PORSCHE ประเทศไทย พร้อมลุยตลาดรถไฟฟ้า ตามนโยบายบริษัทแม่ “ฟอร์มูลา” สัมภาษณ์พิเศษ ปวราภา ดุพัสกุล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและประชาสัมพันธ์ PORSCHE ประเทศไทย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด
ฟอร์มูลา : PORSCHE ประเทศไทย วางนโยบาย และทิศทางการบริหารไว้อย่างไร ?
ปวราภา : ทิศทางของ PORSCHE ชัดเจนมาก เนื่องจากได้มีการประกาศเจตนารมณ์การเป็นองค์กร CARBON-NEUTRAL ไว้ว่า ภายในปี 2030 รถยนต์ที่จำหน่ายจะเป็นรถไฟฟ้ามากกว่า 80 % โดยรุ่นแรกจะเป็น PORSCHE TAYCAN (โพร์เช ไทย์คาน) และในอนาคตจะมีรถพลังงานไฟฟ้าเข้ามาเติมเต็มอีกหลายรุ่น
สำหรับ PORSCHE ได้ตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อสภาพแวดล้อม และสังคม สายการผลิตที่ปราศจากคาร์บอนไดออกไซด์ TAYCAN เป็นส่วนหนึ่งที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด โดยได้ลงทุนโรง งาน ซึ่งรวมถึงการผลิต TAYCAN ที่เป็นยานพาหนะปราศจากมลภาวะ หรือ ZERO-EMISSIONS
สำหรับประเทศไทย เดินแผนงานไปในทิศทางเดียวกับบริษัทแม่ เพราะปัจจุบันประเทศไทยมีการสนับสนุนสิทธิประโยชน์ด้านภาษีให้รถพลังงานทางเลือก พลัก-อิน ไฮบริด รถพลังงานไฟฟ้า 100 % ซึ่งตรงกับจุดมุ่งหมายของ PORSCHE นอกจากนี้ ยังทำให้คนไทยได้ซื้อรถในราคาที่คุ้มค่า
อีกทั้งที่ผ่านมา บริษัทแม่ได้ให้ความสำคัญกับตลาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากทั่วโลก ตลาดของเยอรมนี สาธารณรัฐประชาชนจีน และสหรัฐอเมริกาเริ่มอิ่มตัว มีอัตราการขยายตัวลดลง จึงหันมาเน้นที่ตลาดกำลังพัฒนาที่ยังมีการขยายตัว โดยได้มาเรียนรู้ และสำรวจความต้องการของตลาดในกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้รู้ว่าประสบปัญหาเกี่ยวกับกลุ่มกเรย์มาร์เกท จึงมีการเซทอัพเรื่องราคาใหม่ ทำให้ปัจจุบัน PORSCHE ประเทศไทย สามารถทำราคาแข่งขันกับกเรย์มาร์เกทได้ พร้อมปรับปรุงบริการหลังการขาย และการรับประกัน ทำให้ PORSCHE มียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
PORSCHE ประเทศไทย เป็นผู้นำเข้า และตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ PORSCHE อย่างเป็นทางการ รายแรกของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีศูนย์บริการซ่อมบำรุงแบทเตอรี HIGH VOLTAGE BATTERY REPAIR แบบครบวงจร พร้อมด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุด เพื่อรองรับการจัดเก็บ บำรุงรักษา และซ่อมแซมแบทเตอรีของรถยนต์ E-HYBRID และยนตรกรรมสปอร์ทพลังงานไฟฟ้า
ขณะเดียวกันบริษัทฯ ยังเดินหน้าขยายเครือข่ายสถานีชาร์จพลังงาน (PORSCHE DESTINATION CHARGING) อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่การใช้งานทั่วประเทศ ทำในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ รวมถึงสถานีบริการน้ำมันอีกหลายแห่ง
ฟอร์มูลา : PORSCHE ประเทศไทย ขยายการลงทุนในทิศทางใด ?
ปวราภา : หลังจากบริษัทแม่ให้ความสำคัญกับตลาดในประเทศไทย รวมถึงการเติบโตเพิ่มขึ้น ทำให้ PORSCHE ได้มีการวางแผนรองรับการขยายโชว์รูม และศูนย์บริการเพิ่ม จากเดิมที่มีอยู่ 4 แห่ง ได้แก่ PORSCHE CENTER BANGKOK, PORSCHE CENTER PATTANAKAN, PORSCHE CITY SHOWROOM SIAM PARAGON และ PORSCHE STUDIO BANGKOK ICONSIAM
สำหรับการลงทุนขยายสาขาครั้งนี้เปิดกว้าง องค์กรธุรกิจที่สนใจจะร่วมทำธุรกิจกับ PORSCHE ประเทศไทย ต้องมีความเชี่ยวชาญ มีประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจจำหน่าย และการให้บริการรถยนต์ระดับพรีเมียม มีกลยุทธ์การดำเนินงานที่ยั่งยืน และสามารถพัฒนาตลาดรถยนต์ PORSCHE ได้หลายมิติ
การเพิ่มโชว์รูม และศูนย์บริการอีก 3 แห่งนั้น PORSCHE ประเทศไทย จะดำเนินการลงทุน 2 แห่ง คือ ที่ชลบุรี และกัลปพฤกษ์ ส่วนอีกแห่งหนึ่งจะเป็นผู้ร่วมธุรกิจใหม่
ฟอร์มูลา : บริการเสริมในปัจจุบัน มีอะไรบ้าง ?
