เป็นรถที่ค่าย “ดาวสามแฉก” กำลังจะบรรจุเข้าสู่สายการผลิตซึ่งตั้งอยู่ที่เมือง บเรเมน ของเยอรมนี แทนที่รถหัวกะทิโมเดลเดิม คือ MERCEDES-AMG C 63 S (เมร์เซเดส-เอเอมจี ซี 63 เอส) ซึ่งติดตั้งเครื่องยนต์ วี 8 สูบ ที่ให้กำลังสูงสุดระดับ 510 แรงม้า และเปลี่ยนจากรถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังของเครื่องยนต์เบนซินเพียงอย่างเดียว เป็นรถที่ใช้ทั้งพลังของเครื่องยนต์เบนซินและพลังของมอเตอร์ไฟฟ้า ตัวถังทั้งภายนอกและภายในมีรายละเอียดแตกต่างจากรถซึ่งมาแทนที่อยู่หลายจุด หน้าตาก็ดุดันกว่า และดูทรงพลังกว่า ความยาวตัวถังก็เพิ่มขึ้นประมาณ 5 ซม.
อย่างไรก็ตาม หัวใจของรถโมเดลนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เห็นได้ด้วยสายตา แต่อยู่ที่ระบบขับทุกล้อ PLUG-IN HYBRID (พลัก-อิน ไฮบริด) หรือไฮบริดชนิดต้องเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟแบทเตอรี ซึ่งใช้เครื่องยนต์ 4 สูบ ที่ทรงพลังที่สุดในโลก คือ เครื่องเทอร์โบเบนซินฉีดตรง 4 สูบเรียง 1,991 ซีซี 350 กิโลวัตต์/476 แรงม้า ทำงานร่วมกันกับมอเตอร์ไฟฟ้า 150 กิโลวัตต์/204 แรงม้า แบทเตอรี LITHIUM-ION ขนาดความจุ 6.1 กิโลวัตต์ชั่วโมง หนัก 89 กก.และระบบเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ AMG SPEEDSHIFT MCT 9G ได้กำลังรวมสูงสุดที่สูงถึง 500 กิโลวัตต์/680 แรงม้า
ทั้งตัวถังซีดาน และตัวถังตรวจการณ์ ใช้เวลาเพียง 3.4 วินาที ในการทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ความเร็วสูงสุดจำกัดไว้ที่ 250 กม./ชม. แต่สามารถเพิ่มได้เป็น 280 กม./ชม. ในกรณีของรถซีดาน และเป็น 270 กม./ชม. ในกรณีของรถตรวจการณ์ ส่วนการวิ่งด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ ซึ่งก็เป็นการขับทุกล้อเช่นกัน สามารถไปได้เพียง 13 กม. เท่านั้นเอง เนื่องจากแบทเตอรีมีขนาดเล็กมาก คนของค่ายดาว อธิบายว่า “รถโมเดลนี้ไม่ได้ตั้งใจให้ขับด้วยพลังไฟฟ้าไกลๆ แต่มุ่งที่สมรรถนะ”
ตัวถังทั้ง 2 แบบติดตั้งระบบบังคับเลี้ยวทุกล้อ ซึ่งล้อคู่หลังจะหันไปคนละทางกับล้อคู่หน้าได้สูงสุด 2.5 องศา เมื่อเลี้ยวโดยใช้ความเร็วยังไม่สูงกว่า 100 กม./ชม. แต่จะหันไปทางเดียวกันกับล้อคู่หน้าได้สูงสุด 0.7 องศา เมื่อวิ่งเร็วกว่านั้น 
