวิเคราะห์ระบุว่า รถยนต์บแรนด์จีน เข้าสู่ตลาดเพียง 1-2 ปี แต่กลับสร้างยอดขาย และการยอมรับจากผู้บริโภคชาวไทยได้จำนวนมาก ทำให้บแรนด์ญี่ปุ่น และยุโรป ประหลาดใจในการยอมรับครั้งนี้ เพราะอย่าลืมว่า รถยนต์ต้องมีความน่าเชื่อถือ มีอะไหล่ และมีการบริการ มีเครือข่าย มีการรับประกัน แต่ในตลาดรถยนต์บแรนด์จีนที่ยังไม่พร้อม กลับประสบความสำเร็จมาก ในขณะที่ ตลาดญี่ปุ่น ยุโรป สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย รถยนต์บแรนด์จีนไม่เป็นที่ยอมรับ เมื่อเทียบกับไทย ซึ่งเป็นประเทศเดียวในโลกที่บแรนด์จีนเติบโตรวดเร็ว แน่นอน ประเทศไทยเป็นประเทศที่หอมหวานของนักลงทุนในอุตสาหกรรมรถยนต์มายาวนาน นับตั้งแต่ยุคเปลี่ยนสนามรบมาเป็นสนามการค้า การปฏิรูปโครงสร้างภาษีรัฐบาลครั้งใหญ่เมื่อปี 2543, การลงทุนขนาดใหญ่ของบิกธรี ก่อนที่ GM (จีเอม) และ CHRYSLER (ไครสเลอร์) จะล่มสลายไปในที่สุด วันนี้ค่ายรถยนต์ โลกใหม่ บแรนด์ใหญ่ของจีน เข้ามายังตลาดไทย ทั้ง MG (เอมจี) โดย SAIC (เอสเอไอซี), GREAT WALL MOTOR (กเรท วอลล์ มอเตอร์), BYD (บีวายดี), DONGFENG (ตงฟง) ไม่รวมบแรนด์เล็กๆ อย่าง NETA (เนทา) และอื่นๆ ที่ทยอยกันเข้ามา เจ้าตลาด คือ รถยนต์ญี่ปุ่นเองคงไม่ยอมง่ายๆ ที่จะปล่อยน้องใหม่จากจีนมาปักธงที่ใจกลางเมืองหลวงยานยนต์แห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้ การเปลี่ยนถ่ายจากเครื่อง ICE เป็น BEV ของญี่ปุ่น จะนำมาซึ่งการแข่งขันที่รุนแรง แน่นอนว่า “ข้อเสนอ” ดีๆ สามารถกระตุ้นต่อมความอยากให้ผู้บริโภคเปลี่ยนรถ หรือซื้อเพิ่ม เมื่อหลายๆ ค่ายนำเสนอสิ่งใหม่ และการแสดงการยอมรับบแรนด์ใหม่ของผู้บริโภคไทย แสดงว่าตลาดในประเทศนี้ยังมี “พื้นที่ว่าง” เพียงพอสำหรับการเติบโตไปสู่เป้าหมาย 1 ล้านคัน เราก็จะได้เห็นล้านคันได้อีกครั้ง ไม่นานเกินรอ
อ่านต่อ
เรื่องโดย : จอมยุทธ
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน กันยายน ปี 2565
คอลัมน์ Online : มาตรวัดตลาดรถ
ลิงค์สำหรับแชร์ :
https://autoinfo.co.th/article/420709
แชร์บทความ
Follow autoinfo.co.th
บทความแนะนำ คอลัมน์
มาตรวัดตลาดรถ
มาตรวัดตลาดรถ
28 Mar 2024
เมื่อ ไฟฟ้าถูกกว่าน้ำมัน
มาตรวัดตลาดรถ
28 Feb 2024
การผลิตในประเทศลดลง รถนำเข้าเติบโต และดีเลอร์เปลี่ยนไป
มาตรวัดตลาดรถ
31 Jan 2024
BEV เกมเชนจ์ ดีเซลจะไปต่ออย่างไร ?
มาตรวัดตลาดรถ
31 Dec 2023
ปีใหม่-ยุคทองเก่าเก็บ
มาตรวัดตลาดรถ
30 Nov 2023
ปีที่คึกคักด้วยของใหม่
มาตรวัดตลาดรถ
31 Oct 2023
ญี่ปุ่น จีน ไทย ใครเข้าวิน
มาตรวัดตลาดรถ
30 Sep 2023
รถไทยในระยะถัดไป
ดูต่อในคอลัมน์ มาตรวัดตลาดรถ