ปวราภา : PORSCHE ประเทศไทย ตอกย้ำนโยบาย AAS LOOKING AFTER YOU AND YOUR CAR เสริมสร้างความอุ่นใจ และปลอดภัย ให้ครอบครัว AAS ทุกท่าน ด้วยบริการที่หลากหลาย เน้นความสำคัญเรื่องบริการหลังการขาย การรับประกันนานสูงสุด 15 ปี แต่มีเงื่อนไขว่าเจ้าของรถต้องมีการเข้าใช้บริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มั่นใจว่ารถอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์
นอกจากนี้ ยังมีบริการเสริมอื่นๆ อีกมากมาย เช่น PORSCHE SERVICE CLINIC เป็นแคมเปญบริการหลังการขาย ซึ่งจะมีประมาณ 4 ครั้ง/ปี ที่จะเปิดบริการเสริมพิเศษเวียนไปในรถแต่ละรุ่น เช่น PORSCHE
PANAMERA G1-G2 SERVICE CLINIC 2023 เสริมความปลอดภัยพร้อมความมั่นใจในการขับขี่ ด้วยมาตรฐานการบริการหลังการขายจากโรงงาน PORSCHE แคมเปญพิเศษสำหรับช่วงฤดูต่างๆ เช่น AAS-PORSCHE RAINY SEASON SAFETY CHECK 2023, PORSCHE SUMMER CHECK 2023 และกิจกรรมเพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์การขับขี่โดยผู้เชี่ยวชาญ AAS-DRIVING EXPERIENCE 2023 และกิจกรรม PORSCHE DRIVER’S SAFETY TRAINING
ฟอร์มูลา : กลยุทธ์ที่ใช้ในการแข่งขัน ?
ปวราภา : PORSCHE ประเทศไทย จะทำงานร่วมกับเอเชียแปซิฟิค และโรงงาน ในการเลือกโมเดลที่เหมาะสม ตอบโจทย์ลูกค้า และสามารถสร้างยอดขายได้ดี โดยยึดตามนโยบายบริษัทแม่ คือ ส่งเสริมยานยนต์พลังงานไฟฟ้า นอกจากนี้ การหากลุ่มลูกค้าใหม่ เพื่อขยายฐานลูกค้าก็ถือเป็นสิ่งสำ คัญในการสร้างรากฐานที่แข็งแกร่ง ทำให้ PORSCHE เริ่มหาลูกค้ากลุ่มใหม่เพิ่มขึ้น จากเดิมที่ลูกค้าของ PORSCHE จะเป็นผู้ชายที่ประสบความสำเร็จ แต่ลูกค้ากลุ่มใหม่จะเป็นกลุ่ม YOUNG GENERATION ที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจ และกลุ่มผู้หญิง และยังต้องพยายามรักษาฐานลูกค้าเก่า ด้วยการบริการ สร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า
ฟอร์มูลา : รถรุ่นใดที่ได้รับความนิยมสูงสุด ?
ปวราภา : ปัจจุบันเป็น PORSCHE CAYENNE (โพร์เช คาเยนน์) เพราะคนไทยจะเลือกความคุ้มค่า และ PORSCHE CAYENNE ก็ตอบโจทย์ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นสปอร์ท อเนกประสงค์ และสามารถลุยสภาพถนนประเทศไทย รวมถึงการปรับโฉมใหม่ให้ดูโมเดิร์น ลักชัวรี ทำให้ลูกค้ากลุ่มผู้หญิงสนใจมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม คาดว่ารถยนต์รุ่นใหม่ที่จะเปิดตัวในอนาคตก็จะสามารถได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นจากการวิจัย และพัฒนาของบริษัทแม่ที่ต้องการตอบสนองความต้องการของลูกค้าในประเทศกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ฟอร์มูลา : คุณวางเป้าหมายของ PORSCHE ประเทศไทยไว้อย่างไร ?
ปวราภา : PORSCHE ประเทศไทย มียอดขายเติบโตขึ้นทุกปี โดยปี 2024 ตั้งเป้าเติบโตไม่ต่ำกว่า 20 %
ฟอร์มูลา : สิ่งที่ทำให้ PORSCHE ประเทศไทย ประสบความสำเร็จ ?
ปวราภา : บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด มีปรัชญาในการทำงานตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง คือ NEVER SACRIFICE LONG-TERM COMMIT MENT FOR SHORT-TERM GAIN เราจะไม่เห็นแก่ผลประโยชน์ระยะสั้น โดยละทิ้งอุดมการณ์ สู่ความสำเร็จในระยะยาว ซึ่งเป็นความตั้งใจในการทำธุรกิจ บวกกับบแรนด์ PORSCHE ซึ่งแข็งแกร่ง ที่พร้อมลงทุน วิจัยและพัฒนา เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ เห็นได้ชัดเจนจากการทุ่มงบสูงถึง 6,000 ล้านยูโร เพื่อพัฒนา PORSCHE TAYCAN พร้อมปรับปรุงสายการผลิตใหม่ PORSCHE PRODUCTION 4.0 ผสานกับแคมเปญเผยแพร่องค์ความรู้ให้กระจายทั่วถึงทุกภาคส่วนภายในองค์กร เพื่อสร้างสรรค์อนาคตของยานพาหนะพลังงานไฟฟ้า