รถสปอร์ทติดป้ายชื่อ ASTON MARTIN VANTAGE (แอสตัน มาร์ทิน วานเทจ) รุ่นที่อยู่ในสายการผลิตปัจจุบัน เปิดตัวเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2017 ในตัวถัง 2 ประตูคูเป 2+0 ที่นั่ง ซึ่งยาว 4.465 ม. กว้าง 1.942 ม. และสูง 1.274 ม. ติดตั้งเครื่องยนต์ทวินเทอร์โบเบนซิน DOHC วี 8 สูบ 32 วาล์ว ความจุ 3,982 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 375 กิโลวัตต์/510 แรงม้า และส่งกำลังสู่ล้อคู่หลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาแค่ 3.6 วินาที และทำความเร็วสูงสุด 314 กม./ชม.
ประมาณ 2 ปีหลังจากนั้น คือ ในเดือนกุมภาพันธ์ 2020 รถเปิดประทุนซึ่งติดป้ายชื่อ ASTON MARTIN VANTAGE ROADSTER (แอสตัน มาร์ทิน วานเทจ โรดสเตอร์) จึงตามมา เป็นรถ 2+0 ที่นั่ง ซึ่งมีขนาดตัวถังเท่ากันในทุกมิติกับรถคูเปซึ่งเป็นที่มา คือ ยาว 4.465 ม. กว้าง 1.942 ม. และสูง 1.274 ม. เครื่อง ยนต์กลไกต่างๆ ก็ไม่มีอะไรแตกต่างจากรถซึ่งเป็นที่มา ที่แตกต่าง คือ ตัวเลขสมรรถนะทั้งตีนต้น และตีนปลาย นั่นคือ เวลาในการทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 3.8 วินาที ความ เร็วสูงสุดลดลงเล็กน้อยเป็น 306 กม./ชม. ส่วนประทุนหลังคาที่ใช้ เป็นประทุนแบบอ่อน เปิด/ปิดโดยการกดปุ่ม การเปิดใช้เวลา 6.7 วินาที การปิดใช้เวลา 6.8 วินาที และทำได้เมื่อรถยังวิ่งเร็วไม่เกิน 50 กม./ชม.
มีรถโมเดลที่ 3 และ 4 คือ ASTON MARTIN VANTAGE F1 EDITION (แอสตัน มาร์ทิน วานเทจ เอฟ 1 เอดิชัน) ในตัวถังคูเป และตัวถังเปิดประทุนตามมาในเดือนมีนาคม 2021 เป็นรถที่ทำขึ้นเป็นพิเศษ ในวาระที่ค่ายนี้คืนสู่สนามแข่งรถฟอร์มูลา วัน ชิงแชมพ์โลกอีกครั้งหนึ่ง ในฤดูการแข่งขันปี 2021 ทั้ง 2 ตัวถัง ติดตั้งเครื่องยนต์บลอคเดิม แต่ปรับแต่งจนกำลังสูงสุดเพิ่มขึ้น 18 กิโลวัตต์/25 แรงม้า เป็น 393 กิโลวัตต์/535 แรงม้า
ส่วนรถโมเดลที่ 5 ซึ่งเป็นรถคูเปตามมาตอนกลางเดือนมีนาคม 2022 พร้อมกับป้ายชื่อ ASTON MARTIN V12 VANTAGE (แอสตัน มาร์ทิน วี 12 วานเทจ) และคำยืนยันว่าจะผลิตในจำนวนจำกัด คือ เพียง 333 คัน จุดเปลี่ยนสำคัญของรถโมเดลนี้ คือ การแทนที่เครื่องยนต์เทอร์โบเบนซิน วี 8 สูบ ด้วยเครื่องยนต์เทอร์โบเบนซิน วี 12 สูบ ซึ่งเป็นเครื่องขนาดความจุ 5,204 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 515 กิโลวัตต์/700 แรงม้า
ล่าสุดเป็นรถโมเดลที่ 6 คือ รถเปิดประทุน ASTON MARTIN V12 VANTAGE RAOADSTER ที่กำลังอวดโฉมอยู่ในขณะนี้ ไม่ต้องบอกก็คงทราบกันดีว่า เป็นรถเปิดประทุนที่พัฒนาต่อกิ่งต่อยอดมาจากรถคูเปซึ่งเป็นรถโมเดลที่ 5 นั่นเอง นอกจากเปลี่ยนหลังคาแข็งเป็นประทุนหลังคาแบบอ่อน เปิด/ปิดด้วยการกดปุ่ม โดยใช้เวลาเพียง 6.7 วินาที ในการเปิด และ 6.8 วินาที ในการปิด แล้วเหมือนรถโมเดลที่ 2 แล้ว กลไกต่างๆ ก็ไม่มีอะไรแตกต่างจากรถคูเปซึ่งเป็นที่มา เครื่องยนต์ซึ่งซ่อนตัวอยู่ใต้ฝากระโปรง ยังคงเป็นเครื่องทวินเทอร์โบเบนซิน วี 12 สูบ 48 วาล์ว ความจุ 5,204 ซีซี ซึ่งให้กำลังสูงสุด 515 กิโลวัตต์/700 แรงม้า ที่ 6,500 รตน. และให้แรงบิดสูงสุด 753 นิวตัน-เมตร/76.8 กก.-ม. ระบบเกียร์เพื่อส่งกำลังสู่ล้อคู่หลังก็ยังคงเป็นเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ
ที่เปลี่ยนไป คือ ตัวเลขความเร็วตีนต้น เพราะเวลาในการทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. เพิ่มจาก 3.4 เป็น 3.6 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดทำได้เท่ากัน คือ 322 กม./ชม. มีน้ำหนักรถพร้อมขับรวมผู้ขับ 1,855 กก. และมีอัตราการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 315 กรัม/กม. เมื่อวัดตามมาตรฐาน WLTP
ราคาค่าตัวของรถที่บอกว่าจะผลิตเพียง 249 คัน และมีผู้ซื้อไปหมดแล้วนี้ คือ 310,000 ปอนด์ หรือประมาณ 13.0 ล้านบาท เมื่อคิดว่าเงินอังกฤษ 1 ปอนด์ แลกได้ด้วยเงินไทย 42 บาทถ้วน
ASTON MARTIN V12 VANTAGE ROADSTER
รถสปอร์ทเปิดประทุน 2 ประตู 2+0 ที่นั่ง ขับเคลื่อนล้อหลัง
มิติตัวถัง 4.514x1.982x1.274 ม. น้ำหนักรถพร้อมขับรวมผู้ขับ 1,855 กก.
เครื่องทวินเทอร์โบเบนซิน วี 12 สูบ 5,204 ซีซี 515 กิโลวัตต์/700 แรงม้า
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 3.6 วินาที ความเร็วสูงสุด 322 กม./ชม.
ราคาในอังกฤษ เริ่มต้นที่ 310,000 ปอนด์ (ประมาณ 13.0 ล้านบาทไทย) 
